ตอนที่ 25 ฉีกหน้า

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 25 ฉีกหน้า

ริมฝีปากของโจซื่อสั่นเล็กน้อย “นางเอาเรื่องแบบนี้ไปพูดทุกที่เลยหรือ ?”

ถ้าอย่างนั้นศักดิ์ศรีของตระกูลเจียงของเราก็…

หญิงผู้นั้นพูดอย่างสนุกปาก แต่กลับไม่สังเกตเห็นสีหน้าที่คร่ำครึของโจซื่อแม้แต่น้อย

“ก็ใช่น่ะสิ นางดูภูมิใจมากเลย ทั้งยังบอกกับข้าอีกว่าเด็กสาวคนนั้นไม่เอาสินสอดอะไรทั้งนั้น แล้วยังออกค่าสินสมรสเป็นเงินห้าตำลึงด้วย! จุ๊ ๆ ๆ ข้าว่าในท้องของเด็กสาวคนนั้นจะต้องมีเชื้อพันธุ์ของคนอื่นอย่างแน่นอน ถึงได้ยืนตัวตรงไม่ได้อย่างไรล่ะ… แต่พูดไปพูดมา ใครจะรับประกันได้ว่าเชื้อพันธุ์ในท้องของเด็กสาวคนนั้นจะเป็นของตระกูลหม่า”

สีหน้าของโจซื่อยิ่งดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

“พอแล้ว ถึงแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นนำกะละมังซักผ้ามาวางบนเอว จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูไม้ที่เปิดออกครึ่งหนึ่ง “นู่น หลังนั้นแหละ”

โจซื่อทำหน้าเคร่งเครียดแต่ไม่ได้พูดอะไร  กลับเป็นเจียงป่าวชิงที่โบกมือให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างน่ารัก “ขอบคุณเจ้าค่ะ ไว้พบกันใหม่นะเจ้าคะ”

หญิงผู้นั้นขานรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางกำลังจะเดินจากไป แต่กลับชำเลืองมองและพบว่าสีหน้าของโจซื่อผิดปกติไปเล็กน้อย  นางจึงส่งเสียงอุทาน จากนั้นก็หยุดเดินและมองโจซื่ออย่างสังเกตทันที

โจซื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางแค่นยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างฝืน ๆ จากนั้นก็เดินไปที่ประตูไม้  ตอนนี้นางไม่มีแรงแสร้งทำเป็นกุลสตรีต่อแล้ว

คุณนายหม่าถือกะละมังใส่อาหารหมูออกมาพอดี นางกำลังเตรียมไปให้อาหารหมูอีกครั้งในช่วงบ่าย ก็เห็นโจซื่อยืนอยู่ตรงทางเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งเสียก่อน และสีหน้าของนางก็ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยเจอหน้ากันแล้ว และเกือบทะเลาะกันเพราะเรื่องที่พวกเขาจะให้เจียงต้ายาออกค่าสินสมรส

เมื่อเห็นโจซื่อ คุณนายหม่าก็คิดว่าโจซื่อเอาเงินมาให้ถึงที่ สองสามวันที่ผ่านมาคุณนายหม่าไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองนั้นสบายใจแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกคุณนายจางบ้านข้าง ๆ พูดเสียดสีใส่ ทำให้นางยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจจนถึงตอนนี้  เห็นดังนั้น นางจึงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ

“มาแล้วหรือ ?”

เมื่อโจซื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของคุณนายหม่า นางก็รู้สึกหายใจไม่สะดวกเล็กน้อย รอยยิ้มเสแสร้งก็เริ่มจะรักษาต่อไปไม่ไหวแล้ว นางพูดขึ้นเสียงสูง “เจ้า…”

ทว่ากลับถูกเจียงป่าวชิงดึงแขนเสื้อไว้เสียก่อน ทำให้คำพูดของนางถูกตัดตอน “ท่านอา… เราขวางทางเข้าบ้านเขาอยู่นะเจ้าคะ”

โจซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็มองผู้หญิงด้านข้างที่นัยน์ตาของนางเป็นประกาย และกำลังถือเสื้อผ้าเพื่อรอดูเรื่องสนุก ๆ อยู่ นี่ทำให้โจซื่อนึกถึงคำพูดน่าเกลียดเมื่อสักครู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งพูดในระหว่างเดินมา  คิดได้ดังนั้นสีหน้าของโจซื่อก็ยิ่งแย่ลง แต่นางกลับไม่ได้พูดเรื่องนี้ตรงทางเข้า

โจซื่อแค่นยิ้มเล็กน้อย “สะใภ้ตระกูลหม่า เราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

คุณนายหม่ามองผู้หญิงคนที่กำลังรอดูเรื่องสนุกเล็กน้อย นางไม่ยอมให้คุณนายจางบ้านข้าง ๆ เห็นเรื่องสนุกของบ้านตัวเองหรอก

นางเบะปากเล็กน้อย “เข้ามาสิ” พูดเสร็จนางก็นำอาหารหมูไปวางไว้ในลานบ้าน จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน

โจซื่อกับเจียงป่าวชิงก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

คุณนายจางที่กำลังรอดูเรื่องสนุกอยู่สบถออกมา นางหยิกตัวเอง หมุนตัวถือเสื้อผ้าขึ้นมาและกลับไปที่บ้านของตัวเองทันที

เมื่อเข้ามาในห้องก็พบเด็กผู้หญิงวัยสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่บนเตียงอิฐข้างหน้าต่าง  ตอนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเห็นแม่ของตัวเองพาคนนอกเข้ามา นางก็ชะงักไปเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร แม่ของนางก็เรียกชื่อนาง

“เฉิงหง ไปต้มน้ำ”

หม่าเฉิงหงไม่ได้พูดอะไร นางขานรับ จากนั้นก็รีบลงจากเตียงอิฐเพื่อจะใส่รองเท้าเดินออกไป

โจซื่อนำลูกกวาดที่ด้อยคุณภาพในมือไปวางบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงสูง “ไม่ต้องหรอกสะใภ้หม่า ข้าพูดไม่กี่ประโยคก็จะกลับแล้ว”

คุณนายหม่าไม่คิดว่าโจซื่อจะยังมีความมั่นใจและพูดกับนางเช่นนี้ได้ นางจึงชะงักไปทันที

โจซื่อเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของตัวเองมาก ต่อให้ในใจจะโกรธถึงขนาดอยากฉีกหน้าคุณนายหม่าเพียงใด บนใบหน้าของนางก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “สะใภ้หม่า นี่มันอะไรกัน ลูกชายของเจ้าทำเรื่องเลวร้ายไว้ ทำไมเจ้าถึงยังเอาไปพูดทุกที่เช่นนี้ ? ไม่กลัวถูกคนในหมู่บ้านนินทาลับหลังเลยรึ ?”

คุณนายหม่าไม่คิดว่าโจซื่อจะถามเรื่องนี้กับตัวเอง นางโมโหและถากถางกลับทันที “ไอ้โย! ดูเจ้าพูดเข้าสิ ลูกสาวเจ้าหน้าไม่อายเอง ยังไม่แต่งงานก็กล้าไปมีอะไรกับผู้ชายแล้ว ทั้งยังทิ้งเชื้อพันธุ์ไว้อีกต่างหาก ลูกสาวเจ้าทำบัดสีได้ ทำไมข้าจะพูดไม่ได้ ?”

โจซื่อโมโหจนหน้าแดงลามไปถึงใบหู นางโกรธจนพูดไม่ออก ใช้แขนสะกิดเจียงป่าวชิงเพื่อบอกใบ้ให้เจียงป่าวชิงที่มีฝีปากดีพูดแทนนาง

เจียงป่าวชิงมีความแค้นกับตระกูลเจียงอยู่แล้ว แน่นอนว่านางจะไม่ใช้โอกาสนี้ซ้ำเติมคนอื่น เพราะนางรู้ตัวว่านี่เป็นแบบอย่างเล็ก ๆ ทางศีลธรรม  ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วใครจะยอมออกปากช่วยกันล่ะ ?

เจียงป่าวชิงก้มหน้าลง แสร้งทำท่าทางขี้ขลาดตาขาวและไม่ช่วยพูดให้โจซื่อ

ปากเหมือนพลุแตกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในบ้าน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกกลับทำมาเป็นกลัว  โจซื่อถ่มน้ำลายใส่เจียงป่าวชิงในใจ ถุย! ถ้ารู้ว่านางกล้าพาลเพียงแค่ในบ้านแบบนี้ ก็คงจะไม่พานางออกมาแต่แรก

คุณนายหม่าเห็นโจซื่อไม่พูดอะไรจึงยิ้มเยือกเย็น “พอได้แล้ว เจ้าอย่าทำเป็นโสเภณีที่ต้องการตั้งซุ้มประตูไปหน่อยเลย เงินห้าตำลึงค่าสินสมรสน่ะเตรียมหรือยัง ? ข้าบอกก่อนว่ายังไม่แน่ใจว่าเชื้อพันธุ์ในท้องลูกสาวเจ้าเป็นของใคร ถึงตอนนั้นถ้าคลอดออกมาแล้วหน้าตาไม่เหมือนเฉิงหยวนของเรา ข้าจะเอาเชื้อพันธุ์ผสมนั่นกดลงไปในโถฉี่และเอาให้มันตาย!”

โจซื่อโมโหจนกลอกตาไปมา นางเกือบเป็นลมไปแล้วแต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้และพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า “ข้าไม่มีเงินห้าตำลึง ลูกชายบ้านเจ้าอยากแต่งหรือไม่ก็ตามใจเจ้าเลย”

คุณนายหม่ากลอกตาไปมาทันที “ไม่มีเงินห้าตำลึงเจ้ายังอยากให้ลูกชายของข้าแต่งกับลูกสาวของเจ้าที่เป็นเหมือนรองเท้าชำรุดนั่นอีกเรอะ ?!  ถุย! ฝันไปเถอะ”

สีหน้าของโจซื่อเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีเขียว นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็หยิกตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้ใจเย็นลง นางมองคุณนายหม่าอย่างโหดเหี้ยม ปากก็ยังกัดไม่ปล่อย “ได้! เจ้าอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน  ลูกชายเจ้าทำลูกสาวข้าท้อง ยังมีหน้าอยากได้สินสมรสเป็นเงินห้าตำลึงจากพวกข้าอีก  ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าลูกสาวข้าจะไม่แต่งกับลูกชายเจ้าแล้ว! ข้าจะให้นางแต่งเข้าไปในป่าลึกแทน ถึงแม้ว่าจะต้องส่งนางไปเป็นวัวเป็นม้าให้กับคนล่าสัตว์ก็ตาม แต่ข้าจะไม่ให้นางแต่งเข้าบ้านเจ้าเด็ดขาด!  คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าหม่าเฉิงหยวนของพวกเจ้าน่ะเป็นคนเสเพลที่วัน ๆ ไม่หยิบจับทำการใด ๆ  แล้วยังมีหน้าทำเป็นเหมือนมีค่าอีก ถุย! เจ้าก็ฝันไปเถอะ”

คุณนายหม่าโกรธมากจนนางแทบจะเป็นลมเพราะคำพูดดูถูกของโจซื่อ

ทั้งสองคนจ้องหน้ากันทั้งแบบนั้น สุดท้ายคุณนายหม่าก็ชี้ไปที่ประตูบ้าน “พวกเจ้าสองคนไสหัวออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้!”

นี่คือการฉีกหน้าอย่างถึงที่สุด โจซื่อเองก็ไม่สามารถอดกลั้นแสดงสีหน้าปกติได้อีกต่อไป นางถ่มน้ำลายลงพื้น

“ถุ๊ยยย! ข้าบอกเจ้าไว้เลยว่าการแต่งงานของครอบครัวเราสองคนยกเลิก เราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าหากข้ารู้ว่าพวกเจ้านินทาอะไรออกไปในภายหลัง ก็จงรู้ไว้ด้วยว่าพี่น้องที่บ้านแม่ข้าทำงานรับส่งคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขาพูดไปทั่วว่าลูกชายของเจ้าทำลูกสาวของข้าท้อง” พูดจบโจซื่อก็ชี้ไปที่หม่าเฉิงหงที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

อย่าว่าแต่คุณนายหม่ากับหม่าเฉิงหงเลย เจียงป่าวชิงเองก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน  วิธีนี้ของโจซื่อถือได้ว่าโหดเหี้ยมมากทีเดียว…

คนขี้ขลาดกลัวคนกล้าหาญ และคนกล้าหาญกลัวคนโหดเหี้ยม  คำกล่าวนี้มันก็ถูกต้องแล้วจริง ๆ

คุณนายหม่าโมโหจนแทบจะหยุดหายใจ ลูกสาวของคุณนายหม่าเองก็ตกใจจนหน้าซีดไปหมด

โจซื่อทำหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็เดินออกไป  เจียงป่าวชิงเองก็เดินตามหลังไปเช่นกัน

ทางที่จะกลับไปยังชีหลี่โวล้วนเป็นทางภูเขา โจซื่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นนางก็กลับมายิ้มอย่างเสแสร้งตามเดิม และได้พูดกำชับเจียงป่าวชิงเล็กน้อย “ป่าวชิง เรื่องนี้ตระกูลหม่าทำเกินไปจริง ๆ เจ้าอย่าเอาไปพูดที่ไหนล่ะ”

เจียงป่าวชิงหัวเราะในใจ จากนั้นก็ตอบรับโจซื่อแต่โดยดี

โจซื่อเห็นเจียงป่าวชิงมีท่าทีเชื่อฟัง ทำให้นางนึกถึงตอนอยู่ที่บ้านตระกูลหม่าเมื่อสักครู่ ซึ่งเจียงป่าวชิงแทบจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ  นางถ่มน้ำลายในใจและคิดว่าตัวเองพาเจ้าปัญญาอ่อนนี่ออกมาเสียเที่ยวแล้ว

โจซื่อตีหน้าขรึมมาตลอดทาง จนกระทั่งเข้ามาในชีหลี่โว นางจึงยิ้มแย้มตามเดิม