ตอนที่ 19 นายกล่าวหาฉันในฐานะอะไร

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

เธอไม่โทษการตัดสินใจของพวกผู้ชายหรอก ในเมื่อเฉินเชียนโหรวออกจะชวนให้หลงใหลขนาดนั้น 

 

 

แต่มันต้องไม่ใช่กับซูเหิงสิ 

 

 

เรื่องราวแปดปีที่ผ่านมา เขาน่ารู้ดีที่กว่าใครว่าที่เธอทำอย่างนี้ทั้งหมดเพื่อใครถ้าไม่ใช่เพื่อเขา 

 

 

ในสายตาของเธอ เธอคิดว่าซูเหิงคนเป็นแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้นที่ไม่คิดอะไรตื้นๆ 

 

 

ทว่าเป็นเธอเองที่คิดเองเออเองตั้งแต่แรก 

 

 

“มาทำไม” 

 

 

จากที่ดูเหม่อลอยเมื่อครู่เฉินฝานซิงสามารถกลับมาเป็นคนเย็นชาอย่างที่เคยเป็นมาได้ภายในเสี้ยววินาที 

 

 

เฉินเชียวโหรวขบริมฝีปาก คว้าแขนของซูเหิงเข้ามาจับไว้แน่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง 

 

 

เมื่อเห็นเฉินฝานซิงที่ดูเย็นชาและห่างเหินราวกับอยู่ห่างกันพันลี้ ซูเหิงจึงได้ขมวดคิ้วมุ่น 

 

 

เขาเดินเข้าห้องมาโดยมีเฉินเชียนโหรวคอยยืนอยู่ข้างกายของเขาอย่างหวาดกลัว 

 

 

“เชียนโหรวค่อยยังชั่วแล้ว วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลแล้วเลยอยากจะมาบอกลาเธอเป็นพิเศษ” 

 

 

เฉินฝานซิงยกยิ้มเย็น “บอกลาอะไร ลาไปตายหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ไสหัวออกไป” 

 

 

“ฝานซิง!” 

 

 

เสียงทุ้มตำหนิ 

 

 

“เธอเป็นคนชอบพูดจาถากถางคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครถูกใครผิดเธอรู้อยู่แก่ใจ คนผิดไม่ใช่เฉินเชียนโหรวมาตั้งแต่แรก เธอ…” 

 

 

เฉินฝานซิงแหงนหน้ามองอย่างขุ่นมัวด้วยสายตาตำหนิและผิดหวัง 

 

 

ซูเหิงแทบจะไม่เคยใช้แววตาแบบนี้กับเธอเลย ไม่คิดเลยว่าซูเหิงที่เคยอ่อนโยนยิ่งกว่าอะไรจะกล้าโมโหแล้วขึงตาใส่เธอแบบนี้ 

 

 

แต่พักหลังๆ นี้เขาทำแบบนี้มาสามครั้งแล้ว ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว 

 

 

เธอนึกว่าตัวเองจะกลับไปเจ็บปวดอย่างที่แล้วๆ มา แต่เปล่าเลย มันกลับด้านชาจนเธอเองก็แปลกใจเหมือนกัน 

 

 

เฉินฝานซิงวางตะเกียบในมือลง ยกน้ำที่รินไว้ก่อนแล้วขึ้นมาจรดริมฝีปากแล้วดื่มมันเข้าไปอึกหนึ่ง หลังจากนั้นก็ขัดคำพูดของซูเหิงขึ้นอย่างเรียบนิ่ง 

 

 

“ไม่ใช่เธอแต่เป็นฉัน?” 

 

 

แก้วน้ำร้อนในมือนั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนนิดๆ 

 

 

เธอหยัดกายขึ้นเดินไปหาทั้งคู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ เธอมองไปที่ซูเหิงแล้วคลี่ยิ้มมุมปากจางๆ 

 

 

“พูดจาถากถางคนอื่น? ถามจริงนายกล่าวหาฉันในฐานะอะไร?” 

 

 

“ฉัน…” ซูเหิงขยับปากแต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร 

 

 

“พี่คะ อย่าโทษพี่เหิงเลยค่ะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน…” 

 

 

เฉินเชียนโหรวยังพูดไม่ทันจบประโยค ทันใดนั้นสายตาของเฉินฝานซิงก็เยียบเย็นราวใบมีดใต้รองเท้าสเกตที่ตอกลงบนหน้าของเธอ 

 

 

เชียนโหรวชะงักปากลง เวลาเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อไปทั้งตัว 

 

 

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเธออยู่แล้ว! ฉันไม่เคยพูดว่าไม่โทษเธอ!” 

 

 

เมื่อสั่งเกตเห็นเฉินเชียนโหรวแข็งทื่อไป ซูเหิงจึงได้โอบให้เธอไปหลบอยู่ข้างหลัง “ฝานซิง นี่ไม่ใช่ความผิดของเชียนโหรว ถ้าเธอยากจะโทษก็โทษฉัน…” 

 

 

เฉินฝานซิงเบนตากลับมายังซูเหิงอีกครั้ง จ้องเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ยินดียินร้าย เย็นชาและยังด้านช้า 

 

 

“คิดว่าฉันไม่โทษนาย?” 

 

 

ซูเหิงคิ้วขมวดเข้าหากันอีกครั้งทันที 

 

 

“เธอสองคน ใครจะรับผิดแทนใครได้เหรอ” 

 

 

เม้มปากเข้าหากันอย่างเถียงไม่ออกกับท่าทีบีบคั้นของเธอ 

 

 

“นายคิดเหรอว่าแค่อยากอยู่ด้วยกันก็จะอยู่ด้วยกันได้? คนเขารู้กันทั่วว่านายเป็นคู่หมั้นของฉัน ส่วนเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวฉัน ว่าที่น้องสาวภรรยากับว่าที่พี่เขยอยู่ด้วยกัน! พวกเธอสองคน…ยังจะมีหน้าพลอดรักกันอย่างเปิดเผยอีกไหม!” 

 

 

คำพูดของพี่สาวเล่นเอาเฉินเชียนโหรวหน้าถอดสีทันที 

 

 

สองปีมานี้เธอเพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงได้ไม่นาน แม้ว่าสมัยนี้รักแท้จะอยู่เหนือทุกสิ่ง ทว่ายังคงมีพวกนักจริยธรรมอยู่ดี 

 

 

ถ้าทั้งสองฝ่ายเกิดไม่พอใจขึ้นมา มันก็ยากที่คนในวงการเดียวกันจะใช้โอกาสนี้โจมตีเธอ 

 

 

ถึงเวลานั้นคงจะปวดหัวไม่น้อย