ตอนที่ 39 งูย่าง / ตอนที่ 40 โสมภูเขาร้อยปี

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 39 งูย่าง

จ้าวหลานได้ยินแล้ว ลูกตาของนางแทบจะถลนออกมา “เจ้าว่าอะไรนะ กินงูรึ งูนี่กินได้ด้วยหรือ นี่ไม่ใช่งูพิษหรืออย่างไร”

ไป๋จื่อยิ้มพลางดึงจ้าวหลานกลับมาใต้ร่มไม้ “นี่คืองูพิษเจ้าค่ะ ทว่าเนื้อของมันกลับไม่มีพิษเลยสักนิด ตรงกันข้าม ยังรสชาติดีเป็นอย่างมาก ไม่เชื่ออีกเดี๋ยวท่านลองชิมดูก็จะรู้”

ผู้เป็นมารดาเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง แม้ในใจจะกลัว ทว่าเห็นบุตรสาวพูดด้วยความมั่นใจเช่นนี้ นางก็ไม่อาจพูดจาเย็นชาใส่อีกฝ่ายได้ เพียงแต่ว่าง่ายมองบุตรสาวใช้กริชจัดการงูจนสะอาดด้วยความคล่องแคล่ว ก่อนจะหยิบน้ำในกระบอกไม้ไผ่ในตะกร้าออกมาราวกับเล่นมายากล ให้นางดื่มก่อนสักอึกหนึ่ง แล้วถึงใช้น้ำที่เหลือล้างทำความสะอาดเนื้องู

เด็กสาวแขวนงูที่จัดการเรียบร้อยแล้วไว้บนกิ่งไม้ จากนั้นก็ไปเก็บหญ้าแห้งและกิ่งไม้จำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นมา เพื่อกองสุมจุดไฟ ก่อนจะหั่นเนื้องูเป็นสี่ท่อน และเสียบย่างบนกิ่งไม้

เนื้องูสุกง่ายมากเหมือนกับเนื้อปลา ไม่นานก็มีกลิ่นหอมน่าดึงดูดโชยออกมา ทำให้ลุงหูและหูเฟิงต่างก็หยุดงานในมือ พากันเข้ามาดูใกล้ๆ

“นี่คือเนื้องูหรือ” หูเฟิงชี้เนื้องูที่ยังคงย่างอยู่เหนือไฟด้วยความประหลาดใจ พลางเอ่ยถาม

ไป๋จื่อพยักหน้า “อื้ม เนื้องูสดนุ่มและมีประโยชน์ ทั้งอร่อยและบำรุงร่างกายได้ด้วย ท่านลองชิมสิ” นางหยิบเนื้องูเสียบไม้ชิ้นใหญ่ที่สุดออกมา แล้วส่งไปให้ลุงหู

ยิ่งเนื้องูนี้เข้ามาใกล้ กลิ่นหอมน่าดึงดูดก็ยิ่งเข้มข้น ลุงหูรู้สึกหิวตั้งนานแล้ว เมื่อได้กลิ่นเช่นนี้เข้า ไหนเลยจะปฏิเสธได้

เขาวางอุปกรณ์ทำไร่นาในมือลง ก่อนจะปัดเศษดินที่อยู่บนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วรีบรับเนื้องูที่ไป๋จื่อส่งให้อย่างรวดเร็ว กัดเข้าปากคำหนึ่งอย่างไม่รีรอ แม้จะไม่มีเครื่องปรุงใดๆ กระทั่งเกลือก็ไม่ได้ใส่ แต่รสชาติช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ไป๋จื่อถามท่านลุงหู

ลุงหูปากไม่ว่าง ทั้งยังกัดเนื้องูอีกคำเข้าไปในปาก เขาเพียงยกนิ้วโป้งออกมา แล้วพูดว่าอร่อยทั้งๆ ที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก

ไป๋จื่อหยิบเนื้องูออกมาสองไม้ นางส่งให้กับหูเฟิงและจ้าวหลาน ก่อนจะเหลือหางงูชิ้นที่เล็กที่สุดให้ตนเอง

จ้าวหลานเห็นว่าของบุตรสาวไม้เล็กจนเกินไป ครั้นนางต้องการจะแลก ไม่ว่าอย่างไรไป๋จื่อก็ไม่ยอม พลางยิ้มว่า “ท่านแม่ ข้าไม่หิวเลยสักนิด แค่ไม้นี้ก็พอแล้ว อีกอย่างข้ากับหูเฟิงก็กินบัวหิมะตรงตีนเขาไปแล้วสองผล ตอนนี้จึงยังไม่หิวเจ้าค่ะ”

“พูดอะไรไร้สาระ สถานที่เช่นนี้จะมีผลบัวหิมะได้อย่างไร ของพรรค์นั้นไม่ได้มีอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นอย่างภูเขาเทียนซานหรอกหรือ”

เด็กสาวกล่าว “ผลบัวหิมะนี้ ไม่ใช่ดอกบัวหิมะ ท่านกินงูย่างก่อนเถิด อีกเดี๋ยวท่านก็จะรู้ว่าอะไรคือผลบัวหิมะ”

เมื่อเห็นบุตรสาวยืนกรานเช่นนี้ ในใจจ้าวหลานก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นางคล้ายกับเอาใจใส่และรู้ประสามากขึ้นจากแต่ก่อนแล้ว

ลุงหูกินเนื้องูย่างเสียบไม้ขนาดใหญ่หมดในไม่กี่คำ เห็นได้ชัดว่ายังต้องการกินอีก เขาถอนใจว่า “หากรู้ว่าเนื้องูกินได้ ทั้งยังอร่อยเช่นนี้ หลายปีมานี้ข้าคงตีงูในทุ่งนาตายไปไม่น้อย น่าเสียดายจริงๆ ข้าทิ้งมันไปหลายครั้งทีเดียว”

ไป๋จื่อยิ้ม “หากท่านชอบกิน ให้หูเฟิงจับมาให้ท่านก็ได้ เขาเก่งทีเดียวเจ้าค่ะ อดตีงูนี้เมื่อมาอยู่ตรงหน้าไม่ได้ ทำราวกับมันเป็นแมลงวันหรือยุงอย่างไรอย่างนั้น”

จ้าวหลานกับลุงหูได้ยินนางคุยโม้เช่นนี้ ต่างก็หัวเราะกันไม่หยุด หูเฟิงที่สงวนท่าทีมาแต่ไหนแต่ไร ก็มีรอยยิ้มชัดเจนปรากฏที่มุมปากอย่างอดไม่ได้

ไป๋จื่อกินหางงูในมือหมดแล้ว ก็หยิบกระบอกไม้ไผ่สองกระบอกออกมาจากในตะกร้า ภายในบรรจุน้ำจากลำธารที่เย็นสดชื่นเอาไว้

“นี่เป็นสิ่งที่พวกเขานำมาจากตีนเขาลั่วอิง พวกท่านพ่อลูกดื่มกระบอกหนึ่ง ส่วนข้ากับท่านแม่จะดื่มอีกกระบอกหนึ่ง”

……….

ตอนที่ 40 โสมภูเขาร้อยปี

ลุงหูรับกระบอกไม้ไผ่ เขาดื่มน้ำแร่ไปอึกหนึ่ง แม้จะไม่ได้เย็นสดชื่นเท่าไร ทว่าช่วงเวลาหลังเที่ยงที่อากาศร้อนระอุเช่นนี้ ได้ดื่มน้ำในทุ่งกว้างเช่นนี้สักคำ ก็นับว่าเป็นความอิ่มอกอิ่มใจมากทีเดียว

เขาส่งน้ำในกระบอกที่เหลือครึ่งหนึ่งให้หูเฟิง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับ กล่าวเพียงว่าไม่กระหาย

ครานี้ลุงหูตีหน้าผากเบาๆ “ดูความจำของข้าสิ เจ้าไม่ชอบใช้ของใช้กินร่วมกับใคร เมื่อครู่น่าจะให้เจ้าดื่มก่อน”

หูเฟิงไม่ได้กล่าวต่อ เพียงลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปข้างๆ ตะกร้าไม้ไผ่ ก่อนจะหยิบผลบัวหิมะออกมาจากข้างในสองผล จากนั้นก็ใช้กริชเริ่มปอกเปลือก

“นี่คืออะไร” ลุงหูอดไม่ได้ที่จะถาม ในใจเขารู้สึกเบิกบาน เข้าป่าไปกับไป๋จื่อครั้งนี้ ดูท่าทางจะได้อะไรมาไม่น้อย

ชายหนุ่มปอกเปลือกผลบัวหิมะเสร็จภายในไม่กี่ครั้ง ท่าทางว่องไวนัก แม้กระทั่งพวกเขายังมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเลย ว่าเขาปอกเปลือกออกได้อย่างไร จนกระทั่งปอกเปลือกผลบัวหิมะที่มีเนื้อสีส้มอ่อนๆ สำเร็จ

“ผลบัวหิมะ” เขากล่าวสามคำออกมาเสียงเรียบ และส่งมันไปตรงหน้าลุงหูโดยตรง “ท่านกินก่อน”

ลุงหูย่อมไม่เกรงใจกับบุตรชาย เขารับผลบัวหิมะมากัดคำหนึ่งด้วยความเบิกบาน มันเต็มไปด้วยน้ำและมีรสชาติหวาน กรอบนุ่มและชุ่มคอ เขาไม่รู้ว่าควรบรรยายรสชาตินี้อย่างไร เพราะเป็นรสชาติที่ยอดเยี่ยมนัก

เขายังไม่ได้กลืนผลบัวหิมะคำแรกลงไป หูเฟิงก็ปอกเปลือกผลที่สองส่งไปตรงหน้าจ้าวหลานแล้ว “ท่านกินเถิด”

นี่เป็นครั้งแรกที่หูเฟิงพูดกับนาง ครั้งก่อนนางเกือบจะตกจากไหล่เขา ก็เป็นหูเฟิงที่ช่วยนางไว้ ขณะนั้นนางกล่าวขอบคุณอย่างสุดชีวิต ทว่าหูเฟิงก็ไม่เคยกล่าวอะไรกับนางสักคำ เมื่อคืนกินข้าวอยู่ที่บ้านเขา ก็ยังไม่ได้พูดกับนางเช่นกัน

จ้าวหลานเอ็นดูระคนประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็รีบยื่นมือไปรับมา

นางไม่ได้รีบร้อนกิน และส่งผลบัวหิมะไปให้ไป๋จื่อ “จื่อเอ๋อร์เจ้ากินก่อน เมื่อครู่กินหางงูไปนิดเดียว ย่อมไม่อิ่มกระมัง”

ไป๋จื่อดันมือของนางกลับไป “ท่านแม่ ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าตอนที่ข้ากับหูเฟิงเพิ่งขุดสิ่งนี้ ก็กินเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังอิ่มอยู่เลย จึงไม่อยากกินเลยสักนิด อีกอย่าง ในตะกร้าก็ยังมีอีกหลายผล ท่านไม่ต้องปฏิเสธหรอก”

ลุงหูมองท่าทางสดชื่นแจ่มใสของไป๋จื่อ อดไม่ได้ที่จะถามว่า “วันนี้เจ้าบอกว่าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร แล้วได้เก็บมาบ้างหรือไม่”

เด็กสาวหยิบโสมภูเขาออกมาจากก้นตะกร้าเสียเลย “นี่เจ้าค่ะ ท่านลุงหูว่าโสมภูเขาต้นนี้จะขายได้เท่าไร”

เขามองโสมภูเขานี้ เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นอย่างมาก อยากจะหยิบมาดูในมือสักหน่อย ทว่าก็กลัวจะทำมันเสียหาย จึงหดมือกลับ แล้วถอนใจกล่าวว่า “โสมภูเขาต้นใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังมีอายุร้อยปี ข้าว่าอย่างน้อยน่าจะขายได้หนึ่งร้อยตำลึงเงิน”

หนึ่งร้อยตำลึงเงิน?

ดวงตาของจ้าวหลานเป็นประกายขึ้นหลายระดับ แม้กระทั่งเสียงพูดก็สั่นเครือ “เท่าไรนะ หนึ่งร้อยตำลึงหรือ”

ท่านลุงหูโบกมือ “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เคยได้ยิน ว่ากันว่าคนมีเงินในเมืองพวกนั้นชอบโสมภูเขาที่พวกเราขุดมาจากในภูเขาอย่างมาก โสมภูเขาทั่วไปสักต้นก็ขายได้หลายสิบตำลึงเงินแล้ว หากเป็นโสมภูเขาอายุร้อยปีต้นใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้าว่าอย่างน้อยน่าจะขายได้หนึ่งร้อยตำลึง”

ไป๋จื่อที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยไปในเมือง ประสบการณ์ก็น้อยจนน่าสงสาร ในความทรงจำของนางไม่มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้เลย ตอนนี้นางคล้ายกับไม่มีหนังสือแนะนำเลยสักนิด