บทที่ 6 ละอายใจจนโมโห

The king of War

บทที่6 ละอายใจจนโมโห

หลังจากที่เหม่อสักพัก ใบหน้าหวังเจี้ยนก็ตื่นตระหนก โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของฉินซี ก็ยิ่งร้อนรนรีบอธิบาย “เสี่ยวซี เธออย่าฟังมันพูดมั่วนะ ฉันจะทำร้ายเสี้ยวเสี้ยวได้ยังไงกัน?”

หวังเจี้ยนรู้สึกละอายใจมาก เขาไม่รู้เรื่องของทับทิม ถ้าหากรู้ว่าทับทิมล้ำค่าขนาดนี้ ตีให้ตายเขาก็ไม่มีทางให้สร้อยข้อมือเส้นนี้ เขาแค่ให้เงินลูกน้องไป 6 หมื่น สุดท้ายก็ซื้อสร้อยข้อมือเส้นนี้มา

“ฉันพูดมั่ว?”

หยางเฉินยิ้มเยาะ “ทับทิมหายากขนาดไหน แล้วล้ำค่ามากขนาดไหน นายไม่รู้ ตอนนี้ก็สามารถเข้าเน็ตไปค้นหาดูได้ ดูว่าฉันพูดมั่วจริงรึเปล่า”

“หยางเฉิน แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”

ในตอนที่หวังเจี้ยนกำลังจนมุม คุณแม่ฉินก็โมโหแล้วดุว่า “แกมันคือตัวอะไร? มีสิทธิ์ที่จะมาต่อว่าคุณชายหวัง? คุณชายหวังพูดแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้เขาขอร้องให้เพื่อนซื้อมาจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับคุณชายหวัง อย่างน้อยคุณชายหวังก็ยอมเสียแรงมากมายเพื่อเตรียมของขวัญ แล้วแกละ? หายตัวไปห้าปี เจอลูกสาวแท้ๆของตัวเองครั้งแรก ให้แค่เพียงก้อนหินที่เก็บมาแค่นี้หรอ?”

หยางเฉินรู้ว่าถึงเขาอธิบายก็ไม่มีความหมาย ยังไงซะในสายตาของคุณแม่ฉิน เขาก็แค่ขยะไร้ประโยชน์ เทียบกับคุณชายใหญ่ตระกูลหวังในสายตาของคุณแม่ฉิน นั้นมันฟ้ากับดินชัดๆ

เพียงแต่คุณแม่ฉินไม่รู้ ฟ้ากับดินในสายตาของเธอนั้นมันสลับที่กันตั้งนานแล้ว

“พอแล้ว!”

ฉินซีที่เงียบมาตลอด ในที่สุดก็ระเบิด ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเอง สายตามองไปที่หวังเจี้ยน “สามีฉันทิ้งของๆนายไป ขอโทษด้วย แต่ว่านายสบายใจได้ 6 แสน ฉันจะชดใช้ให้นายเอง”

“หา?”

หวังเจี้ยนอึ้ง รีบส่ายหัวรัวๆ “ครั้งนี้ฉันตาบอดเชื่อใจคนผิดเอง ในเมื่อสร้อยข้อมือเส้นนี้มีรังสี ก็ไม่สามารถให้เสี้ยวเสี้ยวเป็นของขวัญแน่นอนอยู่แล้ว ไว้วันหลังฉันจะให้ของขวัญที่ดีกว่าเดิมย้อนหลังนะ”

“ไม่จำเป็น!”ฉินซีตอบอย่างเย็นชา

เห็นแบบนี้ หวังเจี้ยนก็ไม่พูดอะไรเพิ่ม ฉินซีกำลังโมโห มีความไม่พอใจตัวเขาเองอยู่มาก ถ้าตอนนี้ยังเถียงกับฉินซี โอกาสของเขาก็ยิ่งลดน้อยลงไปอีกสิ

และในตอนนี้เอง รถ Rolls- Royce สีดำป้ายทะเบียน เจียงA88888 คันหนึ่งค่อยๆจอดลงที่หน้าบ้านตระกูลฉิน ด้านหลังมี รถ Maserati สีขาวคันใหม่ล่าสุดที่ยังไม่มีแม้แต่ทะเบียนรถขับตามหลังมา ด้านในรถตกแต่งเป็นสีแดงล้วน ดูก็รู้ว่าเป็นรถสำหรับผู้หญิง

ชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนลงมาจากรถ Rolls- Royce ยกกล่องที่ใหญ่มากๆกล่องหนึ่งเดินเข้าในบ้านตระกูลฉิน

“คุณฉินคะ ด้านนอกมีคนมา บอกว่ามาให้ของขวัญค่ะ แล้วยังยกกล่องที่ใหญ่มากๆมาด้วยกล่องหนึ่งค่ะ”

หลังจากที่แม่บ้านออกไปดูมา ก็พูดอย่างดีใจว่า “ใช่สิ หน้าบ้านยังมี รถ Rolls- Royce ทะเบียน เจียงA88888 อีกคันด้วยค่ะ”

ตอนแรกที่ได้ยินว่ามีคนมาให้ของขวัญ คนตระกูลฉินไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้ยินว่ามี รถ Rolls- Royce ทะเบียน เจียงA88888 จอดอยู่คันหนึ่งด้วย ใบหน้าของทุกคนก็ตกตะลึงทันที

คุณพ่อฉินถึงกับเด้งตัวลุกขึ้น รีบถามต่อ “เธอแน่ใจนะว่า เลข 8 ทั้งหมด 5 ตัว?”

“คุณฉินคะ แน่นอน100%เลยค่ะ เลข 8 ทั้งหมด 5 ตัวจริงๆค่ะ”แม่บ้านรีบพูด

“ทุกคนรีบออกไปต้อนรับกับฉันเดี๋ยวนี้!”คุณพ่อฉินตัดสินใจ แล้วรีบออกไปที่ลานหน้าบ้าน

เจ้าของรถทะเบียน เจียงA88888 เป็นถึง ซูเฉิงอู่ที่รวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?

คุณพ่อฉินพาทุกคนวิ่งออกไป ก็เห็นแค่ชายวัยกลางคนใส่สูทรองเท้าหนังคนหนึ่ง

“สวัสดีครับ!”

คุณพ่อฉินรีบวิ่งไปที่ตรงหน้าชายวัยกลางคน แล้วก็ยื่นมือไปทักทาย

ในตอนที่หวังเจี้ยนเห็นชายวัยกลางคนคนนั้น ใบหน้าตะลึง คนนี้คือโจวฝูพ่อบ้านข้างกายของซูเฉิงอู่ ถึงแม้จะเป็นแค่พ่อบ้าน แต่ถึงแม้จะเป็นพ่อของเขา ถ้าเจอกับโจวฝูยังต้องก้มหัวทักทาย

“ที่แท้ก็พ่อบ้านโจวมานี่เอง ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างดีครับ หวังว่าจะให้อภัยครับ!”หวังเจี้ยนทำท่าทางคุ้นเคย เดินเข้าไปหาโจวฝู แล้วก็ยื่นมือทั้งสองข้างไปทักทาย

โจวฝูขมวดคิ้วมองหน้าเขา “นายเป็นใคร?”

หวังเจี้ยนรีบพูด “พ่อบ้านโจวครับ ผมเป็นลูกชายของหวังต้าลี่ครับ อาทิตย์ที่แล้วยัง……”

“หลีกไป!”

ไม่รอให้หวังเจี้ยนพูดจบ โจวฝูก็พูดอย่างรำคาญ หวังเจี้ยนตกใจเกือบจะฉี่ราดแล้ว

ตระกูลหวังก็ถือเป็นผู้มีอำนาจในเจียงโจว แต่ถ้าเทียบกับตระกูลซูก็เทียบไม่ติดสักนิด

เมื่อกี้เขายังทำเป็นรวยต่อหน้าทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกทำลายภาพลักษณ์ทิ้งเร็วขนาดนี้

คุณพ่อฉินที่ตอนแรกอยากจะสอบถาม ตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดมากแล้ว

โจวฝูเอาใบรายการสินสอดออกมาใบหนึ่ง แล้วก็อ่าน

“เงินทองไหลมาเทมา ร้านค้าสิบร้านในย่านผู้คน”

“ยาวๆนานๆ หุ้น 99% ของโรงแรมจินสี่”

“ไม่อ่อนไหว รถ Maserati หนึ่งคัน คฤหาสน์มูนไลท์หนึ่งหลัง”

………..

“สีสันมากมาย เงินสดสินสอดจำนวน หนึ่งล้านห้าพัน หยวน”

จนถึงแจ้งรายการสินสอด ทุกคนถึงได้รับรู้ถึงการส่งของขวัญให้ในครั้งนี้

มองดูธนบัตรที่วางเป็นปึกอยู่ในกล่อง และกุญแจรถ ใบยืนยันหุ้น และใบโฉนดบ้านต่างๆนานาที่เป็นของขวัญมูลค่าสูง ทุกคนนั้นตะลึง โจวฝูจากไปนานแล้วทุกคนยังไม่รู้สึกตัวเลย

“พี่เขย พี่มีลูกสาวที่ดีจริงๆ!”ในที่สุดก็มีคนทำลายความเงียบ

“สมแล้วที่เป็นคนรวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว เงินมากมายขนาดนี้ หลังจากนี้เสี่ยวยีก็มีบุญแล้ว”

“เสี่ยวยี ถ้าแต่งเข้าบ้านตระกูลซูแล้ว อย่าลืมญาติอย่างพวกเรานะ!”

………..

ชั่วขณะหนึ่งทุกคนก็ไปล้อมรอบตัวฉินยี

พี่สาวเป็นถึงคนสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว แล้วน้องสาวจะธรรมดาที่ไหนละ?

ตอนแรกฉินยียังไม่รู้สึกตัว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงของญาติๆทั้งหลายแล้ว ถึงนึกขึ้นได้ว่าพี่สาวแต่งงานแล้ว สินสอดพวกนี้ แน่นอนว่าต้องให้เธอสิ แต่ว่าเธอไม่เข้าใจว่าไปมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้ชายในตระกูลซูเมื่อไหร่?

หยางเฉินอยู่ข้างกายฉินซี มองดูสายตาของฉินซีที่มีความอิจฉาเล็กน้อย ในใจนั้นมีแต่ความรู้สึกแย่ ของพวกนี้ให้เธอทั้งนั้น ทำไมเธอต้องอิจฉา?

แต่ว่าคำพูดพวกนี้ เขาพูดออกไปก็ไม่มีคนเชื่อ

“เห็นรึยัง? นี่ถึงจะเป็นความรัก! พี่สาวแต่งให้นาย ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับสินสอด แต่ยังถูกนายเอาไปอีกห้าแสน ผู้ชายอย่างนาย ชีวิตนี้ให้ความสุขพี่สาวไม่ได้หรอก ฉันแนะนำให้นายรีบหย่ากับพี่สาวดีกว่า”ฉินยีเดินไปตรงหน้าหยางเฉิน แล้วหยิบเอากุญแจรถ Maserati ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

หยางเฉินมองหน้าเธอนิ่งๆ แล้วก็พูดอย่างประชดนิดหน่อยว่า “เธอมั่นใจขนาดนี้เลยหรอว่าของพวกนี้ให้เธอ?”

ได้ยินคำนี้ ฉินยีก็รู้สึกละอายใจนิดหน่อย ยังไงซะเธอก็ไม่เคยรู้จักกับผู้ชายตระกูลซูมาก่อน แต่ไม่นานเธอก็เอาความคิดนี้ทิ้งไว้ข้างหลัง พูดอย่างโมโหว่า “หยางเฉิน นายมันขยะ นายหมายความว่ายังไง? บ้านฉันมีแค่ฉันที่ยังไม่แต่งงาน สินสอดพวกนี้ถ้าไม่ให้ฉัน จะให้นายหรือไง?”