ตอนที่ 18 พยายามอย่างถึงที่สุด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ชั้นบน สีหน้าเรียบเฉยจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง ริมฝีปากบางกรีดยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก 

 

 

ประตูห้องไพรเวทถูกเปิดออกอวี๋ซงก้าวเข้ามา ‘รับความดีความชอบ’ 

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันหน้ามากวาดสายตามองเขา 

 

 

อวี๋ซงเก็บคางโน้มตัวลงเล็กน้อย ร่างกายเกิดอาการเกร็งด้วยความหวาดหวั่น 

 

 

“สกิลการปั่นหัวคนของนาน…ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเอ่ยประโยคสุดท้ายอย่างราบเรียบ ทำให้อวี๋ซงคลายความกังวลลงได้บ้าง 

 

 

“ผมจะพยายามอย่างถึงที่สุดครับ” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น “ส่งอาหารให้เธอต่อ วันล่ะสามมื้อจนกว่าเธอจะแข็งแรงขึ้นและออกจากโรงพยาบาลได้” 

 

 

“รับทราบครับ คุณผู้ชาย” 

 

 

– 

 

 

ยามพลบค่ำ เฉินฝานซิงได้แต่พูดไม่ออกกับการมาถึงของอวี๋ซง 

 

 

ตลอดสองวันอวี๋ซงจะคอยเปลี่ยนเมนูอาหารที่ทั้งบำรุงร่างกายและมีสารอาหารในแบบที่ไม่เคยซ้ำกันจนหน้าตาของเธอดูสดใสขึ้นไม่น้อย 

 

 

ขนาดแต่เมื่อก่อนเธอมักจะปวดท้องบ่อยๆ ทว่าสองวันมานี้กลับไม่มีอาการอย่างน่าแปลกใจ 

 

 

แต่ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ก็เห็นทีไม่ใช่เรื่อง สุดท้ายในเที่ยงของวันที่สามเธอก็ทนต่อไปอีกไม่ไหว 

 

 

อวี๋ซงเข้ามาอย่างเช่นทุกครั้ง เธอรับกล่องอาหารมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณยายอยู่ไหนคะ ฉันเคยสัญญาว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนท่าน” 

 

 

อวี๋ซงเอ่ยเสียงทุ้ม “ผมขอกลับไปคุยกับนายหญิงดูก่อนนะครับ” 

 

 

เธอพยักหน้ารับ “ท่านมีเบอร์ของฉัน หากท่านอยากจะคุยกับฉันก็สามารถโทรหาฉันได้ทุกเมื่อ” 

 

 

“ครับ” 

 

 

อวี๋ซงเดินออกมาจากห้องคนคนไข้เตรียมจะกลับไปความคิดเห็นจากนายหญิง 

 

 

ผลที่ตามมาคือเขาเกือบชนเข้ากับคนทั้งสอง 

 

 

เขาเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วทำให้ไม่ได้ชนเข้ากับร่างกายของคนทั้งคู่แม้แต่น้อย 

 

 

หลังจากนั้นจึงกวาดสายตามองพวกเขาหนึ่งครั้งแล้วก้มศีรษะลงเป็นการขอโทษขอโพยก่อนจะปลีกตัวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

เฉินเชียนโหรวคว้าแขนของซูเหิงมาจับไว้ มองไปยังแผ่นหลังของอวี๋ซงที่กำลังเดินจากไปด้วยแววตาตกใจ 

 

 

“เขา…เพิ่งออกมาจากห้องของพี่สาวเหรอ พี่เหิง เขาคือใครเหรอคะ” 

 

 

ซูเหิงจ้องมองเข้าอย่างเคร่งขรึมและแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว 

 

 

“น่าจะเป็นคนที่พี่สาวเธอเคยร่วมงานด้วยมั้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” 

 

 

“อ๋อ” 

 

 

เชียนโหรวที่มองแผ่นหลังนั้นอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มก็ผุดขึ้นในดวงตาสวย 

 

 

“งั้นเรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ” 

 

 

“อืม” 

 

 

ซูเหิงตอบรับ ยกมือขึ้นผลักประตูห้องของเฉินฝานซิง 

 

 

เฉินฝานซิงที่นั่งป้อนอาหารที่อวี๋ซงเพิ่งส่งมาให้ใส่ปากอย่างเสียไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงเธอจึงแหงนหน้าขึ้น 

 

 

เธอชะงักไม่ไหวติงไปในเสี้ยวนาที ลมหายใจได้หยุดลงไปขณะหนึ่ง 

 

 

เฉินเชียนโหรวในเสื้อกันลมสีขาว ผมสีชานมม้วนเป็นคลื่นสวยประอยู่ตรงไหล่ ขับกับใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือที่สวยได้รูปของเธอ ดวงตากลมสวยยังคงทอแสงระยิบระยับอยู่ไม่คลาย ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด ยามแสดงสีหน้ากังวลหรือเสียใจก็นุ่มนวลและน่ามองไปหมด 

 

 

อาศัยแค่ใบหน้าที่สวยงามบวกกับพรสวรรค์ในการแสดงตั้งกำเนิด การจะเป็นหนึ่งในดาราสาวที่โด่งดังที่สุดระดับประเทศก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร 

 

 

ตอนนี้เธอกำลังจับมือถือแขนกับซูเหิงอย่างสนิทสนม หนุ่มรวยกับสาวสวย อยู่ด้วยกันแล้วก็ดูเข้ากันดีราวกับกิ่งทองใบหยก 

 

 

เฉินฝานซิงค่อนข้างเหม่อลอย 

 

 

ย้อนนึกถึงตัวเองที่ทั้งวันเอาแต่ใส่ชุดทำงานสีเดิมๆ ซ้ำๆ ผมก็แทบจะไม่เคยมีเวลาดูแล สุดท้ายเวลาทำงานเธอก็ทำอยู่แค่ทรงเดียวคือไม่รวบตึงก็มวยผมแบบง่ายๆ 

 

 

จริงสิ ถ้าจับเธอกับเฉินเชียนโหรวมายืนคู่กัน ผู้ชายคนไหนก็ต้องเลือกเชียนโหรวทั้งนั้นแหละ