ตอนที่ 21 แพ้ ?
แขนของจ้าวซื่อฉีกออกอย่างง่ายดายพร้อมกับเสียงอุทานของคนดู เลือดกระเซ็นออกมาพร้อมกับผิวที่ฉีกขาด
ครูจางเองก็ตกใจและแทบไม่เชื่อสายตา แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “คู่ต่อสู้ของจ้าวซื่อนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”
ครูหยางเองก็กังวล ถึงจะเข้าใจความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสอง แต่ในใจของเขาก็ยังคงคาดหวังให้หวังเย่าสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาอยู่ดี ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าพอใจที่ต้องเป็นฝ่ายที่โดนรังแก
จ้าวซื่ออุทานออกมาพร้อมกับความโกรธที่ปะทุขึ้นไปอีก หมัดของเขาเร็วขึ้นกว่าเดิม 30% แต่พลังนั้นดูกระจัดกระจาย นี่อาจจะเป็นความเร็วที่สุดของเขาก็ว่าได้
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็แอบเพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อหลบหมัด แต่ในบางครั้งเขาก็ยังโดนหมัดพวกนั้นต่อยเข้าจนต้องเซกลับหลังไป
นี่คือพลังที่สามารถบดขยี้ศัตรูได้จริง ๆ
หวังเย่าพัวพันอยู่กับเขาได้พักหนึ่ง นายมาฉันหลบ ต่างฝ่ายต่างแสดงฝีมือออกมาอย่างน่าตื่นเต้น พริบตาเดียว หวังเย่าก็รับมือกับจ้าวซื่อเกิน 2 นาทีแล้ว
จ้าวซื่อไม่เคยสู้กับใครนานแบบนี้ สีหน้าของเขาแสดงความกังวลออกมา ถึงเขาจะดูได้เปรียบ แต่อันที่จริงแล้วเขาใช้พลังไปมาก ผู้ใช้อสูรนั้นสามารถใช้ความสามารถของสัตว์อสูรได้ แต่การจะใช้ความสามารถเหล่านั้นจะต้องสูญเสียพละกำลังไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เขาได้ใช้แรงไปมากแล้วและไม่อาจจะทนได้นานนัก
ในทางกลับกัน หวังเย่ายังคงรับมืออย่างใจเย็น เขาไม่ได้รีบร้อนคว้าโอกาสใด ๆ เขาแค่คอยเฉือนหนังของอีกฝ่ายทิ้งเป็นครั้งคราว
“ย้ากกก ! ” จ้าวซื่อตะโกนออกมาพร้อมกับพลังงานรอบตัวได้มารวมตัวกัน และร่างกายที่หดขนาดลง แต่พลัง, ความเร็วและความสามารถด้านอื่น ๆ ของเขากลับพัฒนาขึ้น
จ้าวซื่ออยู่ในร่างรวมพลังซึ่งทำให้ความสามารถเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ผู้ชมต่างก็เดาว่าหวังเย่าคงไม่อาจจะรับมือกับจ้าวซื่อได้อีกต่อไป
แม้ว่าหวังเย่าจะแพ้ แต่ก็เป็นเพราะจ้าวซื่อนั้นรวยและมีทรัพยากรมากมาย การที่เขารับมือมาได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว มันถึงกับมีบางคนชื่นชมหวังเย่า
“เดี๋ยวนะ..นายมั่นใจหรือว่าหวังเย่าจะแพ้ ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ ดูท่าทีของเขาสิ เขายังใจเย็นเหมือนเดิมอยู่เลย” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น คนอื่น ๆ ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
หวังเย่าส่ายหน้า เมื่อจ้าวซื่อใช้โหมดคลั่ง งั้นเขาก็ได้แต่ต้องทำการโจมตีเพื่อจบการต่อสู้เท่านั้น
ตอนนั้นเองร่างของหวังเย่ากลับระเบิดพลังออกมา กล้ามเนื้อในตัวของเขาสั่นไหวเล็กน้อยราวกับมีกระแสไฟฟ้าช็อต
“เด็กน้อย ไม่นึกว่าแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะดูถูกแกเกินไป” จ้าวซื่อเลียปากและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว แกไม่มีวันจะชนะฉันได้ ”
เมื่อพูดจบเขาก็พุ่งออกไปพร้อมกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมสองเท่า ราวกับกินยาโด๊ป เขาราวกับเทพแห่งสงคราม
โชคดีที่ที่นี่คือการแข่งขันและมีกฎเพื่อความยุติธรรม
หวังเย่าทำท่าทีราวกับเห็นคนโง่ เขาส่ายหน้าและแค่นเสียงหัวเราะออกมา “งั้นหรือ ? แกมั่นใจนะว่าจะชนะฉันได้น่ะ ? ”
เมื่อพูดจบเขาก็ต่อยใส่จ้าวซื่ออย่างแรง
ปัง !
หมัดปะทะกับหมัดพร้อมเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง
หวังเย่ารับรู้ได้ถึงแรงมหาศาลที่พุ่งเข้ามา เขาถึงกับถอยกลับไปหลายก้าวก่อนจะมองไปที่จ้าวซื่อด้วยสีหน้าตะลึง จ้าวซื่อเองก็ถอยกลับไปเช่นกัน เขาเองก็มองหวังเย่าด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง ?
“เป็นยังไง ? แกมั่นใจอีกไหมว่าจะเอาชนะฉันได้ ? ” หวังเย่าพูดเยาะเย้ยออกมา
“เลิกไร้สาระ มาสู้กันต่อได้แล้ว” จ้าวซื่อหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
หวังเย่ารู้อยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นสูง แต่หากเทียบกับตัวเขาแล้วก็ยังด้อยกว่ามาก เขาไม่ได้ปะทะซึ่ง ๆ หน้าอีกต่อไป แต่กลับหลบและใช้กรงเล็บเฉือนเข้าไปที่อกของจ้าวซื่อแทน
ฉีก !
มันมีรอยเล็บ 4 รอยที่ลึกกว่า 1 นิ้วบนอกของจ้าวซื่อ ราวกับถูกเขากระทิงสี่อันเฉือนเอา เลือดสาดกระจายออกมาย้อมเสื้อผ้าจนแดงก่ำ
เสียงกรีดร้องดังขึ้น กรงเล็บนี่มีพลังที่น่ากลัวจริง ๆ
จ้าวซื่อมองไปที่รอยแผลตัวเองและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาพึมพำออกมา “เป็นไปได้ยังไง…. ”
“แกไม่เชื่อสินะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ฉันไม่เชื่อว่าแกจะแข็งแกร่ง ” จ้าวซื่อโกรธจัด เขาไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง ด้วยความแค้นที่มี เขาได้พุ่งเข้าใส่หวังเย่าทันที
กรรมการเห็นท่าไม่ดีและนี่ก็เป็นแค่การทดสอบ มันไม่ควรจะมีการบาดเจ็บมากแบบนี้ เขากระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อหยุดจ้าวซื่อ ก่อนจะพูดขึ้น “จ้าวซื่อ นายอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก ถ้าสู้ต่อ นายจะเสียเลือดไปมากกว่านี้และจะแพ้ขาดลอย ”
“ไม่ ฉันยังไม่แพ้ ไอ้ขยะนี่ทำฉันบาดเจ็บได้ ฉันจะไม่เปิดโอกาสให้มันอีก ฉันจะฆ่ามัน” จ้าวซื่อไม่สนใจกรรมการที่ขึ้นมาห้าม
กรรมการได้แต่มองขึ้นไปยังเหล่าครู เมื่อเห็นครูหลายคนส่ายหน้าพร้อมกับชี้ไปที่แขน เขาก็รีบวิ่งไปหาหมอและจับคอเสื้อหมอเอาไว้และตะโกนขึ้น “หมอ รีบไปรักษาเขา”
หมอที่ประจำการอยู่นานแล้ว ก็รีบพุ่งเข้าไปเพื่อทำการหยุดเลือดทันที
“หวังเย่าห้อง 9 ได้ 1 คะแนน ” กรรมการหันกลับมาและตะโกนขึ้น
ตอนนั้นคะแนนของหวังเย่าได้เพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 คะแนนพร้อมกับอันดับที่ไต่ขึ้นมาอย่างมาก
“การ์ฟีลด์ พอได้แล้ว ” หวังเย่าตะโกนขึ้น จากนั้นการ์ฟีลด์ก็โดดลงจากเวทีโดยไม่สนใจหมาป่าตาแดงที่โดนลอกหนังไปแล้ว
ครูจางเองก็หน้าแดงก่ำ ท่าทีเย่อหยิ่งที่เขามีก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง
“การต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ดุเดือดจริง ๆ ” ตอนนั้นเมื่อเห็นท่าทีของครูจาง ครูคนอื่น ๆ ก็พากันรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
“ครูจาง จ้าวซื่อนี่แข็งแกร่งจริง ๆ เขาสมกับเป็นเด็กซ้ำชั้นและเป็นคนรวย แม้ว่าจะแพ้ให้กับหวังเย่า แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้ เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ ” ครูประจำชั้นเรียนห้องอื่นถอนหายใจออกมา
ครูจางยิ่งอายมากกว่าเก่า เขาแทบไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย แค่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเขา เขาก็แทบจะมุดหน้าหนีแล้ว
ครูหยางไม่ได้แสดงท่าทีดีใจออกมา เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดขึ้นด้วยความเคารพ “ ครูจาง ขอบคุณที่ให้จ้าวซื่อออมมือให้ ไม่งั้นแล้วหวังเย่าจะชนะได้ยังไง ? ครูจางก็บอกแล้วว่าจ้าวซื่อน่ะเป็น 1 ใน 3 นักเรียนที่เก่งที่สุดในห้อง เขาต้องติด 20 อันดับแรกได้แน่ ๆ ”
“ตลอด 3 ปีมานี้ หวังเย่าได้อันดับสุดท้ายของห้องมาตลอด เขาถึงกับทำให้ผมไม่สบายใจ พ่อแม่ของเขาก็เสียไปทั้งคู่ ผมกังวลเรื่องอนาคตของเขาเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าเขาคงพึ่งตัวเองไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าครูจางจะมีความคิดที่จะกระตุ้นเขาแบบนี้และถึงกับให้จ้าวซื่อออมมือให้ คุณช่างใจดีเกินไปแล้ว”
“ฉันจะบอกเรื่องนี้กับนักเรียนทุกคน ไม่สิ ความดีแบบนี้ควรจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้กันทั่ว หรือว่าฉันควรให้นักเรียนในห้องโพสเรื่องนี้ออกไปเพื่อให้ทุกคนรับรู้ดี” ครูจางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่ครูหยางด้วยความโกรธจนตัวสั่น
นี่คือคำพูดที่ทิ่มแทงเขาได้ดียิ่งกว่ามีดเสียอีก มันทำให้เขาอึดอัดและอยากจะพุ่งเข้าไปอัดอีกฝ่าย
ครูคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็พากันพูดขึ้นมา “ครูจาง มันก็แค่เรื่องไม่คาดคิด ทุกคนต่างก็ได้เห็นแล้วว่าจ้าวซื่อน่ะแข็งแกร่งแค่ไหน”
คำพูดนี้พอจะทำให้ครูจางใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็มีบางคนที่ไม่คิดจะไว้หน้าเขาเช่นกัน
ครูคนหนึ่งพูดขึ้น “จ้าวซื่อก็แข็งแกร่งดีอยู่หรอกแต่หวังเย่าน่ะยอดเยี่ยมยิ่งกว่า เขามาจากห้องระดับ 3 แต่กลับมีความแข็งแกร่งแบบนี้ได้ ครูหยาง คุณนี่สอนเด็กได้ดีจริง ๆ ฉันล่ะชื่นชมคุณมาก” ครูหยางหัวเราะออกมาพร้อมกับความปลื้มปริ่มในใจ