ตอนที่ 15 จิตวิญญาณแห่งขุนเขา

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิต จิตสามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ วิญญาณแปลงเป็นจิตได้ พวกเราต้องการจิตวิญญาณแห่งขุนเขา ต้องไปที่รวมตัวของพลังปราณก่อน”

สวีเสี่ยวหลานสวมชุดนักพรตสีขาว สาวเท้าเยื้องย่างอยู่ข้างหน้า พลางอธิบายให้อันหลินฟัง

กระพรวนล้ำค่าบนแถบคาดเอว ส่งเสียงดังกังวานตามการเคลื่อนไหวของนาง ประหนึ่งเสียงนกร้องขับขาน

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตรงไหนเป็นแหล่งรวมพลังปราณ” อันหลินเอ่ยถาม

“ตอนนี้ระดับของเจ้าต่ำเกินไป ยังไม่มีความรู้สึกกับระดับความเข้มข้นของพลังปราณ ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพึ่งข้า เจ้าไม่รู้หรอก”

สวีเสี่ยวหลานหันมามองอันหลินแวบหนึ่ง ด้วยสีหน้าลำพองใจ

“ข้าระดับกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดแล้ว เจ้าเองก็แค่ขั้นเก้า มีอะไรน่าอวดกัน”

เมื่อเห็นท่าทางของสวีเสี่ยวหลาน อันหลินก็รู้สึกไม่พอใจ โพล่งออกมาทันที

“นี่ ต้องขออภัย ข้าบรรลุกายแห่งมรรคขั้นสิบตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว” สวีเสี่ยวหลานยิ้มกริ่มมองอันหลินที่พูดไม่ออก “มีแค่เจ้าที่เพิ่มพลังยุทธ์ได้ คนอื่นจะเพิ่มระดับพลังยุทธ์ไม่ได้งั้นหรือ”

อันหลินยืนนิ่งอยู่กับที่ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา

ทำไมสวีเสี่ยวหลานมักจะทำร้ายคนโดยไม่รู้ตัวกันนะ…

อันหลินบำเพ็ญเพียรจากกายแห่งมรรคขั้นสามเป็นขั้นสี่ ใช้เวลาสามเดือน ส่วนการเพิ่มระดับพลังขั้นอื่นนั้น แท้จริงแล้วล้วนอาศัยโปรแกรมโกงมาทั้งสิ้น

แต่สวีเสี่ยวหลานเพิ่มระดับจากกายแห่งมรรคขั้นเก้าเป็นขั้นสิบ ใช้เวลาแค่สองเดือนงั้นเหรอ

ต้องรู้ว่าการเพิ่มระดับพลังยุทธ์ ยิ่งระดับสูงจะยิ่งยากลำบาก!

หากอันหลินบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว จากกายแห่งมรรคขั้นเก้าไปขั้นสิบ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ

สองปีหรือยี่สิบปี

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันหลินก็รู้สึกถึงเจตนาร้ายของอัจฉริยะ…

เขาตามหลังสวีเสี่ยวหลานอย่างกลัดกลุ้ม ด้วยจิตใจว้าวุ่น

ภายใต้การนำทางของสวีเสี่ยวหลาน เขามาถึงร่องน้ำแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

ธารน้ำใสสะอาดไหลมาตามร่องเขา รอบๆ มีดอกไม้สีแดงดุจเพลิงเบ่งบาน กลิ่นหอมประหลาดอบอวลอยู่ในอากาศ

อันหลินสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนี้ รู้สึกเนื้อตัวอ่อนเปลี้ย ออกแรงไม่ค่อยได้

“ดอกไม้นี่มีพิษใช่ไหม!”

เขาได้สติ ชี้ไปที่ดอกไม้ที่แดงชอบกลเหล่านั้นพลางพูดอย่างตกใจ

สวีเสี่ยวหลานกลอกตาใส่อันหลิน “ไม่รู้จักแม้แต่ดอกบัวไฟ วิชายาอายุวัฒนะอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนสอนเจ้าหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเสี่ยวหลาน ในที่สุดอันหลินก็นึกออกแล้ว

ดอกบัวไฟ สีแดงฉูดฉาด รูปร่างคล้ายดอกบัว กลิ่นเย้ายวน สูดดมนานวันสามารถบำรุงร่างกายได้ มีสรรพคุณก่อกำเนิดพลังปราณ สมุนไพรอายุวัฒนะขั้นแปด

สมุนไพรล้ำค่าทั่วไป มักจะแบ่งออกเป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ สมุนไพรสวรรค์และสมุนไพรวิเศษสามระดับ

สมุนไพรแต่ละระดับ จะปรุงออกมาเป็นเม็ดยาที่แตกต่างกัน เช่นสมุนไพรอายุวัฒนะสามารถปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ สมุนไพรสวรรค์ใช้ปรุงยาสวรรค์

สมุนไพรอายุวัฒนะขั้นหนึ่งล้ำค่าที่สุด และสมุนไพรอายุวัฒนะขั้นเก้าด้อยที่สุด

ดอกบัวไฟเป็นสมุนไพรอายุวัฒนะขั้นแปด ระดับขั้นต่ำไปหน่อย แต่อย่างไรเสียก็เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ ก็นับว่าเป็นสมุนไพรเลอค่าไหมเล่า!

เมื่อคิดได้ดังนั้น อันหลินก็นั่งลง เริ่มเปิดประสบการณ์การเก็บเกี่ยวของเขา…

สวีเสี่ยวหลานเห็นอันหลินกอดดอกบัวไฟแนบอกประหนึ่งแก้วตาดวงใจ ท่าทางราวกับเจอของล้ำค่า ลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าตัวเองมาที่นี่เพื่ออะไร จึงอดพึมพำไม่ได้ว่า “ไม่เอาไหนเสียเลย”

นางไม่มองอันหลินอีก แต่ใช้มือลูบผาหินที่ขรุขระ สัมผัสกลิ่นอายของพลังปราณที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน

“น่าจะที่นี่แหละ…” สวีเสี่ยวหลานพึมพำ

จากนั้น นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก ตะโกนด้วยเสียงที่ดังกังวานว่า

“ท่านเจ้าแห่งดิน ออกมาหน่อย!!!”

เพราะเสียงดังเกินไป ทำให้อันหลินที่นั่งยองๆ อยู่กับพื้นสะดุ้งโหยง

ไม่รอให้อันหลินได้สติ ผิวดินก็สั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นมาทันที

“แผ่น…แผ่นดินไหวหรือ” อันหลินทำหน้าตกใจ จากนั้นเขาก็เห็นฉากที่น่าตะลึงยิ่งกว่า

ร่างมหึมาที่ก่อตัวจากหิน ค่อยๆ ผุดขึ้นจากผิวดินช้าๆ

มันสูงหนึ่งจั้งกว่า ดวงตาสีเหลืองอ่อนเปล่งแสงเจิดจ้า ยามร่างกายเคลื่อนไหวเกิดเสียงหินกระทบกันดังสนั่น แลดูแข็งแกร่งยิ่งนัก

เมื่ออันหลินเห็นตัวประหลาดที่ก่อตัวจากหิน ไม่รู้เพราะเหตุใด เขานึกถึงตอนที่เล่นเกมเมื่อก่อน มักจะมีตัวละครมัลไฟต์ สัตว์ประหลาดหินโผล่มาบ่อยๆ…

แต่สัตว์ประหลาดหินตัวนี้ กลับถูกสวีเสี่ยวหลานเรียกว่าท่านเจ้าแห่งดินงั้นเหรอ

“เด็กน้อย เจ้าเรียกข้าหรือ”

เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากปากของสัตว์ประหลาดหิน เสียงไม่ดัง ทว่ากลับให้อารมณ์กดดันอยู่ลึกๆ

สวีเสี่ยวหลานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ามาที่นี่ เพราะอยากให้ท่านเจ้าแห่งดิน ประทานจิตวิญญาณแห่งขุนเขาให้พวกเราสักหน่อย”

พูดได้ครึ่งหนึ่ง สวีเสี่ยวหลานก็หันไปมองอันหลินแวบหนึ่ง เลิกคิ้วน้อยๆ จากนั้นพูดต่อว่า “ขอแค่สิบกรัมก็พอ”

“จิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรือ ข้ามีมากมายเชียวล่ะ ไม่คิดว่าจนตอนนี้ยังมีคนต้องการของสิ่งนี้อยู่อีก เอ้า ข้ามอบให้!”

สัตว์ประหลาดหินยื่นมือมา กลางฝ่ามือหิน มีลูกกลมๆ สีน้ำตาลปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า

สวีเสี่ยวหลานหยิบลูกกลมๆ เล็กๆ นั่นไปอย่างนอบน้อม โค้งตัวคำนับสัตว์ประหลาดหิน

อันหลินเห็นดังนั้นก็รีบเลียนแบบท่าทางของสวีเสี่ยวหลาน คำนับมันเพื่อแสดงความขอบคุณ

สัตว์ประหลาดหินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ละลายกลืนไปกับผิวดิน หายลับไปอีกครั้ง

“นี่ ได้จิตวิญญาณแห่งขุนเขามาแล้ว รีบกินเสียสิ”

สวีเสี่ยวหลานยื่นลูกกลมๆ สีน้ำตาลให้ถึงมืออันหลิน  แววตาฉายความคาดหวัง

“ได้มาง่ายขนาดนี้เลยหรือ ง่ายเกินไปหรือเปล่า”

ตอนแรกอันหลินคิดว่าการค้นหาจิตวิญญาณแห่งขุนเขา จะยากลำบากราวกับขุดหาอัญมณี ไม่คิดเลยว่าจะเรียก ‘เจ้าแห่งดิน’ ออกมา จากนั้นขอร้องมันให้ ‘ประทานให้’ เพียงน้อยนิดก็จบเรื่อง มันไม่เหมือนกันที่เขาคิดเลยสักนิด!

ต้องเคลียร์ดันเจี้ยน[1]ไม่ใช่เหรอ ต้องตามหาขุมทรัพย์ไม่ใช่หรือไง

หรือเจ้านี่จะไม่ใช่วัตถุล้ำค่า ทำไมถึงมอบให้ง่ายๆ ล่ะ

สวีเสี่ยวหลานได้ฟังก็ขำ “ทำไม ข้าเคยเจอแต่คนที่กลัวความยุ่งยาก ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนที่กลัวว่าเรื่องราวจะง่ายดายเกินไป”

อันหลินยิ้มแห้ง ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร เขาไม่อิดออดอีก รีบยัดจิตวิญญาณแห่งขุนเขาสีน้ำตาลเข้าปากทันที

รสสัมผัสของจิตวิญญาณแห่งขุนเขา เหนือความคาดหมายของอันหลินอย่างยิ่ง เมื่อเข้าปากแล้วละลายทันที รสชาติใกล้เคียงกับลูกอมมินท์ เจือรสหวานเย็นสดชื่น

“อืม อร่อย” อันหลินพยักหน้าชื่นชม

สวีเสี่ยวหลานกลั้นขำ ถามอย่างคาดหวังว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

“ไม่รู้สึกอะไรนี่นา ต้องรู้สึกอะไรงั้นหรือ” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน เอ่ยปากถามอย่างฉงนใจ

คราวนี้ สวีเสี่ยวหลานกลัดกลุ้มนิดหน่อย ราวกับรู้สึกผิดหวังเมื่อเรื่องที่นางคาดหวังให้เกิดไม่เกิดขึ้น

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงติ้งดังขึ้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบเทพสงครามของอันหลิน

‘ดูดซึมจิตวิญญาณแห่งขุนเขาสิบกรัมแล้ว ยินดีด้วย หมัดสะเทือนขุนเขา วิชาเซียนเทพสงครามขั้นต้น สำเร็จแล้ว!’

จากนั้น ข้อมูลของหมัดสะเทือนขุนเขา การกระตุ้นพลังภายในและผลของการใช้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หลั่งไหลเข้ามาในสมองของอันหลินราวกับเทน้ำราดหัว

ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหลินสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าได้รับวิชาเซียนของเทพสงครามขั้นต้นแล้ว

เขารู้ว่าหากฝึกหมัดสะเทือนขุนเขาได้สำเร็จ หนึ่งหมัดสามารถทลายขุนเขาได้!

อันหลินรวบรวมพลังภายในของหมัดสะเทือนขุนเขา แสงทองรวมตัวที่กำปั้นของอันหลิน ภายในแฝงด้วยพลังชีวิตอันปั่นป่วน

สวีเสี่ยวหลานเห็นแสงทองที่รวมตัวกันบนหมัดของอันหลิน ใบหน้าก็แสดงอาการประหลาดใจออกมา

อันหลินปล่อยหมัดโจมตีหน้าผาที่อยู่ไกลๆ กำปั้นระเบิดแสงทองเจิดจ้า

ภาพของกำปั้นสีทองขนาดหนึ่งจั้ง กระเพื่อมออกจากหมัดของเขา พุ่งไปหาหน้าผาพร้อมกับพลังหมัดมหาศาล

ตูม!

ภูเขาตรงหน้าอันหลินสั่นระริก หน้าผาถูกหมัดโจมตีจนเศษหินกระเด็นกระดอน

จากนั้น เขาก็พบอย่างน่าตะลึงว่า มีรอยหมัดขนาดหนึ่งจั้งที่ยุบลงไปบนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้น…

……………………

[1] ดันเจี้ยน (Dungeon) พื้นที่ที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อทำภารกิจหนึ่งๆ โดยมีรางวัลเป็นไอเทมต่างๆ