ไม่ได้ เธอต้องคิดให้ดีๆ ว่าทำยังไงถึงจะกลบข่าวเสียหายให้มิดที่สุด 

 

 

“ฝานซิง เธอจำเป็นต้องกดดันกันขนาดนี้เลยเหรอ” 

 

 

ใบหน้าที่ระอาปนความเสียใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเหลืออดกับเฉินฝานซิงที่เป็นแบบนี้ 

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าลงเล็กน้อย ยกปัดปอยผมที่ปรกตรงหน้าผากขึ้นเผยให้เห็นความใสสะอาดของหน้าผากเงานุ่มเกลี้ยงเกลาเด่นออกมา ทั้งดูอิ่มเอิบและน่ามอง 

 

 

“ที่มานี่ก็แค่อยากมาทักทาย ในเมื่อได้ทักทายกันแล้วเราก็ไม่กวนล่ะ” 

 

 

ยามที่เผชิญหน้าเฉินฝานซิง ซูเหิงรู้สึกถึงบางอย่างที่กวนใจแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ความรู้สึกลึกๆ บอกว่าเขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธออีกต่อไปอีกแล้ว 

 

 

เขาพูดพลางโอบเฉินเชียนโหรวไว้เตรียมจะเดินจากไป ทว่าเฉินฝานซิงก็ได้เปล่งเสียงอันเย็นยะเยือกขึ้นในตอนนั้น 

 

 

“รอเดี๋ยว” 

 

 

เท้าของทั้งสองชะงักลง หันกลับมามองเฉินฝานซิงย่างเข้ามาหาพวกเขามาทีละก้าวทีละก้าว 

 

 

ชุดคนไข้ตัวโคร่ง แต่เมื่ออยู่บนร้างของเฉินฝานซิงกลับขับเอาเข้มแข็งและความสง่าของคนที่สวมใส่อยู่ออกมา นิสัยที่เฉกเช่นดอกไม้แห่งเกาลินที่แย้มบานท่ามกลางหิมะ ทำให้ซูเหิงใจลอยไปชั่วขณะ 

 

 

เฉินฝานซิงหยุดลงตรงหน้าทั้งสอง เชิดหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยใบหน้าจะยิ้มบ้างไม่ยิ้มบ้าง 

 

 

“เรื่องในอดีต ฉันขอยุติลงชั่วคราว…” 

 

 

เธอหยุดและค่อยๆ มองไปยังเฉินเชียนโหรว จู่ๆ สายตามที่เยียบเย็นนั้นก็ทำให้เฉินเชียนโหรวเต้นระรัว ความระแวงผุดขึ้นจากในส่วนลึกของนัยน์ตา 

 

 

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเอามาตราให้หน้าฉัน ไม่ช้าก็เร็วฉันจะสลัดมันออก! แต่ถ้าฉันขี้เกียจจะสลัดมัน ฉันก็ไม่ยอมให้มันตราอยู่บนหน้าฉันฟรีๆ หรอก” 

 

 

เธอว่าพลางก้มลงจิบน้ำจากแก้วที่อยู่ในมือ 

 

 

น่าเสียดาย เปลืองน้ำลายไปตั้งเยอะ น้ำในแก้วนี้เลยกร่อยไปเสียแล้ว 

 

 

เธอแหงนหน้าขึ้น หลุบตาลงมองคนที่สูงน้อยกว่าเธอหลายเซนติเมตร สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย 

 

 

แต่แบบนี้ กลับทำให้เฉินเชียนโหรวรู้สึกว่าในตอนนี้พี่สาวของเธอนั้นช่างหน้าหวานกลัว! 

 

 

“พี่คะ…” 

 

 

จู่ๆ คำพูดของเธอก็จุกอยู่ที่ลำคอ เนื้อตัวแข็งทื่อยื่นอยู่กับที่ราวกับคนโง่ 

 

 

น้ำที่ยังคงร้อนอยู่หน่อยๆ ค่อยๆ รดลงมาบนศีรษะของตน การแต่งหน้าที่สวยหรูแต่ต่อให้เครื่องสำอางจะราคาสูงแค่ไหนแต่ก็หนีไม่พ้นน้ำร้อนแห่งการชำระบาปชะล้างออกไป เสื้อกันลมสีขาวเปียกวงกว้าง 

 

 

ผมนุ่มละเอียดที่ผ่านการปรนนิบัติมาเป็นอย่างดีลู่ลงประบ่า น้ำร้อนยังคงไหนผ่านเส้นผมลงมายังลำตัวอย่างไม่ขาดสาย 

 

 

ยุ่งเหยิงไปหมด 

 

 

ห้องคนป่วยเงียบสงัดราวกับป่าช้า 

 

 

“อ๊าย…” 

 

 

เสียงแหลมกรีดร้องออกมาพักใหญ่ 

 

 

หลังจากที่ช็อกไปซูเหิงที่เพิ่งได้สติกลับมา รีบโอบเฉินเชียนโหรวเข้าสู่อ้อมแขน 

 

 

“เชียนโหรว! เธอโอเคไหม!” 

 

 

“พี่เหิง…” 

 

 

เฉินเชียนโหรวขบฟันแน่น หลังจากข่มอารมณ์ได้ก็รีบบีบน้ำตาเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร 

 

 

ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยเขายื่นมือไปรวบเส้นผมที่ยังคงมีน้ำหยดออกมาไปไว้อีกข้างแล้วใช้แรงจับมันไว้ 

 

 

เมื่อไม่พบลอยลวกบนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวเขาก็รู้สึกโล่งใจ! 

 

 

สายตาขุ่นเคืองมองไปยังเฉินฝานซิง ใบหน้าที่เกรี้ยวกราดนั้นแทบจะจับเฉินฝานซิงแล่เนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ 

 

 

“ฝานซิงมันจะมากไปแล้ว!” 

 

 

เพล้ง!  

 

 

คำตอบที่ได้กลับมาคือเสียงของแก้วที่แตกออกอย่างแรง 

 

 

หลังจากนั้น เฉินฝานซิงก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับใบหน้าอวดดี! 

 

 

ไม่ต่ำต้อยไม่สูง ไม่รีบไม่ร้อนราวสายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งทิ่มแทงเข้าไปในตาของเขา