ตอนที่ 19 จ้าวซื่อ
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ยักไหล่ “ถ้าเธอไม่ลงมือ งั้นฉันจะลงมือแล้วนะ”
“เลิกไร้สาระได้แล้ว ฉันรู้ว่านายโด่งดัง นายมีเรื่องกับจ้าวซวนถึง 2 ครั้ง แต่ก็เหนือกว่าจ้าวซวนอย่างมาก แต่สัตว์อสูรของฉันกับแมวของนายน่ะอยู่ระดับเงินเหมือนกัน”
คลื่นพลังของเสี่ยวเฉ่าเปลี่ยนไป นิ้วทั้งห้าของเธอมีน้ำถูกยิงออกมาพร้อมกับเถาวัลย์ทั้งสามที่พุ่งเข้าใส่หวังเย่าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
หวังเย่ายังยืนนิ่งราวกับไม่รู้ตัว เขายืนนิ่งและเอามือไว้ข้างหลังพร้อมกับสั่งการการ์ฟีลด์
การ์ฟีลด์ใช้มือเช็ดปากตัวเองก่อนที่สายตาของมันจะแสดงความดุดันออกมา จากนั้นร่างกายของมันก็แตกสลายออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคน
ต่อมาการ์ฟีลด์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เสี่ยวเฉ่า และฟาดกรงเล็บไปที่ท้องของเธอ
เสี่ยวเฉ่าตะลึงจนหน้าถอดสี เธอร้องออกมาพร้อมกับตัวของเธอที่กระเด็นขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะลอยออกไปนอกเวที
ตอนนั้นเถาวัลย์เกือบจะถึงตัวหวังเย่าแล้ว แต่เขาก็ถอยกลับและหลบการโจมตีของเถาวัลย์ทั้งสามได้อย่างง่ายดาย ต้นไม้เสือนี้ เมื่อเจ้าของไม่คอยควบคุม มันก็ไม่อาจจะโจมตีต่อได้อีก
“หือ เร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ” กลุ่มคนดูพากันอุทานออกมาหลังจากที่เห็นการ์ฟีลด์จัดการกับคู่ต่อสู้
แมวโง่ ๆ นี่กลับแข็งแกร่งและว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ ความเสียหายที่มันสร้างนั้นน่าทึ่งและยากจะรับมือได้
“แข็งแกร่งจริง ๆ แต่หวังเย่ากลับไม่สงสารเสี่ยวเฉ่าเลยสักนิด เขาน่าจะออมมือบ้างนะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพึมพำออกมา
“หวังเย่า เขาคงอยากทำให้เสี่ยวเฉ่ารับรู้ถึงความโหดร้ายของการต่อสู้ละมั้ง”
กรรมการด้านหลังรีบโดดไปรับตัวเสี่ยวเฉ่าเอาไว้ หลังจากที่กลับมาถึงพื้น เขาก็เปิดหน้าออกก่อนจะมองค้อนไปที่หวังเย่า
หวังเย่ารู้สึกอายและรีบเรียกการ์ฟีลด์กลับมา ก่อนจะพูดด้วยท่าทีโกรธ ๆ “แกนี่มันตัวกินล้างกินผลาญที่ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จักออมมือซะบ้าง ถ้าทำร้ายคนอื่นจนเขาบาดเจ็บหนักขึ้นมาจะทำยังไง ? ”
เขาเตะการ์ฟีลด์ออกไป ก่อนจะตบอกแล้วบอกกับเสี่ยวเฉ่า “ขอโทษด้วย เจ้านี่น่ะไม่ค่อยได้สู้กับใครเลยออมแรงไม่เป็น”
“โห่ สัตว์อสูรดี ๆ แบบนั้นแต่เขากลับด่ามัน หวังเย่าคนนี้มันยังไงกันแน่ ถ้าฉันมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งแบบนั้นล่ะก็ ฉันจะซื้ออาหารดี ๆ ให้มันกินทุกวันเลย” กลุ่มเด็กผู้ชายพากันด่าออกมา
นี่คือความโกรธและความอิจฉา
เสี่ยวเฉ่าแสดงสีหน้าน่ากลัวออกมา เมื่อได้ยินคำขอโทษเธอก็มองไปที่หวังเย่า ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดออกมา “นายได้โสดไปตลอดชีวิตแน่”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินเอามือกุมท้องไปเก็บสัตว์อสูรของเธอ
หวังเย่าได้แต่ลูบจมูกด้วยความอายและไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง
แม้ว่าเขาจะเด็กอยู่และการหาแฟนก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร แม้แต่ในชีวิตก่อนเขาก็โสด ซึ่งนั่นคือความรู้สึกเสียดายเพียงอย่างเดียวในชีวิตของเขา การที่เสี่ยวเฉ่าพูดแบบนั้นออกมาเท่ากับจี้ปมเขา ทำให้เขาต้องปวดใจอีกครั้ง
กรรมการเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้น “หวังเย่า ห้อง 9 ได้ 1 คะแนน”
ตอนนั้นจอที่กำแพงห้องซ้อมก็ได้ส่องแสงออกมาพร้อมกับชื่อของหวังเย่าที่อยู่อันดับมากกว่า 1,000
หวังเย่าพยักหน้าและลงจากเวทีเพื่อรอการแข่งขันรอบต่อไป
ผ่านไป 30 นาทีก็ถึงเวลาที่เขาต้องขึ้นไปสู้อีกครั้ง
“หวังเย่า ห้อง 9 กับ จ้าวซื่อ ห้อง 2 เชิญเวทีที่ 3” เสียงประกาศดังขึ้น
หวังเย่าขมวดคิ้ว มันยากที่จะมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขา แต่ชื่อนี้กลับทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
จ้าวซื่อนี่ไม่ใช่พี่รองของจ้าวซวนรึไง ?
มีข่าวลือว่าตระกูลจ้าวสาขาหลักนั้นมีลูก 3 คน คนโตชื่อจ้าวหลุน, คนรองชื่อจ้าวซื่อ และคนเล็กคือจ้าวซวน
จ้าวหลุนเข้ามหาวิทยาลัยอรุณไปแล้ว ว่ากันว่าเขาทำได้ดีอีกด้วย
จ้าวซื่อสามารถเข้ามหาวิทยาลัยอรุณได้ แต่เขาทะเยอทะยานกว่านั้น เขายอมเรียนซ้ำปีหนึ่งเพื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ย
มหาวิทยาลัยหัวเซี่ยคือมหาวิทยาลัยระดับสูงที่สุดในหัวเซี่ย ประสิทธิภาพในการสอนและทรัพยากรต่าง ๆ ล้วนดีกว่าที่อื่น ๆ ที่นี่คือที่ที่ทุกคนอยากจะเข้าเรียน
แต่เงื่อนไขในการรับคนของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ยนั้นสูงอย่างมาก มันมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ หลายขั้น ยังไงซะนี่ก็คือมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นที่สุด มันก็ไม่แปลกที่จะมีเงื่อนไขสูง
หวังเย่าได้ยินโจวอวิ๋นพูดให้ฟังว่ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยคิดจะรับตัวจ้าวเมิ่งซีอีกด้วย
หวังเย่าส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นแล้วโดดขึ้นไปบนเวที การ์ฟีลด์เหมือนจะรับรู้ได้ว่าเจ้านายนั้นมีอคติต่ออีกฝ่าย มันก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีโกรธแค้นออกมา
จ้าวซื่อมองไปที่หวังเย่าและพูดเยาะเย้ยออกมา “จ้าวซวนกระจอกจริง ๆ แม้แต่ขยะอย่างแกก็จัดการไม่ได้ ฉันถึงกับต้องลงมือเอง ช่างทำให้ตระกูลจ้าวเสียเกียรติจริง ๆ ”
จ้าวซวนที่ดูอยู่ด้านนอกนั้นแสดงท่าทีตื่นเต้นและคาดหวังออกมา เขาอยากให้จ้าวซื่อจัดการกับหวังเย่าให้เขา
ยังไงซะพี่ของเขาก็ลงเรียนซ้ำอีกปี พี่ของเขาได้รับการสั่งสอนและทรัพยากรที่ดีกว่าเขา สัตว์อสูรของจ้าวซื่อเป็นหมาป่าตาแดงระดับเงินเลเวล 25 มันเพียงพอที่จะผ่านเงื่อนไขของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ยได้
แต่เมื่อได้ยินจ้าวซื่อด่าเขาว่ากระจอก สีหน้าของเขาก็หม่นลงพร้อมกับกำหมัดแน่น เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าโดนหวังเย่าหยามเสียอีก
คนอื่น ๆ ไม่เห็นสีหน้าของจ้าวซวน พวกเขาคิดว่าสามพี่น้องนี้รักใคร่กันดี
อันที่จริงแล้วสมบัติของตระกูลมีมากมาย แต่กลับมีทายาทถึง 3 คน ทั้งสามจึงต้องแข่งกันเพื่อแย่งสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน แต่พวกเขาไม่ได้แสดงมันออกมาให้คนนอกได้เห็น
หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายพร้อมคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยด้วยความไม่มั่นใจ “นายอยากจะพูดอะไรกันแน่ อยากจะด่าจ้าวซวนว่ากระจอก หรือคิดจะแก้แค้นแทนเขา ? ”
ทันใดนั้นจ้าวซื่อก็ชะงัก หือ เจ้าเด็กนี่มันหมายถึงอะไร ?
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าเขาพูดเรื่องที่ไม่เหมาะสมออกไป หากพูดว่าจ้าวซวนกระจอกอีกครั้ง นี่ก็ดูจะเกินไปหน่อย แต่ถ้าจะบอกว่าแก้แค้นแทนจ้าวซวน เขาก็พูดไม่ออก
เมื่อหาทางลงไม่ได้ เขาจึงมองไปที่กรรมการและถามขึ้น “เราจะเริ่มได้รึยัง ? ”
กรรมการนั้นรอมานานแล้ว เขาจึงได้เป่านกหวีดทันที
นับถอยหลัง 10 วินาที…
หมาป่าข้าง ๆ จ้าวซื่อลุกขึ้นยืน ตัวของมันสูงเกือบ 4 เมตร ขาของมันใหญ่ยิ่งกว่าขาช้าง ดวงตาสีแดงของมันแผ่ความกระหายเลือดออกมา ปากของมันเผยให้เห็นเขี้ยว 4 อันที่สะท้อนแสงอันเยือกเย็น
นี่คือหมาป่าตาแดงระดับเงินเลเวล 25 มันพัฒนามาจากหมาป่าพายุ
หวังเย่าไม่กล้าจะประมาท หลายวันมานี้เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับสัตว์อสูรมาเยอะ เขารู้ว่าหมาป่าพายุอยู่ระดับเงิน หมาป่าตาแดงนั้นอยู่ระดับเงินขั้นสูง ความแข็งแกร่งของมันต่างกันอย่างมาก
เมื่อเวลานับถอยหลังหมดลง จ้าวซื่อก็ได้ควบคุมหมาป่าของตนให้พุ่งออกไปทันทีจนทำให้เวทีสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น