ภาคที่ 1 บทที่ 17 ช่วยอาจารย์ปราบความจองหองอวดดีของบรรดาลูกศิษย์ที (ตอนต้น)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 17 ช่วยอาจารย์ปราบความจองหองอวดดีของบรรดาลูกศิษย์ที (ตอนต้น)

สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ตั้งอยู่บนถนนการค้าในย่านมหาวิทยาลัยทั้งหลาย

เมื่อเดินผ่านทางจัตุรัสกลางออกไปอีกไม่นานนัก ก็จะพบกับจุดหมายปลายทาง

ทันทีที่มาถึงสี่แยกของถนนการค้า ซูเย่มองเห็นคิวอันยาวเหยียดออกมาจากทางเข้าห้องโถงใหญ่ของทางสถานีที่ได้มีป้ายประกาศเอาไว้ว่าเป็นจุดลงทะเบียนสำหรับจำหน่ายหมวก VR เขียนเอาไว้อยู่เหนือประตู

เขากวาดสายตาดูคร่าว ๆ ตั้งแต่หัวแถวจรดปลายแถว

ดูเหมือนว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา มีบางส่วนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพ่อค้า – แม่ค้าในย่านการค้าแถวนี้ ในมือของทุกคนล้วนถือบัตรประชาชนของตนเอาไว้

ไม่ว่าแดดจะร้อนแรงขนาดไหน แต่ก็ไม่มีใครหวั่นไหวกับสภาพอากาศอันโหดร้ายนี้แม้แต่น้อย อีกทั้งยังรวมกลุ่มพูดคุยถึงเกมนี้กันอย่างสนุกสนาน

“เกมนี้มันเป็นที่นิยมขนาดนี้เชียว?”

ซูเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะเดินหน้าเข้าไป

เขาต่อที่ท้ายแถวได้ไม่นาน ไม่กี่นาทีต่อมา หางแถวก็เริ่มยาวขึ้นและยาวขึ้น

“สายลมใต้นำความร่มเย็น คลายยากเข็นให้ใจเบิกบาน”

ซูเย่พึมพำเบา ๆ

จู่ ๆ ก็มีสายลมพัดผ่านมาจากทางทิศใต้พัดพาไอร้อนรอบ ๆ ตัวเขาออกไป

คนที่อยู่ตรงหน้าและข้างหลังของเขาต่างรู้สึกได้ถึงสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านพวกเขาไปจนทำเอารู้สึกแปลกใจน้อย ๆ

ซูเย่มองความยาวของแถวด้านหน้า เจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะ และดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงร้อนระอุเหนือศีรษะ

“ถ้าเป็นเขตที่สูงก็คงใช้คาถาเรียกฝนมาแล้ว.. “

ซูเย่ส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเข้าไปยังห้องแชทที่ตั้งชื่อไว้ว่า “เจริญพรท่านผู้เจริญแล้วทั้งหลาย”

เขาพิมพ์ข้อความลงไป

“นอกจากซื้อที่สถานีตำรวจแล้ว พอจะมีที่อื่นให้ซื้อบ้างมั้ย? หรือมีวิธีแชร์ไอดี อะไรแบบนั้นบ้างหรือเปล่า?

“ไม่มีอะ”

จินฟานตอบกลับมาทันทีด้วยข้อความสั้นกระชับ

“เกมนี้มันพิเศษมากเลยนะ แถมการผลิตหมวกนี่ก็ไม่ง่ายเลย.. ก็อย่างที่รู้กันว่าเกมนี้มันได้รับการส่งเสริมจากประเทศเราด้วย ใคร ๆ ก็รู้ดีทั้งนั้นว่ามีคนหนุนเบื้องหลังอยู่เป็นเรื่องระดับประเทศแน่ ๆ คนที่ได้หมวกนี่ไปแล้ว ไม่มีใครอยากปล่อยต่อหรอก เพราะงั้นเรื่องของมือสองน่ะ ฝันไปได้เลย”

“ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของการที่ต้องไปซื้อที่สถานีตำรวจ ก็เพื่อที่จะใช้บัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนและฝังข้อมูลที่แท้จริงของผู้ใช้กับหมวก เพราะงั้นแล้ว ต่อให้ซื้อมือสองมาใหม่ นายก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี

“มันผิดกฎหมายน่ะนะ”

“แถมใครมันจะกล้าให้ข้อมูลตัวเองกับคนอื่นกันวะ?”

ซูชือพิมพ์ตอบกลับมาสี่ข้อความรวดในเสี้ยวนาที

“โอเค เข้าใจแล้ว”

หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากเพื่อนทั้งสอง ซูเย่พยักหน้าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะตัดสินใจยืนรอในคิวต่อไป ในขณะที่หางแถวข้างหลังเขานั้นก็เริ่มยาวไปเรื่อย ๆ

เขาได้ยินเสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแทบจะทุกแบบ

“ฉันได้ยินมาจากแหล่งข่าวซุบซิบที่น่าเชื่อถือได้ เห็นว่าบางคนไปเจอเทพธิดาไป๋จือเหยียนแห่งสถาบันดนตรีซิงเหมิงในเกมเมื่อวานนี้ด้วยล่ะ”

“ประเทศนี้บอกว่ากำลังหาทางสร้างตัวจากธุรกิจรูปแบบใหม่อยู่ โดยใช้เกมนี้เป็นตัวอย่างแรกเริ่ม.. เคยเห็นประเทศไหนเขาทำกันแบบนี้บ้างไหม? ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ “

“ภาพจำลองในเกมโคตรสวยเลย เทียบกับเกมอื่นไม่ติดฝุ่น แต่น่าเสียดายที่เลเวลขึ้นยากไปหน่อย”

……

ซูเย่ยืนฟังความคิดเห็นและข่าวซุบซิบอย่างใจเย็น

หลังจากที่เวลาผ่านไป…

ซูเย่เดินเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ที่ทางสถานีตำรวจจัดเอาไว้ หลังจากที่รอมานาน เขาก็เข้าไปถึงโต๊ะลงทะเบียนเสียที

“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ”

ตำรวจหญิงที่นั่งประจำโต๊ะกล่าว ก่อนจะยื่นมือของเธอออกมาตรงหน้าซูเย่

เขายื่นบัตรประชาชนของตนที่ถือเตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้วส่งให้เธอ

“กรุณากรอกแบบฟอร์มให้ครบด้วยนะคะ” หลังจากที่ได้รับบัตรประชาชนมาแล้ว ตำรวจหญิงได้ยื่นกระดาษที่มีแบบฟอร์มกรอกข้อมูลให้กับเขา ก่อนจะชี้ไปยังอุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับกล้องที่อยู่ตรงด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยต่อ “หลังจากที่กรอกข้อมูลเสร็จแล้ว รบกวนสแกนม่านตาที่ช่องนี้ด้วยนะคะ”

“แล้วก็สแกนลายนิ้วมือตรงนี้ค่ะ”

จากนั้น ตำรวจหญิงผู้นั้นได้นำเครื่องมือบันทึกลายนิ้วมือขนาดเท่าฝ่ามือออกมา

ซูเย่ปลายตามองหัวข้อต่าง ๆ ในแบบฟอร์มที่ประกอบไปด้วย ชื่อ อายุ เชื้อชาติ ที่อยู่ ระดับการศึกษา

ซูเย่ทำการกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มจนครบถ้วน ก่อนจะหันไปสแกนม่านตากับเครื่องข้าง ๆ และประทับฝ่ามือลงบนอุปกรณ์บันทึกลายนิ้วมือ

“เคร่งครัดจังเลยแฮะ… “

เขาทำทุกอย่างได้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนจะจ่ายเงินเป็นจำนวน 3,000 หยวน เหลือเป็นเงินสดติดตัว 1,200 หยวนจากทั้งเนื้อทั้งตัว

“เรียบร้อยค่ะ”

หลังจากที่ตำรวจหญิงได้กรอกข้อมูลของเขาลงไปในระบบแล้ว เธอก็หันกลับมาอธิบายต่ออีกครั้ง “หมวกจะใช้เวลาในการจัดส่งเป็นเวลา 30 วันนะคะ ทางเราจะส่งข้อความแจ้งให้คุณทราบเมื่อสินค้ามาถึง”

ใช้เวลา 30 วันเลยเหรอ!?

ซูเย่ถึงกับผงะออกทางสีหน้า เขานึกว่าถ้าลงทะเบียนแล้วจะได้รับหมวกเลยเสียอีก

กว่าจะได้เล่นก็ปาเข้าไปเดือนนึงแล้ว

เขาถามต่อ

“มีวิธีไหนที่จะได้หมวกเร็วกว่านี้ไหมครับ?”

“ไม่มีค่ะ”

ตำรวจหญิงส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับ “เนื่องจากตอนนี้มีคิวที่รออยู่เกือบทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นแล้วทำได้แค่รอค่ะ”

“เข้าใจแล้วครับ…ขอบคุณครับ”

ซูเย่พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้น

คนที่ต่อคิวหลังจากซูเย่ไม่รีรอที่จะนั่งลงต่อทันที เขารีบกรอกข้อมูลของตัวเองลงไปในแบบฟอร์มอย่างกระตือรือร้น

“ดูเหมือนว่าจะทำได้แค่รออย่างเดียวสินะ”

ซูเย่เดินออกมาจากประตูสถานีตำรวจ เขาถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปยังมหาลัยของตนเองอย่างเซ็ง ๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น ณ สถาบันดนตรีซิงเหมิง

ในห้องหอพักสีชมพูสดใสของหญิงสาวทั้งสอง

“พี่จ๋า ในกระทู้นี้บอกว่าท่านอาจารย์ลั่วตงหมิงส่งบัตรเชิญไปให้ผู้ชายที่ชื่อว่าซูเย่ด้วยล่ะ!”

ไป๋จือเหยียนในชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเอ่ยพูดกับพี่สาวขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะ เธอชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้พี่ของเธอที่นั่งดูคลิปวิดีโอบนไอแพดอยู่ข้าง ๆ ได้หันมาดู

“เธอคิดว่าไงล่ะ?”

ไป๋จือหรานถามกลับไปโดยไม่ได้หันหน้าไปมอง

“พี่จ๋า”

ไป๋จือเหยียนลุกจากที่นั่งก่อนจะไปตะครุบโอบกอดพี่สาวที่นั่งอยู่บนเตียงข้าง ๆ ดวงตาของเธอฉายแววสดใส

“พวกเราไปดูกันมั้ย?”

ไป๋จือหรานไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ก็เอาสิ การสัมมนาวิชาการของท่านอาจารย์ลั่วตงหมิง จะว่าไปแล้วก็น่าฟังใช่ย่อย”

เมื่อได้ฟังดังนั้นไป๋จือเหยียนก็ดีใจจนเนื้อเต้น

“พี่จ๋าเจ๋งที่สุดเลย!” เธอพูดพร้อมกับหอมแก้มพี่สาวไปหนึ่งที

……