บทที่ 23 แม่โจวมา

แต่จางซิ่วเอ๋อก็แค่คิดเท่านั้น ไม่ไปซื้อจริง ๆ หรอก

ตอนนี้มีแผ่นแป้งข้าวโพดกินก็ดีแค่ไหนแล้ว ก่อนหน้านี้ที่อยู่ใกล้หูใกล้ตาแม่เฒ่าจางต้องอดมื้อกินมื้อ บางครั้งอาจจะได้กินแค่น้ำล้างหม้อ

พอนึกถึงรสชาติน้ำล้างหม้อ จางซิ่วเอ๋อก็คลื่นไส้อยากอ้วก

เพิ่งจะทาบแผ่นแป้งลงกระทะ ก็มีเสียงจ้อกแจ้กดังจากข้างนอก

จางชุนเถาและจางซานหยาอายุยังน้อย และได้ยินเรื่องเล่าบ้านผีสิงนี่มามาก เวลานี้จึงหน้าซีดเผือดทันที เห็นได้ชัดว่าพวกนางกลัวแค่ไหน

“พี่ พี่ว่าใครจะมาหาเราที่นี่ หรือว่าจะเป็น….ผี” จางชุนเถาตัวสั่น

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะและเคาะหัวจางชุนเถา “มัวคิดอะไรอยู่ เดี๋ยวซานหยาจะกลัวเอา ต่อให้เป็นผีก็ไม่มาตอนกลางวันหรอก ข้าว่านะ ต้องเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องที่นี่ หรือไม่ก็พวกสัตว์เล็กแหละ….”

นางพูดต่อด้วยท่าทางกล้าหาญ “ถ้าเป็นคนก็ไม่ต้องกลัวไป ถ้าเป็นพวกสัตว์ป่าอย่างกระต่าย พี่จะจับมาทำกินให้”

ในขณะที่พูด นางก็หยิบมีดแล้วเดินไปด้านนอก

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เหมือนกับที่จางซิ่วเอ๋อพูดไว้เท่าหรอก เพราะถ้าเป็นคนขึ้นมาละก็ นางก็ออกจะกลัวอยู่เหมือนกัน…

นางและจางชุนเถาเป็นผู้หญิงสองคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ต้องมีคนใจกล้าเพ่งเล็งพวกนางอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้เห็นแก่เงิน ก็อาจจะเห็นแก่อย่างอื่น

จางซิ่วเอ๋อเดินผ่านรูบนกำแพงออกไปอย่างตื่นเต้น แต่พอนางออกไปและเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า จางซิ่วเอ๋อก็ทิ้งมีดลงพื้นทันที และเดินไปด้านหน้าด้วยความตื่นเต้น

“แม่ แม่มาได้ยังไง?” เสียงของจางซิ่วเอ๋อเอ่ยอย่างร้อนรน

ณ ตอนนี้แม่โจวกำลังจับท้องและล้มอยู่นอกกำแพง ดูท่านางจะสะดุดก้อนหิน

“ชุนเถา ซานหยา พวกเจ้ารีบมาเร็ว แม่เรามา” จางซิ่วเอ๋อรีบตะโกน

แม่โจวหน้าซีดนิดหน่อย จางซิ่วเอ๋อรีบพยุงแม่โจวเอาไว้ ส่วนชุนเถาและซานหยาก็รีบออกมาอย่างรวดเร็ว สามพี่น้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะเคลื่อนย้ายแม่โจวไปไว้บนเก้าอี้ในสวนได้

ตาสามคู่ที่เล็กใหญ่ไม่เท่ากันกำลังมองแม่โจวอย่างกังวล

“แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่สบายท้องเหรอ เดี๋ยวข้าไปตามหมอให้นะ” จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างตึงเครียด พูดพลางเตรียมวิ่งออกไปข้างนอก

แต่แม่โจวกลับจับมือจางซิ่วเอ๋อไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ “แม่ไม่เป็นไรหรอก เมื่อกี้ไม่ทันระวังเลยล้ม จึงตกใจนิดหน่อยน่ะ พอเห็นพวกเจ้าสามคนอยู่กันที่นี่ข้าก็ดีขึ้นเยอะแล้ว”

แม่โจวพูดออกมา ใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือดก็เริ่มดีขึ้น

จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าก็โล่งอก เข้าใจว่าตอนแม่โจวล้มคงล้มไม่แรงมากนัก แต่ก็แปลกที่นางล้มลง แต่พอพลันนึกถึงข่าวลือเรื่องบ้านผีสิง สงสัยเรื่องนี้คงทำให้นางสติแตกไปครู่นึง

“แน่นอนสิแม่ พวกเราสามคนอยู่กันที่นี่แหละ” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ

จางชุนเถาก็เอาตัวเข้ามา “แม่ ข้าก็ไม่ได้เอ๋อนะ แม่วางใจเถอะ”

คนที่แม่โจวเป็นห่วงที่สุดก็คือจางชุนเถา ถึงแม้จะจางซานหยาจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว แต่นางก็ยังนึกกลัวอยู่ดี กลัวว่าลูกสาวตัวเองจะเอ๋อจริง ๆ จางซิ่วเอ๋อและจางซานหยาแค่พูดปลอบใจนางเท่านั้น

พอได้เห็นจางชุนเถากระโดดโลดเต้นได้ต่อหน้านาง นางถึงสบายใจแล้วจริง ๆ

จะว่าไป ตอนที่นางรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อพาชุนเถาไปก็สติแตกอยู่ นางคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสองคนนี้จะกล้าขนาดนี้

แต่โชคดีที่เด็กสองคนใจกล้า ถ้าโดนจับไปขายจริง ๆ ได้เป็นสาวใช้ยังดีหน่อย ถ้าโดนส่งไปที่หอนางโลมงั้นชีวิตนี้ก็จบแล้ว

แม่โจวหยิบห่อกระดาษมันออกจากอกยื่นให้ลูกสาวคนโต จางซิ่วเอ๋อเปิดออกมาดู ด้านในคือซาลาเปาที่นางเอาให้เมื่อวาน

นี่นางไม่ได้กิน แล้วแอบเก็บไว้จนถึงตอนนี้งั้นเหรอ?

ในห่อกระดาษมันนอกจากมีซาลาเปา 2 ลูกแล้ว ยังมีซาลาเปาผักด้วย เห็นได้ชัดว่าแทบจะแงะออกจากซอกฟันของแม่โจว

ก็ได้จากที่แม่โจวท้องนี่แหละ แม่เฒ่าจางถึงยอมให้ซาลาเปาผักแม่โจวกิน ไม่อย่างนั้นแม่โจวก็เหมือนพวกนาง แต่ละครั้งก็ได้กินแค่เศษซาลาเปาผัก ถ้าหิวจนทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ได้แต่กินน้ำล้างหม้อ

ที่บ้านคนอื่น น้ำล้างหม้อน่ะเอาไว้ให้หมูกิน

จางซิ่วเอ๋อเห็นของในห่อแล้วก็ชื้นใจ คิดไม่ถึงว่าแม่โจวจะทำเพื่อพวกนางได้ขนาดนี้

“แม่ ซาลาเปานี่ข้าเอาไปให้ ทำไมแม่ไม่กินล่ะ?” ถึงจางซิ่วเอ๋อจะซึ้ง แต่ก็โกรธอยู่หน่อย ๆ

พวกนางอดนิดอดหน่อยไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างตั้งแต่ที่พวกนางออกมาก็ยังไม่เคยอดมาก่อนเลย

แต่ในท้องแม่โจวมีเด็กอยู่ เมื่อก่อนสารอาหารก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องประหยัดอาหารเพื่อพวกนางอีก แล้วเจ้าตัวเล็กในท้องจะเจริญเติบโตได้ดีหรือ?

“พวกเจ้าออกจากบ้านมาก็ลำบาก แม่กลัวพวกเจ้าจะอด….” เสียงแม่โจวอ่อนแอนิดหน่อย

เห็นแม่โจวเป็นแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็โกรธไม่ลง นางมองซาลาเปาและซาลาเปาผักพลางเอ่ยขึ้น “มันเย็นหมดแล้ว พวกเราก็อย่ากินเลย ชุนเถา เจ้าไปตั้งโต๊ะหน่อย เที่ยงนี้แม่กินข้าวกับเราด้วย”

“อย่าเลย เดี๋ยวข้ากลับบ้านไปพอทันข้าวเที่ยงอยู่บ้าง” แม่โจวรีบบอก

นางไม่รู้ว่าลูกสาวสองคนอยู่ที่นี่ได้กินอะไรบ้าง แต่ไม่ว่าจะกินอะไรนางก็จะมากินด้วยไม่ได้ ถ้านางกินลูกสาวก็ต้องอด

“แม่ แม่ไม่อยากรู้เหรอว่าพวกเรากินอะไรกันบ้าง นั่งรอที่นี่เถอะ อีกอย่างเมื่อกี้แม่เพิ่งตกใจเพราะล้มมา ถ้ากลับไปแบบนี้ระวังจะมีผลกระทบกับลูกในท้อง แม่ไม่คำนึงถึงตัวเอง ก็ต้องคำนึงถึงน้องชายที่ยังไม่คลอดของพวกเราสิ” จางซิ่วเอ๋อหยุดแม่โจวที่กำลังไป

ปากก็ไม่ลืมพูดให้เป็นมงคล แม่โจวต้องอยากให้ท้องนี้เป็นลูกชายแน่ ๆ

แม่โจวเห็นท่าก็นึกในใจ ดูหน่อยก็ดีว่าเด็กสองคนนี้กินอะไรบ้าง จะได้รู้ไว้ นางไม่กินด้วยก็ได้นี่

ตอนนี้จางชุนเถากางโต๊ะที่มีรอยร้าวขึ้นแล้ว ถึงจะผุพังไปบ้างแต่ก็ไม่มีผลกับการใช้งาน

ส่วนซานหยาในตอนนี้ยกกะละมังกับข้าวมาแล้ว

พอวางกับลงโต๊ะ แม่โจวก็ตาโตมองกับข้าวที่มีเนื้อเต็มกะละมัง

จางซิ่วเอ๋อไปที่เตา และเอาฝาหม้อขึ้น ตอนนี้แผ่นแป้งข้าวโพดก็สุกแล้ว มันส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา

จางซิ่วเอ๋อสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดไม่ได้ ข้ามมิติมาทั้งทียังรันทดแบบนี้ รับช่วงร่างกายต่อจากเจ้าของเดิมผู้อาภัพ เป็นเรื่องที่อนาถจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นข้ามมิติก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลย