บทที่ 18 ผิด Ink Stone_Romance

เฉิงเจียวเหนียงจ้องมองฉากกั้นลมอยู่ครู่ใหญ่บนฉากกั้นถูกแต่งแต้มด้วยภาพต้นไม้กับหญิงงาม และตัวอักษรอีกหนึ่งแถว

สิ่งที่เฉิงเจียวเหนียงจ้องมองก็คือตัวอักษรจ้วนซูแถวยาวนั้น นางขยับปากช้าๆ และเริ่มอ่านออกเสียง

นางจ้องฉากกั้นลม มือที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยก็เริ่มขยับเขียนตามตัวอักษรจ้วนซูที่อยู่บนนั้น

นางอ่านหนังสือเป็น เขียนหนังสือเป็น ดูท่าทางแล้วน่าจะคล่องแคล่วมาก มิหนำซ้ำอาจเขียนได้ดีมากด้วย

แต่ทว่านิ้วมือนั้นแข็งตึง ตวัดขีดไม่ได้ดั่งใจหมาย แต่ภายในใจของนางกลับรู้สึกแสนไหวพริ้ว

นี่เป็นความทรงจำของคนสติไม่ดีคนหนึ่งจริงๆ หรือ

คนบ้าคนหนึ่งทำอะไรแบบนี้ได้เพราะเทพเซียนเบิกทวารให้อย่างนั้นหรือ

เจ้าเป็นใครกัน

แล้วข้าเป็นใครกัน

เสียงเท้าจากด้านนอกดังขึ้น ปั้นฉินกลับมาแล้ว เฉียงเจียวเหนียงจึงหยุดมือลง

ทว่าปั้นฉินไม่ได้เข้ามาทันที แต่กลับเดินเข้าไปในห้องครัวแทน

น้ำตาลในหม้อถูกเคี่ยวจนเหนียว ปั้นฉินหยิบลูกท้อที่เตรียมไว้เทลงไป ขนไปสองสามทีจากนั้นจึงตักขึ้นมา แล้ววางเรียงกันผึ่งไว้ให้เย็น

เป็นเพราะไม่มีกระจก ปั้นฉินส่องเงาสะท้อนน้ำในโอ่งแล้วจัดผมเผ้าอยู่นานสองนาน ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วย

เถ้าก้นหม้อ มองดูแล้วน่าขันยิ่งนัก นางหัวเราะกับเงาในโอ่งน้ำ เห็นได้ชัดเจนว่าดวงตานั้นผ่านการร้องไห้มา

นางขมวดคิ้วขยุกขยิกไปมา ก่อนจะมือขึ้นมาขยี้ตาอีกสองสามหน ไม่นานลูกท้อก็เย็นลงพอสมควร นางสูดลมหายใจลึกและยกจานเข้าไปในเรือนทันที

“นายหญิง นายหญิง ลองชิมดูหน่อยเจ้าค่ะ คราวนี้ใช้ได้หรือไม่”

เฉิงเจียวเหนียงมองนาง

ปั้นฉินยิ้มตาหยี นางย่อตัวลงและวางจานไว้โต๊ะเตี้ย ก่อนจะใช้ไม้ไผ่เล็กจิ้มขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นให้เฉิงเจียวเหนียง

เฉินเจียงเหนียงอ้าปากรับเข้าไป

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ปั้นฉินถาม

เฉิงเจียวเหนียงกินอย่างช้าๆ โดยไม่พูดอะไร

ปั้นฉินไม่ได้รีบร้อน นางมองดูแม่นางกินด้วยร้อยยิ้ม พร้อมสาธยายวิธีทำของนาง

“ดี” เฉินเจียงเหนียงกินหมดและตอบกลับ

ปั้นฉินดีใจยิ้ม นางยื่นมือไปจับแก้มเจียวเหนียง จากนั้นก็ทำท่าตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง

“อ้าว มือเปื้อนฝุ่นหรือ” นางกล่าว “นายหญิง บนหน้าข้าก็มีรอยเปื้อนใช่ไหมเจ้าคะ ”

“มี” เฉิงเจียวเหนียงตอบ

“น่าอายจัง แต่ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไม่มีคนนอก ไม่ล้างแล้วเจ้าค่ะ” ปั้นฉินยิ้มพลางเอ่ย

เฉิงเจียวเหนียงเม้มปาก

“ก็ได้” นางตอบ

ปั้นฉินจิ้มลูกท้อและป้อนแม่นางต่อ

เฉิงเจียวเหนียงกินไปเพียงสองชิ้นก็ไม่กินต่อ

“ยังเก็บเม็ดลูกท้อเอาไว้ใช่ไหม” จู่ๆ นางก็เอ่ยถามขึ้น

ปั้นฉินพยักหน้า

“นายหญิง อยากกินอะไรอีกเจ้าคะ” นางถาม

“ทุบให้แตก แล้วเอาเม็ดด้านในออกมา” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว “ใช้สากทุบให้เละ แล้วเอามาให้ข้า”

ปั้นฉินไม่ถามอะไรต่อ เมื่อรับทราบแล้วก็หันหลังออกไป

ถุงเท้าที่เปื้อนโคลนทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนพื้น

เฉิงเจียวเหนียงมองตาม

“นายหญิง แบบนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ” ปั้นฉินที่นั่งทุบเม็ดลูกท้อบนพื้นอยู่ตรงข้ามนาง เอ่ยถามไม่หยุด

เฉิงเจียวเหนียงปิดตาพักจิตใจด้วยการเอนพิงโต๊ะเตี้ย

“ยังมีขิงอยู่ไหม” นางถาม

ปั้นฉินพยักหน้าตอบว่ามี

“ไปเอามา ใช้ตะเกียบขูดเปลือกออก” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว

ปั้นฉินตอบรับและทำตามคำสั่ง

“แม่นาง เอาแค่เปลือกไม่เอาเนื้อขิงใช่ไหมเจ้าคะ” นางถามพลางขูดเปลือกขิงชั้นนอกออกแล้วใส่ลงไปในถ้วย

“ไม่เอา” เฉิงเจียวเหนียงตอบ นางหลับตาพลางฟังสาวใช้ขูดขิงอยู่ครู่หนึ่ง “พอแล้ว”

ปั้นฉินวางมือ รอคำสั่งอย่างใจจดใจจ่อ

“นายหญิง ให้ทำอย่างไรเจ้าคะ ทอด ผัด หรือตุ๋น” นางถาม

เฉิงเจียวเหนียงยื่นมือออกไป

“มาสิ” นางเอ่ย

ปั้นฉินขยับไปข้างหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“เอามาสิ” เฉิงเจียวเหนียงพูดอีกครั้ง

ปั้นฉินประคองถ้วยแล้วขยับไปอยู่ตรงหน้าเฉิงเจียวเหนียง

เฉิงเจียวเหนียงถกแขนเสื้อขึ้นก่อนควักเปลือกจากถ้วยแล้วถูมันบนหน้าของปั้นฉิน

ปั้นฉินตกใจสะดุ้ง รู้สึกเย็นวาบ จะเหนียวก็ไม่เชิง ทั้งยังแสบร้อนอีกด้วย

“นายหญิง” นางร้องเอ่ยด้วยความตกใจ

เฉิงเจียวเหนียงไม่พูดอะไร แต่กลับหยิบเปลือกอีกชิ้นหนึ่งถูบนใบหน้าของนางช้าๆ เกลี่ยให้เสมอกันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา

ปั้นฉินนิ่งไม่ขยับ น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลรินลงมา ไม่นานน้ำตาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ผสมปนเปกับเถ้าบนหน้าจนดำไปหมด

เฉิงเจียวเหนียงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาของนาง

“เช็ดเสร็จแล้วรอครู่หนึ่งแล้วค่อยร้องนะ ไม่เช่นนั้น เจ้าต้องทุบถ้วยอีกถ้วย” นางกล่าว

ปั้นฉินเม้มปากกลั้นน้ำตาเอาไว้

“นายหญิง อย่าใช้แขนเสื้อเลยเจ้าค่ะ สกปรกหมดแล้ว” นางกล่าว

เฉิงเจียวเหนียงตอบรับ

“ไม่เป็นไร นี่มันแขนเสื้อของเจ้า” นางกล่าว

ปั้นฉินก้มมองแล้วพบว่าเป็นแขนเสื้อของตัวเองจริงๆ ถึงกับขำออกมา

“นายหญิง” ปั้นฉินร้องออกมา ทั้งหัวเราะทั้งสะอื้นในเวลาเดียวกัน

พอตกดึกปั้นฉินส่องกระจกดูก็พบว่าใบหน้าของนางกลับมาขาวนวลเหมือนแต่เดิมแล้ว

“นายหญิง” นางตะโกนด้วยความดีใจ “หายเร็วมากเลยเจ้าค่ะ”

เฉิงเจียวเหนียงนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว

“นายหญิง” ปั้นฉินรู้ว่านางยังไม่หลับ นางจึงนั่งลงบนพรมข้างเตียงแล้วเกลี่ยผมที่ปิดหน้าออก “นายหญิงเก่งจังเลยเจ้าค่ะ”

“คนตายข้าก็รักษาหายได้ นับประสาอะไรกับรอยตบของเจ้าล่ะ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว

ปั้นฉินรู้สึกแย่ทันทีที่ได้ยินนางกล่าวถึงรอยตบนั่น นางโถมกายลงบนข้างเตียงของเฉิงเจียวเหนียง

“นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดพวกนั้นต้องตบข้าด้วย” นางพึมพำด้วยความรู้สึกน้อยใจ “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ”

“เพราะสิ่งที่เจ้ามี พวกเขาไม่มี แล้วเจ้าไม่แบ่งให้พวกเขาใช้ เหตุนี้แหละ เป็นความผิดของเจ้า” เฉิงเจียงเหนียวตอบ

ปั้นฉินเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

เฉิงเจียวเหนียงพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ แม้แต่ตัวนางเองยังตกใจเช่นกัน เสียงกึกก้องดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง

เพราะเจ้าดีเกินไป ดีเกินไป เจ้าก็เลย สมควรตาย…

นางยื่นมือไปจับที่คอเสื้อ และเริ่มหอบหายใจแรง

ปั้นฉินตกกะใจ ลุกขึ้นอย่างลนลานแล้วช่วยลูบหลังให้นาง ปากก็เรียกนายหญิงไม่หยุด

ยังดีที่คราวนี้เฉิงเจียวเหนียงไม่ได้สลบไป หลังจากหอบอยู่ครู่หนึ่ง จังหวะหายใจก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ

เพราะคราวนี้ไม่ได้รู้สึกเสียใจเหมือนคราวก่อน แต่เป็นเพราะความรู้สึกโกรธ

เจ็บเพราะโกรธ สู้เจ็บเพราะเสียใจไม่ได้ ความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ทำให้นางสลบ มีแต่ทำให้นางได้สติขึ้นมา

“นายหญิง” ปั้นฉินเรียกไปร้องไห้ไป “เป็นความผิดของข้าเอง”

“มันผิด” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพร้อมถอนหายใจยาว “มันผิด”

“ใช่ ข้าผิดไปแล้ว” ปั้นฉินพูดไปร้องไห้ไป และใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา

หมายถึงประโยคนั้นผิด เฉิงเจียวเหนียงพูดในใจ แต่ก็คร้านจะขยับปากจึงไม่พูดออกมา

นางดื่มน้ำลงไปหลายอึก หลังจากทุกอย่างสงบลง ปั้นฉินก็พยุงเฉิงเจียวเหนียงนอนลงอีกครั้ง

เวลาก็ดึกมากแล้ว แม้แต่เสียงร้องของแมลงก็เงียบลงแล้ว

ปั้นฉินนั่งคุกเข่าอยู่พักใหญ่ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเฉิงเจียวเหนียงปลอดภัย นางถึงจะนอนลง

“เจ้าผิด” จู่ๆ เฉิงเจียวเหนียงก็กล่าวออกมา

ตอนนั้นปั้นฉินใกล้จะหลับแล้ว แต่ก็สะดุ้งตื่นจนลืมตา

“หา” นางตอบสนองไม่ทัน นางนิ่งไปครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่าแม่นางกำลังตอบคำถามของตัวเมื่อสักครู่ รู้สึกเหมือนอยากยิ้มทั้งน้ำตา

“เจ้าผิด” เฉิงเจียวเหนียงพูดย้ำ ตามองฟ้านามราตรี “ตอนนั้นเจ้าไม่ควร พูดมากขนาดนั้น”

“แล้วข้าต้องทำอย่างไรเจ้าคะ” ปั้นฉินไม่รู้จึงถามออกไป

“พูด ว่าตัวเองไม่ได้เป็นนาย ให้พวกเขามาหาข้า” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว

“ทำไมละเจ้าคะ” ปั้นฉินถาม เพราะสงสัยยิ่งกว่าเดิม “เหตุใดต้องโยนมาให้นายหญิงด้วยเล่า”

“เพราะข้าเป็นนายหญิงของเจ้าไง” เฉิงเจียวเหนียงตอบ

ปั้นฉินเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

ทว่าสิ่งที่นายหญิงพูดไม่เคยผิด นางพยักหน้าตอบรับ ผ่านไปครู่หนึ่งนายหญิงไม่ได้อะไรพูดต่อ นางจึงเอนตัวลงนอน

แม้ว่าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่มันกลับทำให้นางรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลง

“แล้วก็” เฉิงเจียวเหนียงพูดอีกครั้ง “ข้าเป็นคนบ้า”

คนบ้าทำอะไรก็ไม่ผิด

ครั้งนี้ไม่มีความสงสัยจากปั้นฉิน มีเพียงเสียงกรนแผ่วเบาของนางที่ตอบกลับมา

ในห้องเงียบสงัด ทุกสรรพสิ่งนิ่งสงบ

…………………………………………………………..