ตอนเซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้น ด้านนอกยังมีแสงแดดสาดส่อง น่าจะหลับไปเพียงไม่นาน นางเห็นเซียวจื่อเมิ่งที่นอนอ้าปากน้ำลายไหลอยู่ข้างๆ พร้อมส่งเสียงละเมอเบาๆ
ดวงหน้าเล็กจิ้มลิ้ม นอนหลับอย่างสบายใจ ใบหน้าเล็กมีสีแดงเลือดฝาด แก้มสีชมพูอ่อนนุ่ม
เมื่อก่อนแม่มักจะบอกว่า ที่น้ำลายไหลเป็นเพราะร้อนใน ดังนั้นหากเซี่ยยวี่หลัวบอกตนเช่นนี้ตอนนอนน้ำลายไหล แม่ก็จะตุ๋นซุปหมูสับให้นางกินแก้ร้อนในตลอด
เซี่ยยวี่หลัวใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบน้ำลายให้เซียวจื่อเมิ่งอย่างระมัดระวัง เซียวจื่อเมิ่งค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เอ่ยเรียกด้วยอาการสะลึมสะลือ “พี่รอง…”
ทันใดนั้น เหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างออก จึงลืมตาอย่างฉับพลัน เห็นใบหน้างดงามประหนึ่งเทพธิดาในภาพวาดอยู่ตรงหน้าตัวเอง “พี่… พี่สะใภ้ใหญ่…”
ในที่สุดเซียวจื่อเมิ่งก็นึกขึ้นได้ ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหน
นางรีบลุกขึ้น รู้ว่าตัวเองนอนน้ำลายไหล จึงรีบเช็ดหมอนทันที รอยน้ำไหลเป็นทางประทับลงบนหมอน เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความหวาดกลัว กล่าวด้วยอาการตื่นตระหนก “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้า… ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
ทำหมอนปักลายดอกยวี่หลานที่มีกลิ่นหอมของพี่สะใภ้ใหญ่เลอะเสียแล้ว
นางเบะปากด้วยท่าทางน่าสงสาร เกือบจะร้องไห้ออกมา
เซี่ยยวี่หลัวเคาะศีรษะนางเบาๆ “เป็นอะไรไป?”
“พี่สะใภ้ใหญ่ ขอโทษ ข้า ข้าทำหมอนท่านเลอะ…” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอ้ำอึ้ง ใบหน้าที่ก้มอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งคราว ด้วยกลัวว่าเซี่ยยวี่หลัวเดือดดาบจนด่านาง
ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้!
เซี่ยยวี่หลัวเคาะศีรษะเซียวจื่อเมิ่งเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เลอะแล้วก็ไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่ค่อยซักให้สะอาดก็ได้”
เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกตกตะลึง ดวงตาสีดำมองนางเพื่อดูเชิง
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่ถือโทษจื่อเมิ่งจริงหรือ?” นางเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น
เซี่ยยวี่หลัวลูบศีรษะเล็กของเซียวจื่อเมิ่งด้วยความอ่อนโยน เพียงกล่าวว่าเด็กโง่ จากนั้นจึงลุกขึ้นจากเตียง สวมเสื้อผ้าพลางกล่าว “จื่อเมิ่งลุกกันเถอะ นอนกลางวันมากเกินไปกลางคืนจะนอนไม่หลับ”
เซียวจื่อเมิ่งสวมเสื้อตัวนอกอย่างว่าง่าย หลังจากทั้งสองสวมเสื้อตัวนอกกันเสร็จแล้ว เซียวจื่อเมิ่งจึงคิดจะลงจากเตียงสวมรองเท้า
เซี่ยยวี่หลัวหยิบรองเท้าของเซียวจื่อเมิ่ง ก่อนย่อตัวลงสวมให้นาง
เด็กหญิงกลับตกใจจนไม่กล้าขยับ ขาเกร็งจนตึง ปล่อยให้เซี่ยยวี่หลัวช่วยสวมรองเท้าให้นาง
นางมองแผ่นหลังของเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการนิ่งอึ้ง ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ
พี่สะใภ้ใหญ่กำลังสวมรองเท้าให้นาง!
เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ นางเพียงทำตามใจอยากเท่านั้น ชาติก่อน ลูกๆ ของญาติผู้พี่นาง แม้แต่เด็กที่อายุเจ็ดแปดขวบแล้ว ญาติผู้พี่ยังสวมเสื้ออาบน้ำใส่รองเท้าป้อนข้าวให้อยู่เลย!
นับประสาอะไรกับเด็กอายุหกขวบ!
หลังสวมเสร็จนางจึงหยิบหวีมาทำผมทรงซาลาเปาให้เซียวจื่อเมิ่ง
ตอนแรกเซียวจื่อเมิ่งยังกลัวอยู่บ้าง ในภายหลังเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ยังคงเป็นกันเองและอ่อนโยน แม้แต่ตอนหวีผมให้นางยังหวีด้วยความระมัดระวัง ด้วยกลัวว่านางจะเจ็บ จิตใจเซียวจื่อเมิ่งที่รู้สึกหวาดหวั่นมาตลอดจึงได้ผ่อนคลายลง
ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน!
หลังจากแต่งตัวให้เซียวจื่อเมิ่งเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงถามนาง “จื่อเมิ่ง ในหมู่บ้านของเรามีใครขายเนื้อหมูบ้าง?”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางมึนงง “ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ”
เพราะนางเองก็แทบไม่เคยกินเนื้อหมู จึงไม่รู้ว่าภายในหมู่บ้านมีคนขายเนื้อหมูหรือไม่
เซี่ยยวี่หลัวท้อใจยิ่งนัก หากหาซื้อเนื้อหมูไม่ได้ก็ไม่มีเนื้อให้กิน
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไร มองดูดวงตะวันด้านนอกที่เริ่มเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก นางออกไปเก็บเครื่องนอนด้านนอกเข้ามา
เซียวจื่อเมิ่งไปช่วยนางเก็บ
เซี่ยยวี่หลัววางทั้งผ้าปูและผ้านวมที่เซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนเคยใช้ซ้อนกันบนเตียง มีสองชั้นก็จะนุ่มขึ้นมาก เซียวจื่อเมิ่งเห็นนางทำเช่นนั้น จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง “พี่สะใภ้ใหญ่ นั่นเอาไว้ห่ม!”
ถ้าเอาไปนอน พี่รองก็ไม่มีอะไรให้ห่มแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวย่อมรู้ นางปูที่นอนจนเรียบ “ข้ารู้ ข้าจะเปลี่ยนผ้านวมให้พี่รองเจ้า”
นางปูผ้าปูเตียงสีม่วงที่นางเคยใช้แต่ยังใหม่อยู่ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายละเอียดไว้บนเตียง จากนั้นจึงนำผ้านวมฝ้ายชั้นหนาที่มีขนาดเล็กกว่าเตียงเล็กน้อยออกมา ใส่ปลอกผ้านวม
ผ้าปูเตียงในตอนนี้มีผืนใหญ่อยู่ด้านล่าง ด้านบนเป็นผ้าปูผืนเล็ก ใส่ปุยฝ้ายไว้ด้านใน ยังต้องร้อยด้ายใช้เข็มเย็บเก็บขอบ
เข็มที่ใช้เย็บผ้านวมทั้งยาวและใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวเย็บปักอย่างคล่องแคล่ว เริ่มเย็บผ้าปูที่นอน
เซียวจื่อเมิ่งช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นพี่สะใภ้ใหญ่จัดเตียงพี่รองจนเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับเล่นกล นางก็ตกใจจนอึ้ง
ผ้าฝ้ายละเอียดสีม่วงปูอยู่บนเตียง มองแวบเดียวก็รู้ว่าทั้งนุ่มและสบาย เมื่อครู่เซียวจื่อเมิ่งได้นอนในผ้านวมอ่อนนุ่มที่อยู่ภายในห้องเซี่ยยวี่หลัว
คืนนี้ พี่รองก็จะได้นอนในผ้านวมอ่อนนุ่มเหมือนกัน!
เซียวจื่อเมิ่งลูบปุยฝ้ายชั้นหนาและอบอุ่น จากนั้นจึงแหงนหน้าเอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางหวั่นเกรง “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่คือที่นอนของพี่รองอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวเย็บผ้านวมเสร็จแล้ว ปูให้เรียบ พับด้านบนสุดขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นหมอน พอตกกลางคืนก็เลิกผ้านวมขึ้นแล้วเอนกายนอนบนหมอนได้เลย
เมื่อเก็บเข็มและด้ายเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ใช่แล้ว เป็นที่นอนของพี่รองเจ้า! เราไม่เพียงแต่จะให้พี่รองของเจ้านอนหลับอย่างอบอุ่น ต่อไปยังจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พี่รองของเจ้าด้วย!”
เซียวจื่อเมิ่งปรบมือและร้องด้วยความดีใจ “ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน พี่รองจะได้นอนที่อุ่นๆ แล้ว ยังจะได้ใส่เสื้อผ้าใหม่อีกด้วย”
ท่าทางดีอกดีใจนั่น ราวกับว่าที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการปฏิบัติดีเช่นนี้มาก่อน
เซี่ยยวี่หลัวได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ จมูกก็แสบขึ้นมา “ที่ผ่านมาเจ้ากับพี่รอง ไม่ได้นอนบนที่นอนอบอุ่นเช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ?”
เซียวจื่อเมิ่งมองพี่สะใภ้ใหญ่ของตน ความหวาดกลัวผุดขึ้นในใจ เซี่ยยวี่หลัวย่อตัวลง มองหน้านางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกลัว ลองบอกพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็อยากรู้!”
เซียวจื่อเมิ่งรวบรวมความกล้า “ไม่อบอุ่นเจ้าค่ะ ตอนนี้ยังดีหน่อย ถ้าหิมะตกหนักกว่านี้ พี่ใหญ่เอาผ้านวมของเขามาให้พวกเรา แต่พวกเราก็ยังไม่อุ่น พี่ใหญ่จึงมาอุ่นเท้าให้พวกเรา วางเท้าของข้ากับพี่รองไว้ตรงอกของเขา จนเท้าอุ่นแล้วจึงจากไป แต่ผ้านวมของเขาไม่หนา จึงไม่อุ่นเหมือนกัน ถึงตอนกลางคืนพี่ใหญ่จะหนาวจนตัวสั่น”
ราวกับเกรงว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไม่เชื่อ เซียวจื่อเมิ่งจึงกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค “ตอนข้ากับพี่รองไปดูพี่ใหญ่กลางดึกพวกเราเห็นจริงๆ พี่ใหญ่หนาวจนหน้าซีดเลยเจ้าค่ะ!”
หยาดน้ำตาร้อนรุ่มไหลอาบลงข้างแก้ม เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอย่างตกตะลึง “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านถึงร้องไห้เล่า?”
หรือว่านางจะพูดอะไรผิดทำให้พี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกเสียใจ
เซี่ยยวี่หลัวได้สติกลับมา จึงเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ยิ้มพร้อมกล่าว “อ่อ แค่ฝุ่นเข้าตา”
เซียวจื่อเมิ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
พี่สะใภ้ใหญ่เก็บกวาดภายในบ้านจนสะอาดขนาดนี้ ยังจะมีฝุ่นอีกหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจสงบจิตใจลงได้เลย
มิน่าล่ะในภายหลังเซียวยวี่ถึงได้แค้นเซี่ยยวี่หลัวถึงเพียงนั้น หากลองเปลี่ยนกัน เซี่ยยวี่หลัวเองไม่มีทางให้อภัยไปชั่วชีวิต
หลังจากเก็บที่นอนเสร็จ ดูเวลาก็ใกล้เย็นแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงไปห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น
เย็นนี้กินข้าวหุง และไข่ตุ๋น
นางตอกไข่สามฟอง คนให้เข้ากันแล้วเติมเกลือ เหยาะน้ำมัน ใส่น้ำ แล้วจึงวางบนข้าวเพื่อตุ๋น
เซียวจื่อเมิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวอยู่ตลอด มีผู้ช่วยตัวน้อยเช่นนี้ คอยช่วยใส่ฟืน ทำนู่นนี่ช่วยเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ถึงกับยุ่งเกินไป
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดีเมื่อพบว่า เซียวจื่อเมิ่งไม่ได้กลัวตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกำลังค่อยๆ ดีขึ้น
นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี