ภาคที่ 1 บทที่ 16 ส่งคำเชิญ (ตอนปลาย)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 16 ส่งคำเชิญ (ตอนปลาย)

หลังจากการตรวจวินิจฉัยชีพจรและการซักถาม ปรากฎว่าอาการของเด็กสาวนั้นเกิดจากอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีประจำเดือน อาจารย์หวังชวงเหรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่นักเรียนของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาเดินกลับไปยังโพเดียมที่อยู่ด้านหน้าห้อง ก่อนจะหยิบแผ่นอุปกรณ์ฝังเข็มแบบใช้แล้วทิ้งออกมาจากกระเป๋า

หลังจากที่ทำการเผารมยาอุปกรณ์ฝังเข็มแล้ว อาจารย์หวังชวงเหรินก็มองนักศึกษาที่กำลังจ้องสิ่งที่เขาทำ ก่อนจะเอ่ยออกมา “ทุกคนตั้งใจดูเอาไว้นะ นี่แหละประโยชน์ของการเรียนวิชาแพทย์แผนจีน”

“การฝังเข็มรักษาอาการปวดประจำเดือนสามารถทำได้ด้วยการฝังเข็มสามจุด”

“จุดแรก คือตรงที่ปุ่มกระดูกสันหลังข้อที่สิบเจ็ด”

อาจารย์หวังชวงเรินบอกให้เด็กสาวนอนคว่ำลงกับโต๊ะแล้วให้นักศึกษาหญิงอีกคนช่วยเลิกเสื้อของเด็กสาวขึ้น เผยให้เห็นเนื้อหนังตรงบริเวณเอว เขาปักเข็มลงที่ตำแหน่งดังกล่าวอย่างเบามือ

ภายในห้วงความคิดของซูเย่ ราชวังแห่งความทรงจำนั้นปรากฎเป็นร่างของเขาพร้อมกับหนังสือที่ค่อยๆลอยเข้ามาหาถึงที่ หนังสือเล่มนั้นเปิดออกอยู่กลางอากาศอย่างเงียบสงบ ประโยคในหนังสือลอยขยายออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

“ปุ่มกระดูกสันหลังข้อที่สิบเจ็ด จุดฝังเข็มตามฉบับแพทย์แผนจีนจากเชียนจินอี้ฟาง เช่น จินถูอี้ ได้ถูกกำหนดไว้ที่ตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อบั้นเอวที่ห้า อาจบ่งบอกได้ถึงอาการปวดเอว ปวดขา อัมพาตของแขนขาส่วนล่าง, การย้ายเซลล์, ประจำเดือน, ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก, อาการปัสสาวะรดที่นอนในเวลากลางคืน, ความผิดปกติของทวารหนัก, อาการปวดสะโพก ฯลฯ”

ซูเย่พยักหน้าเงียบ ๆ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์หวังคนนี้ถึงถูกเลือกให้มาสอนในวิชานี้

“จุดที่สองก็คือ จุดเฉิงซาน”

อาจารย์หวังชวงเหรินถกขากางเกงของเด็กสาวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะทิ่มเข็มลงไปในจุดเฉิงซานซึ่งอยู่ที่บริเวณน่อง ตรงจุดบรรจบกันของเอ็นกับกล้ามเนื้อน่องทั้งสองมัด

ข้อความเกี่ยวกับจุดเฉิงซานปรากฎขึ้นอีกครั้งในราชวังแห่งความทรงจำของซูเย่

จุดเฉิงซาน

เป็นจุดที่อยู่ตรงกลางส่วนหลังของน่อง อยู่ระหว่างจุดคุณหลุนและจุดเหว่ยจง

การฝังเข็มในจุดนี้จะมีผลให้ม้ามมีความแข็งแรงและชุ่มชื้น

นักศึกษาหลาย ๆ คนมองการสาธิตตรงหน้าอย่างสงสัยใครรู้ แต่บางส่วนก็เลือกที่จะไม่สนใจ

พวกเขาไม่อยากรู้ว่าจุดฝังเข็มคืออะไร รวมถึงจะใช้มันได้อย่างไรบ้าง

“จุดที่สามคือจุดไท้จง”

อาจารย์หวังชวนเหรินกล่าวในขณะที่ถอดรองเท้าของเด็กสาวออกแล้วยกมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะฝังเข็มลงไป

จุดไท้จง

มีตำแหน่งอยู่ที่ด้านหลังของฝ่าเท้า อยู่ระหว่างกระดูกฝ่าเท้าแรกและกระดูกฝ่าเท้าที่สอง

สามารถแสดงอาการบ่งชี้ถึงโรคหลอดเลือดสมอง อาการวิงเวียนศีรษะ ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการปวดประจำเดือน ดีซ่าน ฯลฯ

ภายในห้วงความคิดของซูเย่นั้นได้จดจำในทุกความรู้และการใช้จุดฝังเข็มทั้งสามได้อย่างอย่างแม่นยำ

อาจารย์หวังชวนเหรินปล่อยให้เข็มฝังทิ้งเอาไว้และบิดหมุนมันเล็กน้อย ส่งผลให้นักศึกษาหลายคนที่มองอยู่ร้องซี๊ดเจ็บแทนเด็กสาวตรงหน้าที่ตอนนี้ดูเหมือนสีหน้าที่ซีดเซียวก่อนหน้านี้เริ่มแดงระเรือขึ้นมาบ้าง

“เป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม?”

อาจารย์หวังชวนเหรินถาม

“ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

เด็กสาวอยู่นิ่ง ๆ เพื่อยืนยันความรู้สึกจริง ๆ ก่อนจะกล่าวย้ำอย่างประหลาดใจ “ไม่เจ็บแล้วจริง ๆ ด้วยค่ะ”

“ว้าว—”

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงกับผลลัพธ์ตรงหน้า แพทย์แผนจีนนี่มันเจ๋งจริง ๆ!

สุดยอดไปเลย!

ซูเย่มองไปยังอาจารย์หวังชวนเหรินที่บิดหมุนเข็ม ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว

นี่แหละ คือสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้

ถ้าใช้วิถีแพทย์แผนจีนนี้ในการรักษาผู้ป่วยได้รวดเร็วขนาดนี้ ก็จะเก็บแต้มศีลธรรมได้เร็วขึ้น

“เอาล่ะ”

อาจารย์หวังชวนเหรินยังไม่ได้นำเข็มออกตอนนี้ เขาปล่อยให้มันไว้สักพักใช้เวลาอีกสักหน่อย ก่อนจะเดินกลับไปยังโพเดียมเพื่อเริ่มการเรียนการสอนต่อ

นักศึกษาทุกคนกลับไปที่นั่งของตนพร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความจริงจังและมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้

หัวใจของพวกเขาได้ถูกพิชิตไปด้วยน้ำมือของอาจารย์แล้ว

“การแพทย์แผนจีนมีพื้นฐานมาจากการคำนวณ วิเคราะห์ วิปัสสนา และด้วยเหตุนั้น เส้นลมปราณจึงไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า”

“ราชาแห่งซางโจวนั้นริเริ่มหาจุดฝังเข็มต่าง ๆ บนร่างกายมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อหาจุดฝังเข็มในแต่ละจุด…”

ณ แถวสุดท้ายภายในห้องเรียน

ซูเย่วาดลวดลายคาถารวมปราณด้วยปากกาลงบนฝ่ามือของเขาแล้วเริ่มทำสมาธิ

ณ ห้วงความคิด

ภายในราชวังแห่งความทรงจำปรากฎเป็นร่างจำแลงของเขาอีกครั้ง ร่างนั้นนั่งลงกับโต๊ะก่อนจะพิมพ์เนื้อหาที่อาจารย์หวังชวงเหรินสอนลงในโน๊ตบุ๊ค

และขณะที่ทำเช่นนั้น

หนังสือเล่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อาจารย์หวังกำลังสอนได้ลอยออกมาเปิดหน้าที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้น ๆ ตรงหน้าซูเย่แบบพร้อมอ่านได้ในทันที เพื่อให้ซูเย่ได้เช็คเนื้อหาและยืนยันว่าข้อมูลที่กำลังเรียนรู้อยู่นั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง

ขณะนี้ เขาทำทั้งเรียนรู้เนื้อหาภายในห้องเรียน ตรวจเช็คความถูกต้องของบทเรียนด้วยหนังสือในราชวังแห่งความทรงจำและบำเพ็ญตบะเพื่อรวบรวมพลังไปพร้อมๆ กัน

หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง วิชาเอกสองวิชาในช่วงเช้า และอีกหนึ่งวิชาในช่วงบ่ายได้จบลง ซูเย่ส่งหนังสือเรียนให้กับรูมเมททั้งสองเพื่อฝากไปเก็บที่ห้อง

เพราะเขามีเป้าหมายว่าจะไปที่สถานีตำรวจเพื่อซื้อหมวก VR นั่นเอง

แต่ทันทีที่เดินออกจากประตูห้องเรียนไป….

“คุณซูเย่ใช่ไหมครับ?”

จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ซูเย่มองไปทางต้นเสียงก็พบกับนักศึกษาชายสวมแว่นคนหนึ่ง เขามีร่างกายที่ผอมบางแต่ยืนนิ่งอย่างสง่าผ่าเผย

“ใช่ครับ นั่นผมเอง…มีอะไรรึเปล่า?”

ซูเย่เอ่ยถาม

จินฟานและซูชือที่อยู่ข้าง ๆ กำแพงแอบกางหูฟังเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ

นักศึกษาสองสามคนที่เดินออกจากห้องไปแล้วก็มีบางคนให้ความสนใจด้วยการแอบมองจากข้างนอก

“โอ้…สวัสดีครับ”

นักศึกษาชายคนนั้นเดินตรงมาหาชายหนุ่มทันที “ท่านอาจารย์ลั่วตงหมิงแห่งสถาบันดนตรีซิงเหมิงได้จัดการประชุมสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับพิณผีผาในวันนี้ ณ เวลา 19.30 น. และท่านได้ส่งบัตรเชิญให้คุณซูเย่มาเข้าร่วมงานนี้ด้วยครับ”

จากนั้นเขาก็นำบัตรเชิญสีแดงสดออกมาแล้วยื่นให้ซูเย่ด้วยท่าทีสงบเรียบร้อยและสุภาพ

ลั่วตงหมิง?

อาจารย์คนที่อยากสนทนา พาที เรื่องพิณผีผากับเขาในฟอรั่มนั่นน่ะเหรอ?

ซูเย่ยิ้มตอบขณะที่มองนักศึกษาชายตรงหน้าอย่างพิจารณา

ยื่นหมูยื่นแมวสินะ..

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาอย่างสุภาพและมีมารยาม เขาเลยไม่จำเป็นต้องตอบโต้หรือทำตัวแย่ ๆ ใส่ไปอย่างปกติ เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะรับบัตรเชิญด้วยสองมือ

“ขอบคุณนะ ผมจะไปแน่นอน”

ชายอีกคนโค้งให้เป็นการขอบคุณก่อนจะจากไป

เมื่อบุคคลที่สามได้เดินจากไปไกลแล้ว รูมเมททั้งสองรีบแจ้นเข้ามาหาแทบจะในทันที

“นอกจากงานแต่งกับงานวันเกิดแล้ว นี่ก็ครั้งแรกเลยนี่ล่ะ ที่ได้เห็นบัตรเชิญ”

ซูชือกล่าวขณะที่มองบัตรเชิญอย่างสงสัย

จินฟานยิ้มแฉ่งก่อนจะตบบ่าซูเย่ไปสองสามครั้ง “ทำไมไม่ให้เราไปด้วยล่ะ?”

“จริง ๆ อยากไปส่องสาว ๆ สวย ๆ ที่สถาบันดนตรีซิงเหมิงก็บอกมาเถอะ… “

ซูชือแขวะ

“แล้วนายไม่อยากเห็นรึไง?”

จินฟานจ้องซูชือเขม็ง

“ก็อยากเห็นน่ะสิ!”

ซูชือกล่าวอย่างเต็มปากเต็มคำ

“งั้นก็ไปด้วยกันนั่นแหละ “

ซูเย่กล่าวขณะที่ยื่นบัตรเชิญให้เพื่อนทั้งสองเป็นคนถือกลับหอพัก

“ฉันจะออกไปซื้อหมวก VR ที่ว่านั่นสักหน่อย”

หลังจากนั้น ซูเย่ก็เดินตรงไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ ๆ กับเขตมหาวิทยาลัย