เข้าใจผิดกันไปใหญ่

 

 

 

อวี๋หมิงหลางมองเฉียวเจิ้นด้วยสายตาดูถูก “วัยรุ่น ชีวิตอย่าเอาแต่สนใจเรื่องใต้สะดือ คนเรารักกันไม่ใช่แค่การเอาเนื้อถูไถ ต้องใช้หัวใจแลกเปลี่ยน ใช้จิตวิญญาณสัมผัส แค่มองตาก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูด เข้าใจ๊”

 

 

“ก็ยังไม่เข้าใจ…”

 

 

เฉียวเจิ้นงง ถึงจะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าที่หัวหน้าพูดมีเหตุผล ไร้ข้อโต้แย้ง

 

 

อันที่จริงในใจของอวี๋หมิงหลางคิดแบบนี้ ‘ข้าแค่อยากจะกินเนื้อทำไมมันยากแบบนี้โว้ย’

 

 

สุดท้ายสรุปง่ายๆก็คือ อิจฉาริษยานั่นเอง

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพอกลับไปก็ปรึกษากับศาสตราจารย์หลิวเรื่องการทดสอบจิตใจในอีกสามวันหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ ศาสตราจารย์หลิวก็ได้ใช้โอกาสในสามวันนี้นอนพักรักษาตัวพอดี

 

 

เสี่ยวเชี่ยนทำเรื่องที่ควรทำไปแล้ว พอจะเดาได้ว่าอีกสามวันอาจารย์ต้องไปหาหวางย่าเฟยด้วยตัวเองแน่ ส่วนตัวเธอ ตอนนั้นก็คงจะกลายเป็นคนที่หวางย่าเฟยเกลียดเข้าไส้สุดๆ เธอจะไปทำสรุปผลเรื่องหัวหน้าใหญ่กับหลิวลี่แล้วถือโอกาส…

 

 

แอบดูเสี่ยวเฉียงมาดเท่ห์เวลาอยู่ในค่ายอีกครั้ง

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหอบเอาความคิดนี้กลับหอพัก พอเปิดประตูเข้าไปกลิ่นสีก็โชยมา เธอนึกออกแล้ว ที่นี่อยู่ไม่ได้ชั่วคราวนี่นา

 

 

เสี่ยวเฉียงมีเรื่องเข้ามากะทันหันทำให้ลืมเรื่องต้องหาที่อยู่ให้เธอ เสี่ยวเชี่ยนอยากรู้ว่ารูมเมทเธออยู่ที่ไหนกัน จึงโทรหาต้าอีเป็นคนแรก

 

 

โทรติดเร็วมาก แต่ไม่ใช่ตาอีเป็นคนรับ

 

 

“อ๊า~~”

 

 

เสียงเด็กลอยมาจากในโทรศัพท์

 

 

“พ่านพ่าน? พ่านพ่านเด็กดี เอาโทรศัพท์ให้อีอีนะ”

 

 

เด็กฉลาดอย่างพ่านพ่านรู้จักรับโทรศัพท์เป็นแล้ว พอได้ยินเสียงเสี่ยวเชี่ยนเด็กน้อยก็สงสัย

 

 

“ปีศาจเชี่ยนเชี่ยน?”

 

 

“ฉันคือน้าเชี่ยนเชี่ยนของนาย” เสี่ยวเชี่ยนแก้คำพูดให้ถูกอย่างอดทน เด็กแสบที่สุดจะไม่น่ารักคนนี้นี่ ชอบเรียกผิดๆ

 

 

“ปีศาจเชี่ยนเชี่ยน” ชื่อนี้ไม่รู้เริ่มเรียกตั้งแต่เมื่อไร เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแล้วก็อยากลากเด็กคนนี้เข้าห้องมืด จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนต้าอีไม่อยู่ฟาดก้นเสียให้เข็ด

 

 

“ก็ได้…ปีศาจเชี่ยนเชี่ยนก็ได้ เอาโทรศัพท์ให้อีอีหน่อยนะ อีอีอยู่ไหน?”

 

 

“อีอีกับปะป๊า…ออกกำลังกาย?”

 

 

พ่านพ่านพยายามนึกคลังศัพท์ที่มีอยู่ในสมอง เด็กคนนี้ระบบภาษาพัฒนาช้าไปหน่อย สามารถพูดได้ขนาดนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

 

 

เสี่ยวเชี่ยนแทบหยุดหายใจ ออกกำลังกายด้วยกัน?

 

 

มิน่าโทรศัพท์ถึงอยู่กับเด็ก

 

 

เดิมควรจะวางสาย แต่เสี่ยวเชี่ยนนึกสนุก อยากลองหลอกถามเด็กดูเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ

 

 

“พ่านพ่านจ๊ะ อีอีกับป่ะป๊าออกกำลังกายอยู่ในผ้าห่มหรือเปล่า?”

 

 

ฮี่ๆ ใครใช้ให้ไม่ปิดประตู

 

 

ใครใช้ให้พวกอวี๋หมิงอี้กินตับกันก่อนเธอกับอวี๋หมิงหลาง

 

 

นี่มาจากความอิจฉาล้วนๆ

 

 

“ผ้าห่ม…ไม่ บนพื้น”

 

 

ดูไม่ออกเลยนะว่าอวี๋หมิงอี้จะเป็นคนดุเดือด เสี่ยวเชี่ยนวิจารณ์ พี่น้องตระกูลอวี๋ไม่ชอบเตียงกันหมดเลยเหรอ?

 

 

อวี๋เสี่ยวเฉียงก็ชอบกระจกเหลือเกิน พี่รองก็รักการทำที่พื้น รสนิยมไม่เบาเลยนะ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยังอยากหลอกถามเรื่องลามกจากปากเด็กต่อ แต่เสียงเข้มๆของอวี๋หมิงอี้ก็ดังลอดออกมา

 

 

“ผมอวี๋หมิงอี้ครับ”

 

 

“พี่รอง ต้าอีล่ะคะ?”

 

 

“นอนพักอยู่”

 

 

“อ่อ…” ดูท่าเมื่อคืนสงครามจะหนักหน่วง นี่บ่ายแล้วยังไม่ตื่นอีก

 

 

เสี่ยวเชี่ยนจินตนาการไปไกล

 

 

“มีธุระเหรอ?” นิสัยของอวี๋หมิงอี้แต่ไหนแต่ไรมาพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม

 

 

“หนูอยากถามว่าบ้านพี่ยังพอมีที่ไหมหนูอยาก…”

 

 

“ไม่มี” อวี๋หมิงอี้ไม่ใช่คนที่พูดจาวกไปวนมา ปฏิเสธห้วนๆแบบนี้ไม่ได้กลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด

 

 

“ก็ได้” เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าตานี่ความฉลาดทางอารมณ์มีแค่นี้ เลยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย

 

 

“ถ้าเธอต้องการเดี๋ยวพี่จัดหาที่พักในเรือนรับรองให้” อวี๋หมิงอี้เองก็รู้เรื่องเสี่ยวเชี่ยนทาสีหอพัก ไม่มีที่ไป

 

 

“ไม่ต้องค่ะ พี่ทำงานไปเถอะ…จริงสิพี่รอง ต้าอีไม่มีประสบการณ์พี่จึ๊กเบาๆหน่อยนะ”

 

 

หลังจากที่ล้างแค้นอวี๋หมิงอี้คนอีคิวต่ำแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็หัวเราะเงียบๆ แล้วรีบกดวางสาย

 

 

ใครใช้ให้กินตับก่อนเสี่ยวเฉียงล่ะ สมน้ำหน้า~

 

 

อวี๋หมิงอี้มองโทรศัพท์ด้วยความสงสัย เสี่ยวเชี่ยนพูดอะไรน่ะ จึ๊กเบาๆเหรอ?

 

 

หมายความว่าไง นี่เขาอายุเยอะจนไม่เข้าใจความคิดวัยรุ่นแล้วเหรอ?

 

 

เขาถือยาเข้าไปในห้องนอน ต้าอีนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพสีหน้าซีดเซียว

 

 

“แปะนี่สิ แม่ผมบอกน่าจะช่วยได้”

 

 

“เพราะคุณนั่นแหละ…ฉันบอกแล้วว่าร่างกายฉันไม่ไหว คุณก็ยังจะให้ฉันทำ เป็นไงล่ะ…” เล่นเอาเธอเอวเคล็ด เจ็บมาก

 

 

“คุณขาดการออกกำลังกาย ต้องฝึกบ้างนะ ผมถามแม่แล้ว การฝึกออกกำลังตรงช่วงท้องมีประโยชน์กับคุณ ช่วงนี้ก็หยุดไปก่อนอีกไม่กี่วันกลับหอก็เอาไปด้วย ไปฝึกต่อ”

 

 

“ฉันไม่อยากทำ”

 

 

ต้าอีแค่บ่นๆกับเขาว่าดูเหมือนเธอจะอ้วนขึ้น อวี๋หมิงอี้คนจริงก็ไปจัดแจงหาซื้ออุปกรณ์ฝึกหน้าท้องมาให้ ซึ่งก็คือลูกกลิ้งฝึกกล้ามท้อง รับรองว่าได้ผลดี

 

 

ให้ของสิ่งนี้กับแฟน นอกจากอวี๋หมิงอี้แล้วคงไม่มีใครอีก ตอนแรกต้าอีเห็นเขาหอบของชิ้นเบ้อเร่อมาให้ก็คิดว่าเป็นตุ๊กตา พอเปิดออกดู ล้อใหญ่ๆ…

 

 

ในใจนั้นต่อต้าน เธอพูดไม่เก่ง แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ ผู้หญิงบ้านไหนกันที่จะก้มลงออกกำลังกายด้วยท่าน่าอายแบบนั้น กระดกก้นขึ้นๆลงๆ?

 

 

แต่เธอก็เอาชนะอวี๋หมิงอี้จอมรั้นไม่ได้ เขายังเปิดคอร์สสอนต้าอีเรื่องความสำคัญของการออกกำลังกาย รวมถึงการมีไขมันสะสมอยู่ที่พุงจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย

 

 

อย่าเห็นอวี๋หมิงอี้เป็นคนเงียบๆ เรื่องแบบนี้เขาดื้อดึงมาก

 

 

ตอนแรกที่ต้าอีได้ยินเขาพูดเรื่องไขมันสะสมที่พุงเธอเกือบน้ำตาตก

 

 

เธอก็แค่ช่วงนี้กินมื้อดึกมากไปหน่อย เอวจาก21 เพิ่มมาเป็น24 แต่เธอไม่มีพุงนะ จะมาใช้คำว่าไขมันสะสมที่พุงกับเธอไม่ได้

 

 

ยังดีที่ต้าอีทำการวิเคราะห์คนอย่างอวี๋หมิงอี้ไว้แล้ว การกระทำแบบนี้ของเขาเป็นการแสดงออกด้วยความเป็นห่วง อาจเพราะอาการป่วยของอดีตภรรยาที่เป็นหนักขึ้นจนทำให้ต้องหย่ากัน เขาเลยมีเงามืดในจิตใจ ดังนั้นจึงระมัดระวังกับต้าอีเป็นพิเศษ

 

 

ต้าอีก้มหมอบออกกำลังกายที่พื้น พ่านพ่านเห็นแล้ว แต่เด็กน้อยแสดงออกทางคำพูดไม่เก่ง เสี่ยวเชี่ยนเลยเข้าใจผิดว่าอวี๋หมิงอี้กับต้าอีมีอะไรกัน

 

 

 บอกได้แค่ว่า นี่คือการเข้าใจผิดที่สวยงาม

 

 

“จริงสิ เมื่อกี้เสี่ยวเชี่ยนพูดจาแปลกๆด้วย”

 

 

“เธอว่าอะไรเหรอคะ?”

 

 

“เขาให้ผมจึ๊กเบาๆกับคุณ? จึ๊กหมายถึงอะไรเหรอ?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนที่กลับชาติมาเกิดรู้จักเลือกใช้คำ อวี๋หมิงอี้คนเชยกลับไม่เข้าใจ ต้าอีนึกถึงเรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนกับสืออวี้คุยกันตอนอยู่หอ แล้วใบหน้าเธอก็แดง

 

 

คุณพระช่วย เสี่ยวเชี่ยนยังจะคิดแบบนั้น

 

 

อวี๋หมิงอี้ไม่รู้ความคิดที่กำลังพรั่งพรูอยู่ในสมองของต้งอีในเวลานี้ และก็คงไม่รู้ด้วยว่าต้าอีนึกไปถึงบทสนทนาที่ไม่เหมาะมากขนาดไหน

 

 

เขาพูดอย่างจริงจัง “ถอดเสื้อสิ”

 

 

“ถอด…?”

 

 

ต้าอีหน้าแดงกล่ำ หรือว่า หรือว่า พี่รองอยากจะ…จึ๊ก?