บทที่ 17 มึนงง Ink Stone_Romance

ถึงแม้ว่าฮูหยินใหญ่เฉิงจะช่วยดูแลเฉิงเจียวเหนียงแทนฮูหยินรอง แต่ฮูหยินใหญ่ก็ยังออกปากขอฮูหยินรองด้วยตัวเอง

“สะใภ้ใหญ่ หากท่านชอบสาวใช้คนใดของข้า ท่านก็เอาไปได้เลย ยิ่งตอนนี้เจียวเหนียงยังรักษาตัวที่อยู่ที่เรือนท่านด้วย” ฮูหยินรองกล่าว

เรื่องภายในเรือนเช่นนี้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว การบอกกล่าวกันก่อนสักนิดก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ทั้งยังช่วยลดความวุ่นวายลงได้เยอะ

นี่เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมานับปีสิบจากการออกเรือนของฮูหยินใหญ่

“อย่างไรเสียก็เป็นสาวใช้ข้างกายลูกสาวน้องรอง ถึงข้าจะเป็นป้าก็ต้องบอกกล่าวเสียหน่อย” นางเอ่ย แต่เมื่อพูดจบนางก็รู้ว่าสามีภรรยาบ้านรองไม่มีทางไม่ยอมแน่นอน หากพูดมากกว่านี้ก็จะดูเป็นคนจู้จี้จนเกิดไป นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้าให้คนเรียกสาวใช้นั่นมา ถามเรื่องงานครัวดีหรือไม่”

ฮูหยินรองไม่ได้อยากจะพบสาวใช้ ยิ่งเป็นสาวใช้ของคนสติไม่ดีนั่นด้วยแล้ว แต่ในเมื่อสะใภ้ใหญ่เอ่ยปากแล้วจึงตอบรับไป

“เจ้ากินอาหารของสาวใช้นั่น ระวังจะกลายเป็นบ้าไปด้วย” แม่นางเฉิงเจ็ดกล่าว

เหล่าท่านแม่กำลังพูดคุยกัน ส่วนสองพี่น้องก็นั่งเล่นหมากกระดานอยู่หลังฉากกั้น

“สาวใช้นางนั้นไม่ได้สติไม่ดีสักหน่อย” แม่นางเฉิงหกหัวเราะเยาะเย้ยกับคำพูดของเด็กน้อย ในเวลาเดียวกันก็ผลักกระดานหมากออก “ข้าชนะแล้ว ข้ากินของทอดจานนั้นแล้ว ดูสิ ข้ายังชนะเจ้าอีก”

แม่นางเฉิงเจ็ดหน้ามุ่ยไม่พอใจล้มกระดานเสียงดัง

“หากข้าสติไม่ดีอย่างที่ว่าจริง” แม่นางเฉิงหกโบกพัดน้อยแสร้งกล่าวอย่างจริงจัง “แล้วทำไมยังชนะเจ้าแม่นางเจ็ดได้อีกเล่า หรือแม่นางเจ็ดเจ้าสติไม่ดีกว่าคนสติไม่ดีอีกหรือ”

พูดจบนางก็ใช้พัดป้องปากหัวเราะออกมา

แม่นางเฉิงเจ็ดทั้งอายทั้งโกรธจนร้องไห้

“แม่นางหก! แกล้งน้องอีกแล้วหรือ!” เสียงโมโหของฮูหยินใหญ่ลอยมาจากหน้าฉากกั้น

เหล่าแม่นมซอยเท้าเข้ามาคุกเข่าลงพร้อมว่ากล่าวแม่นางหกและปลอบใจแม่นางเจ็ด ซึ่งเป็นภาพเห็นกันจนชินตาเสียแล้ว และเป็นที่รู้กันดีว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับสองพี่น้องคู่นี้เป็นประจำ

ขณะที่บรรยากาศกำลังครื้นแครง ปั้นฉินก็ถูกพาตัวมาถึง

“นายหญิงเจ้าทำอะไรอยู่” ฮูหยินรองถามตามมารยาท

ปั้นฉินดีใจอย่างมาก

“นายหญิงนอนหลับอยู่เจ้าค่ะ” นางรีบตอบกลับอย่างดีใจ

นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยังนอนอยู่อีกหรือ ฮูหยินรองเม้มปาก คนสติไม่ดีก็คือคนสติไม่ดีอยู่วันยังค่ำ

“เจ้าเป็นคนทำสิ่งนี้หรือ” ฮูหยินใหญ่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจสาวใช้ จึงถามเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

สาวใช้นำของทอดที่แม่นางเฉิงหกกินเหลือไว้ยื่นให้ปั้นฉินดู

ปั้นฉินร้อง ‘อ่า’ พร้อมสีหน้าตกใจ

เพิ่งจะรู้ตัวว่าอาหารของตัวเองถูกคนขโมยไป สาวใช้และฮูหยินใหญ่มองดูนางที่กำลังพูดกับตัวเอง

“นายหญิงไม่ชอบกินข้าว ข้าจึงทำของว่างให้เจ้าค่ะ” ปั้นฉินดึงสติกลับมาแล้วรีบก้มหัวตอบ

ตอนที่สาวใช้บอกว่าฮูหยินรองเรียกหานาง นางก็บอกกับนายหญิงอย่างดีใจว่าพวกเจ้านายคงอยากพบนายหญิงเป็นแน่

“ของว่าง” เฉิงเจียวเหนียงพูดมาสองคำ

เพียงแต่ตอนนั้นนางไม่เข้าใจ แถมยังนึกว่านายหญิงอยากกินของว่างเสียอีก เดิมทีจะไปเอาให้อยู่หรอก แต่สาวใช้เอาแต่เร่งเร้าให้ไปอยู่ได้ นางจึงจำเป็นต้องวานให้สาวใช้ที่ทำงานบ้านยกของว่างให้นายหญิงแทน

ไม่นึกเลยว่าของว่างได้มาอยู่ที่ในมือของฮูหยินแล้ว!

ที่แท้ของว่างที่นายหญิงพูดหมายถึงฮูหยินอยากพบนางเพราะเรื่องของว่างอย่างนั้นหรือ

นายหญิงรู้ได้อย่างไรกัน

พระเจ้าช่วย นายหญิงเป็นคนที่เทพเซียนเปิดทวารรับรู้ให้จริงด้วย ฉลาดหลักแหลมเสียจริง!

ปั้นฉินเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าทั้งประหลาดใจและดีใจ

ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง และเหล่าสาวใช้เห็นสีหน้าเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง สีหน้าดีใจตื่นเต้นที่กำลังจะได้รับข่าวดีอย่างคาดไม่ถึง ยามที่สาวใช้ในบ้านมีเรื่องให้ชมเชยก็จะถูกเรียกมาถามไถ่เช่นนี้

คาดว่าสาวใช้ผู้นี้เองก็น่าจะเดาออกว่าหลังจากนี้คงจะมีโชคดีหล่นทับตัวนางแน่ๆ

ฮูหยินใหญ่ยิ้มบาง

“เจ้าทำได้ไม่เลว” นางกล่าว มองไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตู “แม่นมเถา ให้นางไปทำขนมกับแม่นมจูในครัวก็แล้วกัน”

สาวใช้ตอบรับ

“ยังไม่ขอบคุณฮูหยินอีก” นางมองปั้นฉินพลางเอ่ยตำหนิ

แม่นมจูเป็นแม่ครัวในบ้านที่ทำขนมเก่งมาก การได้ติดตามนาง เรียนรู้การทำอาหาร เป็นสิ่งที่เหล่าสาวใช้ต่างแก่งแย่งกัน

ปั้นฉินอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนว่ายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ” นางยังคงคำนับขอบคุณตามคำบอก แล้วเงยหน้าขึ้น “ฮูหยินให้ข้าทำอะไรเจ้าคะ”

“ดูสิ สติไม่ดีจริงด้วย ฟังเราพูดยังไม่รู้เรื่องเลย!” แม่นางเฉิงเจ็ดที่นั่งอยู่หลังฉากกั้นกล่าว

แม่นางเฉิงหกลุกขึ้นเดินออกมา

“ข้าให้เจ้ามาทำขนมให้ข้ากิน” นางมองดูปั้นฉินพร้อมเชิดหน้าเอ่ยง

ในที่สุดปั้นฉินก็เข้าใจเสียที

“แต่ว่า ข้ายังต้องรับใช้นายหญิงของข้านะเจ้าคะ” นางกล่าวอย่างมึนงง

“ส่งสาวใช้ไปให้เจียวเหนียงอีกสองคน” ฮูหยินใหญ่พูดต่อ แล้วสั่งอีก “คนครัวก็ไปอีกคน”

พอแล้วกระมัง

“ท่านพี่สะใภ้ ไม่ต้องเยอะถึงขนาดนั้นหรอก” ฮูหยินรองกล่าว

“อย่างไรเสียนางก็ป่วยอยู่ คนเยอะหน่อยถึงจะดี” ฮูหยินใหญ่กล่าว

ปั้นฉินมึนงงเล็กน้อย

“ฮูหยินหมายความว่า ต่อจากนี้ไปข้าไม่ต้องติดตามนายหญิงของข้าแล้วหรือเจ้าคะ” นางกล่าว

แม่นางเฉิงเจ็ดลุกขึ้นเดินออกมา มองดูปั้นฉินแล้วหัวเราะ

“สติไม่ดีจริงๆ ฟังเราพูดก็ไม่รู้เรื่อง อยู่กับคนสติไม่ดีก็พลอยสติไม่ดีไปด้วย” นางกล่าวอย่างได้ใจ แล้วมองดูแม่นางเฉิงหกเล็กน้อย “พี่หก พี่จะกินอาหารที่สาวใช้นี่ทำจริงหรือ คิดให้ดีก่อนเถอะ”

แม่นางเฉิงหกยังไม่ทันพูด ปั้นฉินก็พูดแล้ว

“นายหญิง นายหญิงของข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ” นางรีบกล่าว

คราวนี้แม่นางเฉิงเจ็ดและเฉิงหกสีหน้าเหมือนกัน ต่างหลุดหัวเราะออกมา

“จริงนะเจ้าคะ นายหญิงข้าหายดีแล้ว” ปั้นฉินกล่าว แล้วชี้ไปทางของว่าง “อันนี้ อันนี้ไม่ใช่ข้าทำเจ้าค่ะ นายหญิงข้าเป็นคนสอนเจ้าค่ะ”

คำพูดของนางแม้จะขัดหูคนที่ได้ยินในที่นั้นอยู่บ้าง แต่ทุกคนต่างเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่เป็นอย่างดี

“พี่หก นางไม่ไปกับพี่” แม่นางเฉิงเจ็ดหัวเราะกล่าว

แม่นางเฉิงหกชักสีหน้า

“เจ้าไม่อยากไปทำขนมให้ข้าอย่างนั้นหรือ” นางก้าวขึ้นไป เชิดคิ้วกล่าวถาม

ปั้นฉินลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย

“ข้า ที่จริงแล้วข้าทำขนมไม่เป็นเจ้าค่ะ” นางเอ่ยตะกุกตะกัก “นายหญิงเป็นคนสอนข้าทั้งนั้นเจ้าค่ะ”

นางพูดไม่ทันจบ แม่นางเฉิงเจ็ดก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้ทำเอาแม่นางเฉิงหกคลุ้มคลั่งทันที

“ตบปาก!” นางตะโกน โยนพัดลงอย่างแรง กระทืบเท้าตะโกนว่า “ตบปาก! ตบปาก!”

ปั้นฉินหวาดกลัว เหล่าสาวใช้ต่างพากันอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็รีบเข้าไปตบปั้นฉินตามคำสั่ง

“พอแล้ว” ในที่สุดฮูหยินใหญ่ก็ยอมปริปาก

สาวใช้ยั้งมือแล้วเก็บมือยืนเข้าที่

แก้มปั้นฉินปูดบวม ทั้งร่างอื้ออึงไปหมด

ตั้งแต่นางถูกเหล่าฮูหยินโจวซื้อตัวมาก็ถูกฝึกอยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปที่วัดเต๋าเพื่อรับใช้เฉิงเจียวเหนียง ถึงแม้ว่าในวัดเต๋าจะลำบาก แต่เนื่องจากเงินของเหล่าฮูหยินโจว ทำให้คนในวัดเต๋าไม่รังแกพวกนาง อีกทั้งเฉิงเจียวเหนียงยังเป็นคนสติไม่ดี ชีวิตในแต่ละวันจึงผ่านไปอย่างเรียบง่าย ข้างบนก็ไม่มีนายคอยควบคุม โตมาถึงเพียงนี้นางเพิ่งจะเคยโดนคนตบเป็นครั้งแรก

“ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร กลับไปเถอะ” ฮูหยินใหญ่เอ่ยของไม่ใยดี

ปั้นฉินยังคงอึ้งอยู่

“ยังไม่ขอบคุณฮูหยินอีก!” สาวใช้กระซิบเสียงเบา

ปั้นฉินคำนับขอบคุณอย่างลุกลี้ลุกลน ลุกขึ้นพรวดพราดแล้วรีบวิ่งออกไป

“ท่านแม่ ไล่นางออกไป ไล่นางออกไป ข้าไม่อยากเห็นสาวใช้คนนี้ในบ้านเรา!”

ด้านหลังมีเสียงของแม่นางเฉิงหกลอยตามออกมา

มองดูปั้นฉินกลับมาอย่างกระหืดกระหอบ สภาพดูไม่จืด สาวใช้ที่ผ่านไปมาก็เริ่มชี้พากันนินทา

ปั้นฉินรู้สึกเพียงใบหน้าที่ร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเพราะอายหรือเพราะเจ็บกันแน่

นางก้มหน้าลนลานจนแทบจะเดินสะดุดล้ม ถึงได้รู้ตัวว่ารีบร้อนลุกออกมาจนทิ้งเกี๊ยะไม้ไว้ที่เรือนฮูหยินรอง แต่ก็ไม่กล้ากลับไปเอา จึงใส่เพียงถุงเท้าก้มหน้าก้มตาเดินไปอย่างร้อนรน

ก้อนหินบาดเท้าจนเจ็บไปหมด

ปั้นฉินก้มหน้าน้ำตาไหลพราก

………………………………………………………………………..