ภาคที่ 1 บทที่ 22 กระแสน้ำเชี่ยวที่ซ่อนอยู่

มู่หนานจือ

ส่งจดหมายให้ฮูหยินเป่ยติ้งโหว แล้วฮูหยินเป่ยติ้งโหวส่งต่อให้ฮูหยินเจิ้นกั๋วกง ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงจู่ๆ ก็ได้รับจดหมายแบบนี้ก็ต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน และต้องไปปรึกษาแผนการกับเจิ้นกั๋วกง หารือเสร็จแล้วถึงค่อยส่งเทียบเชิญเข้าวัง เจียงเซี่ยนคาดการณ์ว่า อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสามถึงห้าวัน

นางก็ไม่รีบเช่นกัน จะได้ฉวยจังหวะเวลานี้คิดคำนวณทรัพย์สินของนางในตำหนักอย่างละเอียดพอดี

ชาติก่อน นางไม่เคยรู้เลยว่าตนเองมีทรัพย์สินเท่าไร ตอนหลังเป็นไทเฮาแล้ว ท้องพระคลังรายรับไม่พอกับรายจ่าย ทุกครั้งที่เหมยเฉิงเสนาบดีกรมคลังในตอนนั้นมาคิดบัญชีให้นาง นางก็ได้แต่ฟัง ตอนหลังเฉาเซวียนก็เป็นคนแอบบอกนางว่าคิดบัญชีอย่างไร นางถึงได้เข้าใจบ้าง

พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เจียงเซี่ยนก็รู้สึกขี้เกียจ จึงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงอุ่น

หากเรื่องราวราบรื่น ชาตินี้นางก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับจ้าวอี้อีกเช่นกัน นางจะอาศัยอยู่ที่วังฉือหนิงจนนางออกเรือนหรือไทฮองไทเฮาเสียชีวิต

ชาติก่อนไทฮองไทเฮาเสียชีวิตวันที่สามหลังจากพิธีปักปิ่น[1]ของนาง

ตอนที่ไทฮองไทเฮาจากไปนั้นสงบนิ่งมาก

เหล่าหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงบอกว่า ไทฮองไทเฮาแก่ตาย

แม้นางจะฟื้นคืนชีพแล้ว แต่ไม่มียาวิเศษที่ฟื้นคืนชีพคนตายได้ ไทฮองไทเฮาก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงสองปีแล้วเหมือนชาติก่อน

เจียงเซี่ยนปิดหน้าและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไร้เสียง

เรื่องที่ท่านยายเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องแต่งงานของนาง

บอกว่า หวังจ้านเป็นผู้ชาย หากภรรยาที่แต่งไม่ถูกใจก็ยังรับอนุภรรยาที่ตนเองชอบมาได้ ทว่านางเป็นผู้หญิง หากแต่งไปแล้วไม่ดี ต่อไปจะทำอย่างไร?

ดังนั้นหลังจากนางแต่งงานกับจ้าวอี้แล้ว ไม่ว่าจ้าวอี้จะเมินนางอย่างไร นางกลับไม่กล้าเผยร่องรอยต่อหน้าท่านยายแม้แต่นิดเดียว

ตอนนั้นนางไม่รู้ว่าท่านยายจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ในใจก็ยังคิดอยู่ว่า ไม่รู้ว่าวันเวลาที่ฝืนอดทนเช่นนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร แถมยังกังวลว่าจะเผยพิรุธออกมาต่อหน้าไทฮองไทเฮา และจะทำให้ท่านยายโกรธแทบแย่…เรื่องแต่งงานของนางกับจ้าวอี้นั้น ไทฮองไทเฮาเป็นคนจับคู่ จนถึงตอนนี้นางยังจำได้ว่าหลังจากวางแผนเรื่องแต่งงานของทั้งสองคนแล้ว ใบหน้าของท่านยายก็เต็มไปด้วยความสุข

พูดถึง ตอนที่ท่านยายจากไปก็อายุเพียงหกสิบสามปีเท่านั้น ถึงแม้จะพบเห็นคนที่มีชีวิตอยู่ถึงเจ็ดสิบปีได้น้อย ทว่าหากท่านยายมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปีจะดีแค่ไหนกัน

เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย

นางไปที่ตำหนักของไทฮองไทเฮา และเกาะติดอยู่ข้างกายไทฮองไทเฮา อยากนอนกับไทฮองไทเฮา

ไทฮองไทเฮาหัวเราะ แล้วลูบผมที่อ่อนนุ่มของนางเบาๆ และเอ่ยว่า “เด็กดี เป็นสาวแล้ว ต่อไปแต่งงานแล้วจะทำอย่างไร” แล้วก็สั่งให้เมิ่งฟางหลิงช่วยเอาเครื่องนอนมาให้เจียงเซี่ยนชุดหนึ่ง

เจียงเซี่ยนเติบโตค่อนข้างช้า หลายวันก่อนประจำเดือนก็เพิ่งจะมา

ถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นไทเฮาที่สำเร็จราชการแทนมาเจ็ดปี จึงไม่อายที่จะคุยเรื่องพวกนี้ ทว่าพอคิดถึงตนเองในเวลานี้เมื่อชาติก่อนน่าจะยังคงมีจิตใจของเด็กสาวอยู่ และยังคงเกาะติดท่านยายเป็นเวลานาน ถึงได้พิงไทฮองไทเฮาและหลับไปจริงๆ

อาจจะเพราะกลับไปที่ที่เคยนอนตอนเด็ก เจียงเซี่ยนจึงหลับได้ค่อนข้างลึก ตอนที่ตื่นมาในห้องก็สว่างมากแล้ว ที่ที่ไทฮองไทเฮาเคยนอนเก็บกวาดจนสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

นางตกใจเล็กน้อย แต่ความอุ่นสบายระหว่างผ้าห่มกับฟูกกลับทำให้นางขี้เกียจและไม่อยากลุกจากเตียง

เจียงเซี่ยนพันตนเองจนกลายเป็นรังไหม

เสียงของไทฮองไท่เฟยดังมาจากด้านนอก “…เห็นว่าเฉิงเต๋อไห่กำลังยุให้ตั้งห้องเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่หอฝอเซียงที่ภูเขาวั่นโซ่วอยู่เพคะ นางยังจะทำตัวเป็นเจ้าแม่กวนอิมอีกงั้นหรือ? นางก็เกินไปแล้วหรือเปล่า? ไม่กลัวเทพเจ้าลงโทษหรือ?”

“อย่าสนใจเรื่องพวกนี้เลย” ไทฮองไทเฮาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างไรวันนั้นพวกเราก็ไม่ไป แล้วแต่นางจะทำอย่างไรเถอะ!”

ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยต่างเป็นผู้อาวุโส และยังเป็นหญิงหม้าย ว่ากันหลักการแล้ว ไม่มีทางที่จะไปอวยพรวันเกิดให้เฉาไทเฮา แต่เวลานี้เฉาไทเฮาปิดหูปิดตาทุกคนทั้งในและนอกราชสำนัก ถึงไทฮองไทเฮาจะไม่กลัวนาง ทว่าไทฮองไท่เฟยกลับไม่ได้มั่นใจในตนเองเท่าไทฮองไทเฮา แต่นางทำตามไทฮองไทเฮามาตลอด ไทฮองไทเฮาไม่ไป แน่นอนว่านางก็จะไม่ไปเช่นกัน

เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วกลับถอนหายใจเบาๆ ในใจ

เมื่อก่อนไทฮองไทเฮาจะไว้หน้ามากกว่านี้ ถึงจะไม่ชอบเฉาไทเฮาแค่ไหนก็จะไม่พูดออกมาตรงๆ แบบนี้

จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว รอเพียงผลลัพธ์เดียว…หากเฉาไทเฮาถูกคุมตัวได้ ความชอบของนางก็ไม่น่ากลัวแล้ว ทว่าหากล้มเหลว สิ่งที่รอพวกไทฮองไทเฮาอยู่คือการกดขี่อย่างไร้ความเมตตา ซึ่งต่อให้ขอให้ยกโทษให้ เฉาไทเฮาก็ไม่มีทางปล่อยพวกนางไปอยู่ดี

เจียงเซี่ยนเหม่อลอยอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง แล้วถึงลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบา

นางในที่เฝ้าอยู่ข้างๆ เข้ามารับใช้ทันที

ไป่เจี๋ยเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ และกระซิบข้างหูเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิง ซื่อจื่อส่งคนมาบอกว่ารอท่านอยู่ที่หลังอุทยานหลวงเจ้าค่ะ”

เจียงเซี่ยนหน้าตาสดชื่นขึ้นมา

เดาว่าอาจจะเพราะเรื่องของเซียวหรงเหนียงมีเบาะแสแล้ว

นางดื่มโจ๊กอย่างเร่งรีบ และออดอ้อนต่อหน้าไทฮองไทเฮา “ข้าอยากไปเล่นกับท่านพี่อาจ้านสักครู่หนึ่ง”

ไทฮองไทเฮาไม่อนุญาต และเอ่ยว่า “เขาเฝ้าเวรอยู่ เจ้าไปหาแล้วจะได้อะไร? หลายวันนี้เจ้าเกียจคร้าน ไม่คัดคัมภีร์แม้แต่หน้าเดียว บ่ายวันนี้ตั้งใจคัดคัมภีร์มาให้ข้าหลายๆ หน้าถึงจะถูกต้อง”

เจียงเซี่ยนทำหน้ามุ่ย และคำนับไปมาอยู่ข้างกายไทฮองไทเฮา

ไทฮองไทเฮาไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องตกลง “แต่ห้ามเดินมั่วซั่วไปทั่ว เจออาจ้านแล้วก็มาวังฉือหนิงพร้อมกับเขา รับประทานอาหารเที่ยงที่นี่”

เจียงเซี่ยนดีใจมาก และจากไปด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หวังจ้านรอนางอยู่ที่ตำหนักเจี้ยงเสว่ในอุทยานหลวงเพียงลำพัง เขาสวมเครื่องแบบของขันทีระดับหก และถือห่อผ้าสักหลาดอยู่ในมือ

เจียงเซี่ยนมองแวบเดียวยังจำไม่ได้ พอจำได้แล้วก็ตกใจมาก

หวังจ้านกลับส่งสายตาให้นางไล่นางในที่รับใช้อยู่ข้างกายออกไป แล้วยื่นห่อผ้าสักหลาดในมือให้นาง พลางเอ่ยว่า “ในนี้มีเครื่องแบบของขันทีอยู่ เดี๋ยวเจ้าให้ไป่เจี๋ยช่วยเจ้าเปลี่ยน พวกเราแต่งตัวเป็นขันทีในวัง แอบไปฝ่ายซักล้างกัน”

ความคิดนี้ดี

เพียงแต่ฝ่ายซักล้างอยู่นอกวัง ใกล้ประตูเต๋อเซิ่ง…

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “เสด็จยายให้พวกเรากลับไปรับประทานอาหารเที่ยงที่วังฉือหนิง…”

“วางใจเถอะ!” หวังจ้านเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจัดรถม้าไว้ที่นอกประตูเสินอู่แล้ว”

เจียงเซี่ยนหรี่ตายิ้ม แล้วเรียกไป่เจี๋ยเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า และให้ไป่เจี๋ยกับนางในที่ติดตามอยู่ข้างกายรออยู่ที่นี่ “ห้ามใครออกไปทั้งนั้น หากเรื่องแดงขึ้นมา ก็บอกว่าข้าไปเที่ยวกับซื่อจื่อแล้ว พวกเจ้าไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน เข้าใจหรือไม่?”

ไป่เจี๋ยพยักหน้าติดกันหลายครั้ง แต่ในใจกลับกังวลเป็นอย่างมาก เกรงว่าตอนเที่ยงเจียงเซี่ยนยังกลับมาไม่ได้ ผู้ติดตามอย่างพวกนางก็ต้องถูกลงโทษ

ทว่าใจของเจียงเซี่ยนกลับบินไปนอกวังตั้งนานแล้ว นางเดินตามหวังจ้านผ่านประตูซุ่นเจินอย่างรวดเร็ว จนถึงประตูเสินอู่

หวังจ้านเอาป้ายคำสั่งออกมา

เจียงเซี่ยนปรายตามองไปครั้งหนึ่ง

นึกไม่ถึงว่าจะเป็นป้ายคำสั่งของเฉิงเต๋อไห่วังคุนหนิง

นางอดที่จะเม้มปากยิ้มไม่ได้

หวังจ้านรู้ใจมากจริงๆ

หากไทฮองไทเฮาหรือเฉาไทเฮารู้เรื่องของพวกเขาและตำหนิมา เฉิงเต๋อไห่ก็ต้องถูกตำหนิไปด้วยเช่นกัน

นางอารมณ์ดีมาก

องครักษ์ที่เข้าเวรประตูเสินอู่เห็นป้ายคำสั่งของเฉิงเต๋อไห่ สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก และเอ่ยเสียงเบาว่า “ซื่อจื่อ นี่ท่าน…”

เห็นได้ชัดว่าจำหวังจ้านได้

เจียงเซี่ยนรู้สึกตกใจ

ใครจะรู้ว่าหวังจ้านกลับเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องนี้สักนิด เขาขยิบตาให้องครักษ์ที่เข้าเวรคนนั้น และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รับคำสั่งของขันทีเฉิงมา ออกจากวังไปทำธุระนิดหน่อย”

องครักษ์คนนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความลังเล

หวังจ้านชักสีหน้า และเอ่ยว่า “ทำไม? ยังต้องให้ขันทีเฉิงมายืนยันด้วยงั้นหรือ?”

———————————–

[1] พิธีปักปิ่น พิธีบรรลุนิติภาวะที่จัดขึ้นสำหรับเด็กสาวที่อายุครบ 15 ปี เพื่อแสดงว่าเด็กสาวเป็นผู้ใหญ่ และพร้อมออกเรือนแล้ว