บทที่ 8 บาดเจ็บ

โรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงในห้องพักครู

อวี้ฮ่าวหรานตอนนี้ได้มาถึงห้องพักครูของโรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าขณะนี้มีเด็กตัวอ้วนที่สูงแค่เอวของเขากำลังจ้องมองลูกสาวของเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง

ในขณะเดียวกันห่างไปไม่มากนักคุณครูสาวใส่แหวนก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มองคู่กรณีทั้งสองด้วยสายตาเหนื่อยใจ

“ถวนถวน ทีหลังหนูอย่าทะเลาะกับเพื่อนแบบนี้อีกนะมันไม่ดีเลยรู้ไหม…” คุณครูสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

จากนั้นเธอหันไปทางเด็กผู้ชาย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ส่วนเธอก็อีกคนหลิวหลู ทีหลังเธอห้ามรังแกถวนถวนอีกเข้าใจไหม? นับจากนี้ไปเธอห้ามหัวเราะเยาะถวนถวนอีกเด็ดขาด!”

อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด จากนั้นเขาก็รีบเดินไปหาถวนถวนทันที และสำรวจร่างกายลูกสาวของเขาอย่างละเอียด ซึ่งเขาก็เห็นว่าที่แขนของถวนถวนนั้นมีรอยถลอกเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่รอยถลอกเล็กน้อย แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหรานมันคือเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เจ็บคือลูกสาวของเขา!

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่คุณครูสาว และเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “คุณคงเป็นครูที่ดูแลลูกสาวผมใช่ไหม ผมคืออวี้ฮ่าวหรานเป็นพ่อของถวนถวน ไหนคุณลองเล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

ครูหวางรู้สึกคำพูดทุกอย่างมันจุกอยู่ที่คอ เพราะชายตรงหน้าของเธอตอนนี้ให้ความรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก สัญชาตญาณทุกส่วนของเธอมันร่ำร้องอย่างรุนแรงว่าคำตอบที่เธอกำลังจะพูดออกไปเธอต้องคิดมันให้ดี ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องมีปัญหาแน่นอน

อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกแปลกใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะปกติแล้วเวลาถวนถวนมีปัญหาคนที่มาคือน้าของเธอ แต่ในวันนี้มันกลับเป็นพ่อของเธอซะงั้น ไม่ใช่ว่าพ่อของถวนถวนหายตัวไปนานหลายปีแล้วเหรอ?

ครูหวางสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า จากนั้นเธอยิ้มและพูดว่า “เอ่อ…คือแบบนี้นะคะคุณพ่อของถวนถวน…เด็กสองคนนี้ทะเลาะกันเพราะ…และนั่นเป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นค่ะ”

หลังจากเล่าเหตุการณ์จบ ครูหวางก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนให้กับอวี้ฮ่าวหราน

ในทางกลับกันอวี้ฮ่าวหรานกลับยังไม่เชื่อคำพูดของครูหวาง เพราะมันอาจจะเป็นมุกเอาตัวรอดหรืออะไรบางอย่างที่เธอตั้งใจอยากให้เรื่องมันจบลงหรือเล็กลงกว่าที่ควรจะเป็น

อวี้ฮ่าวหรานลงไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าลูกสาวของเขา จากนั้นเขาก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูกพ่อ ไหนบอกพ่อมาตามตรงสิว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง แต่อย่าโกหกพ่อนะ ถ้าเด็กคนไหนโกหกจมูกจะยืดออกมาหนูรู้หรือเปล่า?”

“คุณพ่อ…คุณพ่อ…หนู..หนู…ไม่เป็นไร พวกเรา..กลับบ้านกันเลยได้ไหม..” ถวนถวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้สองแขนเล็ก ๆ โอบรอบคออวี้ฮ่าวหราน และซุกหน้าเล็ก ๆ ของเธอไปที่แผ่นอกที่เธอสัมผัสได้ว่ามันอบอุ่นและปลอดภัย

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กเมื่อได้ยินคำพูดของถวนถวนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติ

ทำไมหน้าอกของเขามันถึงเปียก!?

ลูกสาวของเทพผู้นี้ร้องไห้!?

“ถวนถวนไม่ต้องกลัว พ่ออยู่ตรงนี้แล้ว ลูกจำได้ไหมว่าเมื่อเช้าพ่อให้สัญญาว่าพ่อจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเสียใจอีก ลูกจำได้ไหม?”

เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานสูดหายใจลึกเพื่อพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ความโกรธที่มันอัดอั้นอยู่ในใจระเบิดออกมา ซึ่งมันจะทำให้ถวนถวนต้องหวาดกลัวแน่นอน

จากนั้นเมื่อเขาข่มอารมณ์ได้แล้ว เขาหันขวับไปที่ครูหวางทันที และถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ครูหวาง คุณอธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของอวี้ฮ่าวหราน ครูหวางอยากจะหลบสายตาหนี แต่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้เหมือนกันเธอกลับไม่สามารถหลบสายตาของเขาได้เลย เธอตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คะ คือ…คุณพ่อของถวนถวน อันที่จริงมันเป็นแค่เรื่องเด็กทะเลาะกันเท่านั้น แล้วหลิวหลูก็เผลอไปข่วนแขนของถวนถวน แต่เมื่อกี้ฉันพาถวนถวนไปที่โรงพยาบาลมาแล้วและคุณหมอก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร…”

แน่นอนว่าเหตุผลแค่นี้ไม่ได้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานพอใจขึ้นเลย

“ถ้ามันเป็นเรื่องทะเลาะกันเล็กน้อยทำไมลูกของผมถึงร้องไห้? ผมคิดว่าคุณควรบอกความจริงผมมาจะดีกว่า!”

ในขณะเดียวกับที่ครูหวางกำลังลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่ จู่ ๆ ประตูห้องพักครูก็เปิดออก และคนที่เข้ามานั้นเป็นชายวัยกลางคนตัวอ้วนหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนตัวร้ายตามแบบฉบับในหนังยังไงยังงั้น

“คุณหวาง คุณทำเกินไปหน่อยหรือเปล่าที่เรียกผมมาแบบนี้ กับอีแค่เรื่องเด็ก 2 คนทะเลาะกัน? คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเสียเวลาทำงานมากขนาดไหนในการเดินทางมาที่นี่?”

แน่นอนว่าผู้ที่มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพ่อของหลิวหลู หลิวเทียนอี้นั่นเอง ในตอนแรกที่เขาถูกโรงเรียนเรียกให้มาเนื่องจากลูกของเขาไปทะเลาะกับเด็กคนอื่น เขารู้สึกกังวลใจเล็กน้อยว่าลูกของเขาจะไปทะเลาะกับลูกของคนใหญ่คนโตที่ไหนหรือเปล่า

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินเข้ามา และเห็นอวี้ฮ่าวหรานที่แต่งตัวธรรมดา ๆ เขาก็แอบถอนหายใจที่คู่กรณีของเขาเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

ฮึ่ม! แบบนี้ค่อยจัดการง่ายหน่อย!

ทางด้านของหลิวหลูเมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองมาถึงแล้วเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันทีด้วยสีหน้าโล่งใจ และพูดฟ้องเสียงดัง “พ่อ ในที่สุดพ่อก็มา! ถวนถวนไม่มีพ่อแต่เธอกลับไม่ยอมรับความจริง!”

“ไอ้หยา! ลูกไปพูดแบบนี้กับคนอื่นได้ยังไง ลูกพูดแบบนี้มันไม่ถูกนะรู้ไหม การที่ลูกไปพูดว่าคนอื่นไม่มีพ่อทั้ง ๆ ที่ลูกมีพ่ออยู่แบบนี้มันเท่ากับเอาเปรียบคนอื่นมากเกินไปรู้ไหม?” หลิวเทียนอี้ยิ้ม และพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้วี่แววรู้สึกผิด

“ไม่ใช่แบบนั้นพ่อ ปกติแล้วทุกคนในห้องก็พูดแบบนี้กับถวนถวนอยู่บ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เห็นจะโวยวายอะไรเลย แต่วันนี้เธอเป็นอะไรไม่รู้ เธอเถียงผมเสียงดังจนทำให้ผมอายเพื่อน ๆ ทุกคนในห้อง!”

เมื่อได้ยินแบบนี้หลิวเทียนอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที เขาลูบหัวลูกชายของตัวเอง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม “โธ่ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แบบนี้ลูกก็ไม่ผิดอะไรหรอก เอาเป็นว่าในเมื่อลูกตีถวนถวนไปแล้วในวันนี้งั้นก็ให้มันแล้วกันไปก็แล้วกัน”

ครูหวางแสดงสีหน้าตกตะลึงเมื่อได้ยินคำสอนลูกของหลิวเทียนอี้แบบนี้

มิน่าล่ะทำไมเด็กคนนี้ถึงได้มีนิสัยแย่ ๆ แบบนี้ ที่แท้คนเป็นพ่อก็ให้ท้ายแบบนี้นี่เอง!

“เงียบไปเลยนะ! ฉันไม่ได้ไม่มีพ่อสักหน่อย! นี่ไงพ่อของฉัน ฉันไม่ยอมให้นายหรือว่าใครมาหาว่าฉันไม่มีพ่ออีกแล้ว! ฮือ…”

ถวนถวนเถียงกลับเสียงแข็ง เธอไม่ยอมอีกแล้ว เธอหันไปตวาดใส่คู่พ่อลูกเสียงดังลั่นทันที

“เป็นเด็กผู้หญิงแท้ ๆ แต่กลับตะโกนเสียงดังเอะอะโวยวาย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่มีใครสั่งใครสอนมารยาทเอาซะเลย หลูหลูลูกอย่าไปเอาอย่างเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาดเชียวนะรู้ไหม”

หลิวเทียนอี้ส่ายหัว และพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปทางอวี้ฮ่าวหราน และถวนถวน

สาเหตุที่หลิวเทียนอี้กล้าพูดจาน่าเกลียดแบบนี้เป็นเพราะเขาเห็นว่าตั้งแต่ต้นอวี้ฮ่าวหรานไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นไปอีกว่าฝั่งตรงข้ามต้องเป็นคนที่ไม่มีอะไรแถมยังขี้ขลาด เป็นคนที่เขาสามารถข่มเหงได้ตลอดเวลา

ครูหวางมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน ซึ่งยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาเป็นกังวลพร้อมกับคิดในใจ “นี่เขาเป็นคนยังไงกัน ทำไมถึงยอมให้คนอื่นข่มเหงได้ขนาดนี้? เขาเป็นคนขี้ขลาดหรือว่าเป็นอะไรกันแน่?”

อวี้ฮ่าวหรานได้ยินทุกคำที่ฝั่งตรงข้ามพูดออกมา แต่เขากลับยังไม่สนใจกับคู่พ่อลูกฝั่งตรงข้าม เขาลูบหัวปลอบถวนถวนอย่างอ่อนโยน และพูดกับลูกของเขาว่า

“ถวนถวน พ่อจะสอนประโยคหนึ่งให้ลูกจำเอาไว้ ลูกจำเอาไว้ให้ดี ๆ นะ”

“อืม!” ถวนถวนพยักหน้า

“มดแมลงอย่างแกกล้าดียังไงถึงได้มาส่งเสียงดังต่อหน้าเทพผู้นี้!?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีทีท่าว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย!