ตอนที่ 15 แสดงอำนาจ (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“คุณหนูของข้าถูกตามใจมาตลอด แต่นางก็เหนื่อยมากมาตลอดทาง และก็ไม่สบายนิดหน่อย มีเรื่องอะไรท่านก็คุยกับข้าได้เหมือนกัน” จื่อหลัวยิ้มหวานและพูดว่า “ข้าก็รับใช้อยู่ข้างกายคุณหนูมาหลายปี ข้ารู้นิสัยใจคอของคุณหนูดีที่สุด คุณหนูของข้ามีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องถามความเห็นของคุณหนูในทุกๆ เรื่อง แต่…” จื่อหลัวเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยว่า “รับใช้อยู่ข้างกายคุณหนูมาหลายปีแล้ว ข้ายังพอข้ามหน้าข้ามตาดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้”

“เจ้าชื่อจื่อหลัวใช่หรือไม่” แม่นมตู้รู้ดีว่าในใจของฮูหยินซั่งกวน เยี่ยนมี่เอ๋อร์มีสถานะแบบไหน ดังนั้นจึงไม่ได้สุภาพและให้ความเคารพต่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากกว่าคนอื่นๆ แต่นางไม่ได้พูดอะไรกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ และก็ไม่กล้าพูดอะไรด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องสุภาพกับสาวใช้ใหญ่อย่างจื่อหลัวคนนี้ จึงใช้น้ำเสียงเตือนเล็กน้อยโดยกล่าวว่า “ข้าคิดว่า ในเมื่อคุณหนูพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าก็ควรรู้ว่า ตระกูลซั่งกวนไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาทั่วไป ตระกูลซั่งกวนมีกิจการขนาดใหญ่ และเป็นครอบครัวที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีกฎระเบียบมากขึ้น ฮูหยินของข้ารักคุณหนูมาก และคิดว่านางจะกลายเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่ของเรา จะดีกว่าถ้ามีสาวใช้จากสองตระกูลคอยรับใช้อยู่ข้างๆ ช่าจื่อกับเยียนหงได้รับการคัดเลือกอย่างดีจากสาวใช้ชั้นหนึ่งหลายร้อยคนในตระกูลซั่งกวน เพื่อให้พวกนางเข้ามารับใช้กับคุณหนูอย่างดี และยังสามารถช่วยเหลือคุณหนูได้เมื่อจำเป็น”

อย่างไรก็ตามจะว่าไปแล้วการให้ช่าจื่อกับเยียนหงอยู่ข้างกายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ยังชี้ให้เห็นว่า ทั้งสองคนนี้เป็นสาวใช้ ‘ชั้นหนึ่ง’ ที่ฮูหยินซั่งกวนเลือกออกมา ‘เป็นพิเศษ’ จื่อหลัวเป็นคนฉลาดขนาดนั้น จะไม่เข้าใจความหมายแฝงได้อย่างไร แต่ถ้าเข้าใจแล้วอย่างไรเล่า? จะปล่อยคนที่ไม่สนิทใจสองคนไว้ข้างคุณหนูไม่ได้! ต่อให้ปล่อยไว้ ก็จะบีบนางกับลู่หลัวออกไปไม่ได้!

“การมีสาวใช้ที่มาจากตระกูลตัวเองอยู่เคียงข้างย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว” จื่อหลัวยิ้มหวานแล้วพูดว่า “ฮูหยินซั่งกวนใจดีกับคุณหนูของเรายิ่งนัก คุณหนูของเรารู้ด้วยว่าฮูหยินซั่งกวนรักและเอ็นดูคุณหนูของเรามาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ว่า…แม่นมตู้ เกรงว่าคุณหนูยังชอบคนที่คุ้นเคยมากกว่านะ!”

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” แม่นมตู้ค่อนข้างไม่พอใจ ในสายตาของนาง สาวใช้ชั้นหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนจากตระกูลเยี่ยนนั้นยังไม่ดีเท่าสาวใช้ชั้นสามของตระกูลซั่งกวน ไม่ได้มีหน้ามีตาเลย ตอนนี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้สาวใช้พวกนี้รอรับใช้อยู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วการให้สาวใช้เหล่านี้มารับใช้หลังจากแต่งงาน ไม่แน่ตระกูลซั่งกวนอาจเสียหน้าในบางโอกาส

“จื่อหลัวหาได้มีความหมายอย่างอื่นไม่ แต่แค่พูดความจริงเท่านั้น” จื่อหลัวยิ้มพรายแล้วพูดว่า “ข้ากับลู่หลัวรับใช้คุณหนูมาตั้งแต่ยังเด็ก รู้ว่าคุณหนูชอบอะไรมากที่สุด ไม่ต้องให้คุณหนูพูด แค่มองตาก็รู้ว่าคุณหนูต้องการอะไร หากเปลี่ยนคนเคียงข้างคุณหนู คุณหนูจะไม่สบายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่าจื่อกับเยียนหงคือน้ำใจของฮูหยินซั่งกวน คุณหนูก็ย่อมหวังจะให้อยู่ต่อไป แต่หากจะให้พวกนางรับใช้ประจำตัวคุณหนูเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าพวกนางจะไม่เข้าใจความคิดของคุณหนูได้ใน

เวลาอันสั้น ถ้าคุณหนูเรียกใช้ก็จะไม่สะดวกมือเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าให้พวกนางคุ้นเคยกับคุณหนูก่อน ให้พวกนางมีเวลามากพอจะได้เข้าใจความชอบกับนิสัยใจคอของคุณหนู ด้วยวิธีนี้จะดีสำหรับทุกคน ข้ากับลู่หลัวเป็นสาวใช้ใหญ่ที่อยู่ข้างกายคุณหนู จะจากคุณหนูไปไหนไม่ได้เลย หากกฎของตระกูลซั่งกวนจะอนุญาตให้สาวใช้ใหญ่สี่คนอยู่เคียงข้างคุณหนูจะดีที่สุด แต่เราสองคนจะเอ่ยถึงพี่สาวทั้งสองตลอด แต่ในกรณีที่ทำไม่ได้…”

“แล้วอย่างไรล่ะ?” แม่นมตู้มองไปที่จื่อหลัวแล้วจงใจอุบไว้ ในหัวใจอึดอัดถึงขีดสุด นางเป็นแม่นมชั้นยอดที่ประจำตัว ฮูหยินซั่งกวน ต่อให้จะไม่ใช่คนที่ฮูหยินซั่งกวนไว้วางใจและโปรดปรานมากที่สุด แต่ก็เป็นคนที่ใครๆ เห็นแล้วต่างเรียกว่า ‘แม่นมตู้’ อย่างสุภาพกันทั้งนั้น คำพูดของจื่อหลัวนี้ได้ล่วงเกินนางเข้าแล้ว

สีหน้าของจื่อหลัวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและน้ำเสียงก็ไม่เปลี่ยนไปจึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูของข้ารู้ว่าฮูหยินจะหวงแหนนางอย่างแน่นอน ไม่ว่าฮูหยินจะทำอะไรนางก็มักจะเห็นแก่คุณหนูของข้า ย่อมจะทำตามที่ฮูหยินจัดการไว้ เพียงแต่วิธีอย่างนั้น คุณหนูอาจจะไม่ชิน ถ้าคิดมากเกินไปด้วยเหตุนี้จะทำให้ฮูหยินลำบากใจหรือไม่”

ช่างเป็นสาวใช้ที่ปากร้าย! แม่นมตู้กลอกตามองไปที่จื่อหลัวแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ต่อให้จะเป็นช่าจื่อกับเยียนหงก็จะไม่พูดโอหังเช่นนี้ ดูท่าคนที่อยู่ข้างกายคุณหนูเยี่ยนอู่จะไม่ได้เป็นขยะเสียทั้งหมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะเป็นอย่างหไร

“พวกเจ้าเป็นคนที่คุณหนูเยี่ยนคุ้นเคยย่อมต้องอยู่ข้างกายเป็นธรรมดา แต่ตระกูลซั่งกวนมีกฎใหญ่ แล้วระดับอาจจะ ลดลง…”

แม่นมตู้ยังหัวเราะแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าล้วนเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูเยี่ยน หากพวกเจ้าจากไปคุณหนูเยี่ยนจะปรับตัวไม่ได้แน่นอน!”

“เรื่องเหล่านั้นขึ้นอยู่กับการจัดเตรียมของฮูหยิน!” จื่อหลัวกล่าวอย่างเชื่อฟัง “เพียงแต่ว่าสาวใช้แบบไหนต้องทำงานอะไร ขอแม่นมโปรดชี้แนะ อาจจะทำผิดกฎได้เพราะไม่เข้าใจ”

“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา” แม่นมตู้เริ่มชอบจื่อหลัวนิดหน่อยที่รู้จักกาลเทศะ ดูท่านางจะยังรู้อยู่ว่าคุณหนูของตัวเองจะแต่งเข้าครอบครัวแบบไหน

ในขณะที่คุยกันอยู่ แม่นมจ้าวกับแม่นมฉินได้พาชิงหลัว เซียงเสวี่ยและจื่ออวิ๋นเข้ามา สาวใช้ทั้งคู่นี้ถือสิ่งของไว้ในมือ

“จื่อหลัว ผู้นี้ใคร?” แม่นมฉินมองไปที่แม่นมตู้ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ทีแรกแม่นมตู้จะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน แต่ไม่คาดืคิดว่าจะถูกแม่นมฉินชิงตัดหน้าไปก่อน

“ผู้นี้คือแม่นมตู้คนสนิทของฮูหยินซั่งกวน แม่นมตู้ นี่คือแม่นมฉินที่ไท่ไท่รองของข้าไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุดในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ และนั่นคือแม่นมจ้าวที่ดูแลคุณหนูของข้ามาตลอด” จื่อหลัวแนะนำแม่นมทั้งสามอย่างระมัดระวัง

“ที่แท้เป็นคนสนิทของฮูหยินซั่งกวน แต่เป็นครั้งแรกที่พบกัน” แม่นมฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “แม่นมหยางกับแม่นมสีที่อยู่ข้างกายฮูหยินซั่งกวนเป็นคนรู้จักเก่าแก่ ไม่ทราบว่าพวกนางทั้งสองสบายดีหรือไม่?”

แม่นมตู้ตกใจเล็กน้อยอยู่ในใจ แม่นมหยางกับแม่นมสีต่างเป็นคนที่ฮูหยินซั่งกวนพามาจากตระกูลหวงฝู่ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับฮูหยินที่สุด มักจะหยิ่งยโสมาตลอด นางก็จำเป็นต้องเกรงใจพวกนางเช่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นมฉินที่ดูหน้าตาธรรมดาคนนี้จะรู้จักกับสองคนนั้นมาก่อน แม้จะคิดถึงเรื่องนี้อยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกนางทั้งสองสบายดี เพียงแต่ไม่ทราบว่าแม่นมฉินรู้จักมักจี่กับแม่นมทั้งสองที่เป็นคนเก่าคนแก่ ตัวข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“เราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว พวกนางคงคิดว่าข้าตามไท่ไท่รองของข้าไปแล้วสินะ” แม่นมฉินพูดเบาๆ ว่า “พวกนางไม่ได้มาหรือ?”

“พวกนางสองคนเป็นคนที่ฮูหยินขาดไม่ได้แม้แต่สักเค่อเดียว ต่างอยู่รับใช้เคียงข้างฮูหยิน” แม่นมตู้รู้สึกไม่แน่ใจในตัวตนของแม่นมฉินเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินว่ามีแม่นมที่ดีเยี่ยมอะไรอย่างนี้อยู่ใกล้ตัวคุณหนูเยี่ยน

“นั่นสินะ พวกนางสองคนเพิ่งเข้าไปรับใช้ในตระกูลหวงฝู่ ก็เป็นคนสนิทของฮูหยินซั่งกวนอยู่แล้ว ตั้งแต่สาวใช้ตัวน้อยจนถึงแม่นมชั้นแนวหน้าก็นับเป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว ฮูหยินซั่งกวนปล่อยพวกนางมา คงไม่เคยชินเป็นแน่” แม่นมฉินกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วนับจากพบกันครั้งสุดท้าย ในปีที่ไท่ไท่รองจากไปนั้น ข้าดูแลเรื่องราวไปทั่วทุกด้าน ไม่ได้เฝ้าอยู่หน้าโลง จึงไม่ได้เจอพวกนาง และไม่รู้ว่าเมื่อเจอกันยังจะจำกันได้อยู่หรือเปล่า”

“แม่นมฉิน ท่านก็พูดอะไรไปเรื่อย” แม่นมจ้าวยิ้มกริ่มแล้วรับลูกพูดต่อ “นับตั้งแต่ข้าเจอท่านจนถึงตอนนี้ก็สิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว ท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ข้าเดาว่าพวกนางเห็นท่าน ย่อมจำท่านได้แน่นอน”

“แก่แล้ว” แม่นมฉินส่ายหัวอย่างปลงอนิจจังแล้วพูดขึ้นว่า “คนแก่อย่างข้านี้ก็เป็นห่วงคุณหนู ไม่งั้นคงไปรับใช้ไท่ไท่รองตั้งนานแล้ว แม่นมตู้ คุณหนูของข้ายังเด็ก และถูกคนหัวโบราณอย่างพวกเรานี้ตามใจจนเติบใหญ่ ค่อนข้างเอาแต่ใจ ถ้ามีอะไรทำให้ขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้ด้วย แม้สาวใช้ไม่กี่คนที่อยู่รอบตัวนางจะไม่ได้ผ่านโลกมามากนัก แต่ก็ฉลาด ยามที่ไม่เข้าใจก็ได้โปรดชี้แนะด้วยเถอะ”

“ไม่หรอกๆ” แม่นมตู้สงสัยตัวตนของแม่นมฉินอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ได้เล่นแง่ต่อหน้านาง จึงพูดอ่อนน้อมไปสองสามคำ

“แม่นมฉิน เราขอไปดูคุณหนูก่อนแล้วกัน” แม่นมจ้าวเหลือบมองข้าวของในมือของชิงหลัวและคนอื่นๆ แวบหนึ่งก่อน จะพูดว่า “ข้าวของที่คุณหนูใช้บ่อยๆ ก็วางไว้ที่นี่ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ คุณหนูก็อยู่ไม่ได้”

“เจ้าดูข้าสิ แก่มากจริงๆ ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แม่นมตู้ งั้นรบกวนท่านให้ใครเตรียมน้ำร้อนหน่อย ให้คุณหนูของข้าล้างหน้าแล้วค่อยทานข้าว คุณหนูของข้าอะไรก็พูดง่าย แต่ทนความสกปรกไม่ได้แม้แต่น้อย จื่อหลัว เจ้ารู้ดีว่าคุณหนูต้องใช้อะไรบ้างในการแต่งตัว เจ้าเตรียมให้พร้อมอย่างดี ถ้าต้องการอะไร โปรดขอความช่วยเหลือจากแม่นมตู้” แม่นมฉินตบหน้าผาก ‘นึกขึ้นได้ในฉับพลัน’ ดูเหมือนตอนนั้นเพิ่งจะจำจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่เรือนนี้ได้แล้ว

“เจ้าค่ะ!” จื่อหลัวรับคำด้วยความเคารพ ดูแม่นมฉินและคนอื่นๆ เข้าไปในห้องแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่ล้างหน้าหวีผมง่ายๆ สบายอยู่แล้ว คงต้องรบกวนแม่นมตู้ให้คนช่วยเตรียมน้ำร้อนก็จะดี! แต่คุณหนูต้องอาบน้ำตอนกลางคืนก็รบกวนด้วย แม่นมตู้ ไม่ทราบว่ามีห้องอาบน้ำพิเศษในเรือนนี้หรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ ให้พี่สาวพาข้าไปดูได้หรือไม่ คุณหนูของข้าอะไรก็พูดง่าย แต่เรื่องอาบน้ำค่อนข้างจู้จี้จุกจิก เราในฐานะบ่าวจึงต้องลำบากมากหน่อย”

แม่นมตู้รู้สึกตะลึงเล็กน้อย นางต้องการจัดคนของฮูหยินซั่งกวนไปอยู่กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้าประตูมา จึงถือโอกาสจัดระเบียบเด็กสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ นางสักหน่อย แต่นางยังไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเลย ก็โดนเยี่ยนมี่เอ๋อร์กับคนรับใช้ของนางสั่งให้ทำเสียแล้วหรือ? แต่นางก็ทำตามสถานการณ์นี้อย่างช่วยไม่ได้ นางรู้ดีว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์มีความสำคัญแค่ไหนในใจของฮูหยินซั่งกวน หากทำให้แขกผู้มีเกียรตินี้ไม่พอใจ ต่อให้ฮูหยินซั่งกวนจะไม่ลงโทษนาง ทว่าต่อไปก็จะห่างเหินมากขึ้น แต่เช่นนี้ก็ยังไม่ไม่ได้เห็นแม้กระทั่งรูปลักษณ์ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ก็ถูกสั่งใช้งานจนหัวหมุนติ้ว นางไม่สามารถพูดอะไรได้ และเริ่มอึดอัดใจ…

ตอนนี้แม่นมตู้รู้สึกขี่หลังเสือลงยากเล็กน้อย รู้สึกโกรธบ้างอยู่ในใจ มิน่าเล่าที่แม่นมหยางกับแม่นมสีสองคนนั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ข้องเกี่ยวกับงานนี้ พวกนางต้องรู้เรื่องนี้มานานแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไร ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เป็นงานที่เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งแถมเอากระดูกมาแขวนคอ แต่ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่ระงับความทุกข์ไว้ในใจ แล้วหาสาวใช้ที่มีความสามารถพอสมควรมาให้คนหนึ่ง ให้จื่อหลัวไว้เรียกใช้งาน แล้วเด็กสาวใช้ที่พามาเอง ควรจะทำอย่างไรดี…

และคนที่ถูกใช้งานจนหัวหมุนติ้วเหมือนกันยังมีช่าจื่อกับเยียนหงสาวใช้ใหญ่สองคนนี้ที่ตามเยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้ามาในห้องด้วย…

———————————–