เมื่อนางเห็นท่าทางสามีเช่นนั้น จึงกล่าว “เจ้าก็คิดว่าข้าพูดถูกใช่หรือไม่? ข้าบอกแล้ว คนแซ่เซี่ยนั่นทำดีต่อหน้าคิดร้ายลับหลัง ไม่ได้ทำด้วยความหวังดี”
ท่านลุงสี่ลงจากเตียงเตา สวมรองเท้าเดินไปด้านนอกด้วยท่าทางรีบร้อน ท่านป้าสี่นึกว่าเขากำลังจะไปว่ากล่าวเซี่ยยวี่หลัว จึงรีบขวางไว้พร้อมกล่าว “เจ้าเป็นอะไรไป? ข้าแค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าคิดจะทำอะไร? คนแซ่เซี่ยนั่นฝีปากดีเสียยิ่งกว่าอะไร คนตายยังพูดให้เป็นคนเป็นได้ ทั้งหมู่บ้านมีใครสู้นางได้ เจ้าไปเท่ากับรนหาที่ไม่ใช่หรือ!”
ท่านลุงสี่กล่าวด้วยท่าทางรีบร้อน “ไม่ใช่ ก่อนอายวี่จะไป เขากล่าวประโยคหนึ่ง ข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะเด็กคนนั้นบอกจื่อเซวียนจื่อเมิ่งแล้วว่าจะรีบกลับมา ทำไมถึงพูดกับข้าอีกหน วันนี้พอเจ้าเล่าให้ฟังข้าก็เข้าใจแล้ว เขาต้องการให้ข้าไปบอกภรรยาของเขา!”
เมื่อท่านป้าสี่ได้ยินว่าเขากำลังจะไปส่งข่าวให้เซี่ยยวี่หลัว ก็ชักสีหน้าทันที “อายวี่จะฝากไปบอกนาง? บ้าไปแล้ว!”
“ข้าคิดว่าน่าจะใช่ วันที่อายวี่ไป ข้าเป็นคนส่งเขาไปเอง วันนั้นภรรยาของเขาตามมาไกลมาก จากนั้นยังตะโกนไม่หยุดเลยว่า เซียวยวี่ ข้าจะรอเจ้ากลับมา ตอนนั้นข้าบอกให้อายวี่ตอบกลับนาง แต่อายวี่ไม่ยอม หลังจากเข้าไปในตัวเมือง เขาก็กล่าวประโยคนั้นกับข้าอย่างแปลกประหลาด ข้าจึงคิดว่าเขาอยากฝากให้ข้าไปบอกภรรยาของเขา!”
“เจ้าดูสิ เจ้าก็บอกเอง ว่าตอนนั้นอายวี่ไม่ยอมตอบกลับ หรือเจ้าคิดว่า พอเข้าไปในตัวเมืองก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา? เจ้านี่ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน เจ้าไม่ดูเสียบ้างว่าคนแซ่เซี่ยนั่นทำตัวอย่างไร ตาสูงเสียยิ่งกว่าอะไร คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูร่ำรวย นี่เพิ่งแต่งได้แค่กี่เดือน จื่อเซวียนจื่อเมิ่งเห็นนาง เหมือนหนูเห็นแมวก็มิปาน ภายในเรือนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน อายวี่แค้นนางแทบตาย ยังจะฝากคำพูดให้นางอีก? สมองเจ้าขึ้นสนิมหรืออย่างไร ระวังจะฝากคำพูดผิด กลายเป็นทำผิดต่อทั้งสองฝ่าย!” ท่านป้าสี่ก่นด่าไม่หยุดหย่อน
ที่นางกล่าวมาก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ภรรยาของอายวี่ผู้นี้ ปกติทำตัวเหลวไหลเกินเหตุจริงๆ
ท่านลุงสี่ลูบศีรษะตน จะบอกก็ไม่ได้ ไม่บอกก็ไม่ได้ แล้วควรจะบอกหรือไม่!
“ข้าคิดว่าไม่ต้องบอก คนแซ่เซี่ยนั้นฝีปากดีจนสามารถเป่าวัวให้บินขึ้นฟ้าได้ หากรู้ว่าอายวี่ฝากคำพูดให้นาง จะไม่กลั่นแกล้งอายวี่จนแย่หรือ! ตอนนี้ในบ้านยังมีเด็กอีกสองคน หากให้นางเหลิงเกินไป เด็กสองคนนั้นคงอยู่ยากแล้ว”
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล!” ท่านลุงสี่พยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นไม่บอกแล้วกัน! ถึงอย่างไรอายวี่ก็บอกแล้วว่าสอบเสร็จจะรีบกลับมา!”
ท่านป้าสี่หยิบพื้นรองเท้ามาเย็บติดกับรองเท้าต่อ ถอนหายใจก่อนกล่าว “หวังว่าจะผ่านช่วงหลายเดือนนี้ไปได้อย่างราบรื่น อย่าเกิดเรื่องอะไรกับเด็กที่น่าสงสารสองคนนั้นเลย!”
ท่านลุงสี่มองภรรยาของตัวเองที่กำลังกังวลใจ กล่าวอย่างปลงอนิจจัง “ไม่หรอก น่าจะไม่เป็นอะไร!”
ภรรยาของอายวี่ วิ่งไปไกลขนาดนั้นเพื่ออำลาอายวี่ นางบอกว่าจะรออายวี่กลับมา ฟังจากน้ำเสียง เต็มไปด้วยความรักความอาวรณ์ เหมือนภรรยาที่รักสามีมาก!
แต่พอลองย้อนนึกดูตอนนี้ อย่าว่าแต่อายวี่เลย แม้แต่ท่านลุงสี่ก็รู้สึกว่านางแปลกๆ
หลังจากท่านลุงสี่กินอาหารเสร็จ ท่านป้าสี่นำชามที่ใช้แล้วเข้าไปในครัว
เซียวหมิงจูยังเก็บชามกับตะเกียบอยู่ในห้องครัว ท่านป้าสี่นำชามไปวางไว้บนเตาปรุงอาหาร “หมิงจู ยังล้างไม่เสร็จหรือ?”
เสียงขานตอบ “อือ” เบาหวิวดังแว่วมา ไม่เหมือนเสียงปกติของเซียวหมิงจู น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย
ท่านป้าสี่รู้สึกตกใจ รีบดึงไหล่เซียวหมิงจูให้หันมา ตอนยังไม่เห็นก็ไม่มีอะไร พอเห็นแล้วก็รู้สึกกระวนกระวายใจทันที “ลูกแม่ เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้ล่ะ?”
เซียวหมิงจูร้องไห้จนตาแดง หยาดน้ำตาอุ่นร้อนไหลอาบสองข้างแก้ม ท่านป้าสี่เห็นแล้วรู้สึกปวดใจนัก
“หมิงจู เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ท่านแม่…” เซียวหมิงจูไม่กล่าวอะไร เพียงพิงอยู่บนกายท่านป้าสี่ ส่งเสียงสะอื้น
จู่ๆ ท่านป้าสี่ก็คิดถึงอะไรบางอย่าง โอบไหล่เซียวหมิงจูไว้พร้อมก้มลงเอ่ยถาม “เด็กโง่ คงไม่ใช่เพราะยังคิดถึงเขาใช่หรือไม่?”
เซียวหมิงจูไม่กล่าวอะไร เพียงร่ำไห้ หยาดน้ำตาไหลรินเร็วกว่าเดิม สีหน้ามีแต่ความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ท่านป้าสี่ตบต้นขาด้วยความรู้สึกปลงอนิจจัง ก่อนกล่าววาจารุนแรง “หมิงจู เขาแต่งงานไปแล้ว เจ้ายังจะไปคิดถึงเขาทำไมกัน!”
“แต่ตอนนี้ความเป็นอยู่ของเขาไม่ดีเลยสักนิด!” เซียวหมิงจูแสดงสีหน้าเจ็บปวดระคนสิ้นหวัง “พี่เซียวเป็นคนดีขนาดนั้น เขาคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า เหตุใดเขาถึงต้องแต่งงานกับสตรีที่เขาไม่ได้รักและนางก็ไม่ได้รักเขาด้วย”
ท่านป้าสี่ขมวดคิ้ว “แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็แต่งงานกันแล้ว ไม่ว่าจะรักหรือไม่ เราก็มิอาจขวางได้”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อท่านแม่ของพี่เซียวป่วย เขาก็คงไม่แต่งกับเซี่ยยวี่หลัว!” เซียวหมิงจูหยาดน้ำตาคลอเบ้า กล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ “ครอบครัวเซี่ยยวี่หลัวไม่มีดีสักคน!”
ท่านป้าสี่ถอนหายใจก่อนกล่าว “แล้วจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวยอมรักษาอาการป่วยให้ท่านพ่อท่านแม่ของอายวี่”
โรคที่บิดามารดาของอายวี่เป็น เมื่อถึงระยะหลังจะแพร่เชื้อได้!
เซียวหมิงจูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใช่สิ มีแต่ท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวที่ยอมรักษาให้ท่านลุงเซียวและท่านป้าเซียว แต่ถึงอย่างนั้น ต้องแลกด้วยทั้งชีวิตของพี่เซียวเชียวหรือ? แต่งกับสตรีที่จิตใจชั่วร้ายดุจอสรพิษ พี่เซียวเป็นคนน่าสงสารที่สุด!”
ท่านป้าสี่โมโหจนอยากด่านางว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ตัวเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ ได้แต่ทอดถอนใจ เซียวหมิงจูคิดว่ามารดาเห็นด้วยกับวาจาของนาง จึงเช็ดคราบน้ำตา ก่อนกล่าวพึมพำ “หากตอนนั้นท่านให้ข้าแต่งกับพี่เซียวเร็วหน่อย พี่เซียวมีหรือต้องมารับกรรมเช่นนี้!”
นี่ถือเป็นคนละเรื่องกันแล้ว!
ท่านป้าสี่รีบปิดปากเซียวหมิงจูไว้ ตกใจกลัวจนใจหาย “ลูกแม่ เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล หากให้คนอื่นได้ยินเข้า ชื่อเสียงของเจ้าจะเสียหาย!”
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่คนอื่นจะกล่าวอย่างไร แค่ฝีปากของเซี่ยยวี่หลัวคนเดียว ร้ายกาจเหมือนถั่วระเบิดก็มิปาน หากให้นางรู้ว่าหมิงจูยังอาลัยอาวรณ์สามีของนาง ชื่อเสียงอันดีงามของหมิงจูก็จะพินาศจนสิ้น
เมื่อชื่อเสียงมีจุดด่างพร้อย ต่อไปจะแต่งงานกับคนดีๆ ได้อย่างไร
นางไม่มีทางยอมให้บุตรสาวของตัวเองมีความสัมพันธ์กับเซียวยวี่เด็ดขาด
เมื่อก่อนเซียวยวี่ยังไม่ได้แต่งงานนางก็ไม่ยินยอม ตอนนี้เซียวยวี่แต่งงานแล้วนางก็ยิ่งไม่มีทางยอม
ท่านป้าสี่รู้ว่าเซียวยวี่เป็นเด็กดี แต่ใครให้ครอบครัวเขาอยู่ในสภาพอย่างตอนนี้ล่ะ
แค่เซี่ยยวี่หลัวยอมแต่งงาน ก็ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกผิดคาดแล้ว ยังไม่คิดถึงเรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนอย่างไร แค่ยอมแต่งเข้าครอบครัวสกุลเซียว ก็นับว่าเป็นบุญของสกุลเซียวแล้ว
ถึงอย่างไรตอนนี้ครอบครัวสกุลเซียวก็เหมือนบ่อไร้ก้น!
เด็กสองคนตัวเล็กแค่นั้น ต้องเลี้ยงทั้งสองคน ค่ากินค่าอยู่ล้วนต้องใช้เงิน หากเซียวยวี่สอบติดซิ่วไฉ ต่อไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือหาเงินได้บ้างยังพอไหว แต่หากสอบไม่ติดล่ะ?
นับแต่โบราณคนไร้ประโยชน์ก็คือพวกบัณฑิต ด้วยร่างกายของเซียวยวี่ แบกหามไม่ได้ยกของไม่ไหว จะทำอะไรได้?
แม้ท่านป้าสี่จะบอกว่าเอ็นดูเซียวยวี่ก็แค่พูดไปอย่างนั้น ให้นางช่วยค้ำจุนสักครั้งสองครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่จะให้บุตรสาวของตัวเองแต่งเข้าครอบครัวแบบนั้น ท่านป้าสี่แม้ตายก็ไม่มีทางยอม
หากไปอยู่ในครอบครัวสกุลเซียว ชีวิตมีแต่จะเหนื่อยยากลำบาก!
ท่านป้าสี่ไม่มีทางให้หมิงจูรู้ว่าเบื้องลึกจิตใจตัวเองดูแคลนเซียวยวี่ เพียงกล่าวเตือน “เจ้าเลิกคิดเสียดีกว่า หากให้เซี่ยยวี่หลัวรู้เข้า ย่อมไม่ปล่อยเจ้าไป อย่าหาว่าแม่ไม่เตือน!”
นางกล่าวด้วยวาจาหนักหน่วง
ร่างกายเซียวหมิงจูหยุดชะงักเล็กน้อย มือที่กำลังทำงานก็หยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
ท่านป้าสี่ออกไปแล้ว ไม่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเซียวหมิงจูที่กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ช้าเร็วพี่เซียวก็ต้องหย่ากับสตรีชั่วผู้นั้น!”