เล่มที่ 1 บทที่ 23 จะมาไม้ไหนอีก?

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

แม้หลงเทียนอวี้จะยังคงไม่เข้าใจ แต่เพราะแม่เลี้ยงที่หลินเมิ้งหยาเกลียดชังคนนั้นยังอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจถามสิ่งใดออกมา

“ท่านแม่เป็นห่วงเกินไปแล้ว ข้าเกิดที่นี่ โตที่นี่ แล้วจะไม่คุ้นชินกับที่นี่ได้อย่างไร แม้ท่านอ๋องจะเป็นราชนิกุล แต่ก็หาใช่คนฟุ่มเฟือยไม่”

หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มอ่อนโยนเล็กน้อย นางมิใช่หลินเมิ้งหยาผู้ที่มีสติฟั่นเฟือนอีกต่อไป

ภายใต้อิทธิพลของอารยธรรมสมัยใหม่ ทำให้นางเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่ารอยยิ้มคมกริบประดุจใบมีด

ดังนั้นแม้ซ่างกวนฉิงจะเกลียดชังหลินเมิ้งหยามากเพียงไหน แต่นางก็ไม่สามารถจับพิรุธหลินเมิ้งหยาได้เลยแม้แต่น้อย

“ว่าแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ หากท่านอ๋องไม่ชอบของหวานเหล่านี้ ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องลองลิ้มรสชาดอกกุ้ยฮวาประจำจวนนี้ดูดีหรือไม่? แม้นจะมิใช่ชาเลื่องชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรสชาติหอมหวาน อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย”

ดูเหมือนว่าการตบหน้าฉาดนั้นของหลงเทียนอวี้จะไม่ส่งผลอันใดเลยแม้แต่น้อย

ซ่างกวนฉิงยังคงแสดงกิริยามารยาทนอบน้อมและเป็นกันเอง ดังนั้นเขาจึงวางว่าวที่ถืออยู่ในมือลงอย่างช่วยไม่ได้

แม้เขาจะเกลียดชังนางมากขนาดไหน แต่ซ่างกวนฉิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฮองเฮา เป็นฮูหยินของเจิ้นหนานโหวและยังเป็นแม่ยายของเขาด้วย

เขายกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ทว่าใบหน้ายังคงความเย็นชา แม้แต่สายตายังไม่เลื่อนหันไปมองซ่างกวนฉิง ราวกับว่านางเป็นเพียงอากาศธาตุ

เมื่อเห็นว่าหลงเทียนอวี้ดื่มชาที่ตนเองตั้งใจชงมาเป็นพิเศษแล้ว นัยน์ตาของซ่างกวนฉิงเผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความดีใจ

อีกเดี๋ยวลูกสาวของนางก็จะได้กลายเป็นพระชายาของท่านอ๋องอวี้แล้ว

เมื่อเวลานั้นมาถึง นางค่อยจัดการกับพวกที่กำลังดูถูกเหยียดหยามตนเองเหล่านี้ทีหลังก็ยังไม่สาย

ทั้งหลินเมิ้งหยา ทั้งหลงเทียนอวี้ อีกไม่นานพวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง และนางก็จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

“มานี่สิหย๋าเอ๋อร์ แม่มีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า อันที่จริงวันที่เจ้าออกเรือนไปแต่งงาน แม่รู้สึกไม่อาจทนต่อการพรากจากได้ ดังนั้นแม่จึงเข้าไปในหอพระเพื่อสงบจิตสงบใจ เจ้าไม่โกรธแม่ใช่หรือไม่?”

เสแสร้งว่ารักใคร่เอ็นดูต่อหน้าผู้อื่น ทั้งที่จริงแล้วซ่างกวนฉิงอยากจะให้หลินเมิ้งหยาหายไปจากโลกนี้แทบขาดใจ

หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าแม่เลี้ยงกำลังปกปิดเจตนาชั่วร้ายของตนเองเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงแสร้งทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสา อีกทั้งยังแสดงท่าทีสนิทสนมและปล่อยให้ซ่างกวนฉิงจับข้อมือของตนเองอย่างอิสระ

“ท่านแม่พูดเช่นนั้นได้อย่างไร หยาเอ๋อร์เองก็ไม่อาจทำใจแยกห่างไปจากท่านแม่ได้ โชคดีที่ท่านอ๋องไม่คิดขับไส ดังนั้นหย๋าเอ๋อร์จึงมีความสุขอย่างในวันนี้”

หลินเมิ้งหยาเบือนหน้าไปมองหลงเทียนอวี้ด้วยสายตาอันแสนอ่อนโยน จากนั้นนางก้มหน้าลงประหนึ่งกำลังเขินอาย ทว่าภาพตรงหน้ากลับทำให้ซ่างกวนฉิงเกลียดชังนางยิ่งกว่าเดิม

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว สามีภรรยาจะต้องเกื้อหนุนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน หยาเอ๋อร์ พวกเราสองแม่ลูกไม่ได้พูดคุยกันเพียงลำพังนานแล้ว เจ้าตามแม่มานี่เถิด”

นัยน์ตาเจือไว้ซึ่งความรังเกียจ ทว่าใบหน้ากลับไม่ปรากฏสิ่งใดให้เห็น

อันที่จริงหลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุดว่าแม่เลี้ยงคนนี้ไม่มีเรื่องใดๆ อยากจะพูดคุยกับตนเองทั้งสิ้น

ทว่านางกลับประหลาดใจเหลือเกิน เรื่องราวแปรเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้แล้ว ซ่างกวนฉิงยังมีแผนอะไรในใจกันแน่นะ?

“ท่านอ๋องเพคะ พวกหม่อมฉันสองแม่ลูกขอพระราชทานอนุญาตออกไปเดินเล่นสักครู่ หวังว่าท่านอ๋องจะไม่ถือสา”

หลงเทียนอวี้ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย

กลั่นแกล้ง วางยา นี่คือสิ่งที่สองแม่ลูกได้กระทำกับหลินเมิ้งหยา

ไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลังจากที่หลินเมิ้งหยากลายเป็นพระชายาของเขาแล้ว พวกนางจะยังมีแผนร้ายอันใดซุกซ่อนอยู่อีก

หลังจากที่หลินเมิ้งหยาเดินลับหายไปกับซ่างกวนฉิงแล้ว หลงเทียนอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงเรียบกับเงาข้างหน้าต่าง

“ตามไปอารักขาพระชายา”

ด้านนอกหน้าต่าง ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

มีเพียงเสียงเสียดสีกันของต้นไผ่ “ฟึ่บ ฟึ่บ” เท่านั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าหลงเทียนอวี้ส่งทหารอารักขาส่วนพระองค์ไปดูแลความปลอดภัยของหลินเมิ้งหยา

จะปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับนางตอนนี้ไม่ได้

เปลวเทียนภายในเรือนส่องแสงริบหรี่ หลงเทียนอวี้รู้สึกได้ถึงความร้อนซึ่งกำลังพลุ่งพล่านในร่างกาย

หรือเพราะเรือนหลังนี้เล็กจนเกินไปจึงทำให้รู้สึกร้อนกันนะ?

หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง จมูกสูดอากาศและสายลมเย็นด้านนอกหน้า ทว่าหัวใจของเขากลับเต้นเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

เกิดอะไรขึ้น?

“หยาเอ๋อร์เอ๋ย หลายปีมานี้แม่ยุ่งแต่กับเรื่องจัดการงานบ้านงานเรือน บางทีอาจละเลยเจ้าไปบ้าง เจ้าคงไม่โกรธเคืองแม่ใช่หรือไม่?”

ท่ามกลางแนวไผ่ หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังซ่างกวนฉิง ดวงตาหลุบต่ำ แสร้งเป็นลูกสาวผู้เชื่อฟัง

ทว่านัยน์ตากลับเผยให้เห็นร่องรอยของความฉลาดเฉลียว

เพิ่งจะมาแสดงความสนิทชิดเชื้อกันตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยหรือ

“ท่านแม่คิดมากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อและท่านพี่จากบ้านไปนานหลายปี หากมิใช่เพราะความเพียรพยายามของท่านแม่ ข้าและเมิ้งหวู่คงไม่อาจเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยวาจาซาบซึ้งตรึงใจ ทว่าในใจกลับแอบแค่นหัวเราะเสียงเย็น

ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความเพียรพยายามของแม่เลี้ยงผู้นี้ หลินเมิ้งหยาคงไม่กลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนเช่นนั้นหรอก

ทว่าสายตาของซ่างกวนฉิงกำลังเหลือบไปทางเรือนเล็กหลังนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ตอนนี้ยาน่าจะกำลังออกฤทธิ์ หวู่เอ๋อร์ควรจะเริ่มลงมือได้แล้ว

ขอเพียงลูกสาวของนางมีความสุข ผู้เป็นแม่อย่างนางก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ร่างกาย…ทำไมถึง…”

หลงเทียนอวี้ซึ่งอยู่ในเรือนเล็กกำลังถูกร่างกายที่กำลังผิดปกติของตนเองทำให้สูญสิ้นสติ

แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยขาดแคลนหญิงสาว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยลุ่มหลงในเนื้อหนังมังสาบอบบางเหล่านั้น

สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องมือในการให้กำเนิดทายาทเท่านั้น

หรือเพราะเขามัวยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของหลินเมิ้งหยาจึงมองข้ามเรื่องของตนเองกัน?

บ้าชะมัด แม้ร่างกายของเขาจะไม่เคยสูญเสียการควบคุมเช่นนี้มาก่อน ทว่าสมองของเขากลับยังคงแจ่มชัด

“แกร๊ก…” เสียงนี้ดังขึ้น จากนั้นประตูใหญ่ของเรือนเล็กถูกเปิดออกเบาๆ

หลงเทียนอวี้คิดว่าเป็นหลินเมิ้งหยาจึงคิดจะอ้าปากร้องห้ามนางเอาไว้ ทว่าร่างอ้อนแอ้นอรชรที่น่าหลงใหลกลับเดินตรงเข้ามา

“ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเพคะ? ขอให้หวู่เอ๋อร์รับใช้พระองค์ได้หรือไม่?”

เสียงของหลินเมิ้งหวู่ช่างไพเราะและมีเสน่ห์

หลงเทียนอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาคมกริบที่เจือไว้ซึ่งความเย็นชาหรี่เล็กลงขณะมองหญิงสาวร่างบางตรงหน้า

เพราะเหตุนี้ความปรารถนาในกายจึงรุนแรงมากกว่าปกติสินะ

มีคนวางยาเขาเข้าให้แล้ว

“ท่านอ๋องเพคะ ท่านคงไม่รู้ว่าหวู่เอ๋อร์หลงรักท่านมานานแสนนานแล้ว”

เสียงกระเส่าอันเปี่ยมไปด้วยความหวังและเจ้าเล่ห์ถูกส่งออกมา

ภายใต้แสงเทียน ร่างบางสวมใส่เพียงผ้าโปร่งชิ้นเดียว แม้แต่ตู้โตว1 สีแดงฉานซึ่งอยู่ภายในยังปรากฏอล่างฉ่างให้เห็นต่อสายตา

หลินเมิ้งหวู่คิดถึงความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของตนเอง นางมั่นใจเหลือเกินว่าเรือนร่างอวบอิ่มไร้ที่ติของนางนั้นสวยงามน่าจับต้องกว่าเรือนร่างผอมกะหร่องดั่งไม้เสียบผีของหลินเมิ้งหยาอย่างแน่นอน

หากท่านอ๋องยอมรับในเรือนร่างของหลินเมิ้งหยาได้ละก็ เช่นนั้นเขาก็คงพึงพอใจในเรือนร่างของนางเช่นกัน

มิใช่หรือ?

หลงเทียนอวี้นั่งอยู่กับที่ แม้อุณหภูมิภายในร่างกายจะยังพลุ่งพล่าน ทว่าหัวใจของเขากลับรู้สึกรังเกียจผู้หญิงที่พร้อมจะเปลื้องผ้าพลีกายตรงหน้าเสียเหลือเกิน

“ท่านอ๋อง…”

หลินเมิ้งหวู่ส่งเสียงกระเส่า นางละทิ้งยางอายเพราะอยากจะอิงกายในอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้เต็มที

ทว่า ท่ามกลางความมืดมิด สายตาของหลงเทียนอวี้กลับเผยให้เห็นถึงความอำมหิต

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการถูกหลอก

หลินเมิ้งหวู่หลอกหลินเมิ้งหยายังพอทน ทว่าตอนนี้นางกลับใช้เล่ห์กลเช่นนี้เข้ามาจัดการกับเขา

ที่แท้สองแม่ลูกสกุลหลินก็เป็นอสรพิษ!

ตระกูลของฮองเฮาเหนียงเหนียงอบรมสั่งสอนคนให้จิตใจพิกลพิการได้ดีเช่นนี้เชียวหรือ?

“ท่านอ๋อง หม่อมฉัน…”

หลินเมิ้งหวู่ที่ขยับเข้าใกล้จนเกือบจะแนบชิดร่างของหลงเทียนอวี้ อยู่ๆ ก็ถูกมือของหลงเทียนอวี้คว้าเข้าที่บ่า

ขณะที่หัวใจของนางกำลังเต้นระรัวเพราะคิดว่าหลงเทียนอวี้หลงใหลในตัวนางจนขาดสติ และต้องการจะรับนางเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว

อยู่ๆ ร่างของนางกลับถูกโยนออกไป

“โอ๊ย…”

ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคนตกน้ำดัง “ตูม” หลงเทียนอวี้ผู้มีใบหน้าเย็นชาหล่อเหลาโยนหลินเมิ้งหวู่ออกไปด้านนอกแล้ว

คิดจะร่วมเตียงเคียงหมอนกับเขา นางควรจะส่องกระจกดูเงาตัวเองด้วยว่ามีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่

เตียงของหลงเทียนอวี้คนนี้ ใช่ว่าจะมีสตรีนางไหนขึ้นมานอนก็ได้

หลินเมิ้งหวู่ที่กำลังฝันหวานคิดไม่ถึงเลยว่าแผนการที่กำลังเป็นไปอย่างราบรื่นจะกลับตาลปัตรเช่นนี้ พริบตาเดียวกลายเป็นว่านางถูกโยนลงสระน้ำด้านหลังเรือนเล็กไปเสียแล้ว

นางตะเกียกตะกายปีนขึ้นมา ทว่าหัวใจกลับวาวโรจน์ไปด้วยความหึงหวง

สิ่งไหนที่นางไม่ได้มาครอบครอง หลินเมิ้งหยาเองก็อย่าหวังจะได้มันไป!

หลินเมิ้งหยาเดินๆ หยุดๆ ตามหลังซ่างกวนฉิง จนกระทั่งเดินออกห่างจากบริเวณเรือนเล็ก

ที่นี่คือสวนหย่อมของบ้านสกุลหลิน

ในช่วงฤดูร้อน ดอกบัวขนาดใหญ่จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งผืนน้ำที่ถูกขุดสร้างเป็นทะเลสาบเทียมแห่งนี้

หลินเมิ้งหยามองดูดอกบัว จู่ๆ นางก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

มันคือดอกไม้ที่แม่ซึ่งนางไม่เคยพบหน้าชอบที่สุด

แม้ต่อมาจะถูกซ่างกวนฉิงกำจัดออกไปไม่น้อยก็ตาม

“ตอนนี้มืดมากแล้ว แม่คงไม่รบกวนการพักผ่อนของพวกเจ้าแล้วล่ะ แม่นมหลี่ไปส่งคุณหนูใหญ่กลับไปพักผ่อนเถิด”

ซ่างกวนฉิงส่งยิ้มอ่อนโยน ทว่าดวงตาอาบยาพิษคู่นั้นกลับเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์

นางต้องการกำจัดหลินเมิ้งหยาเงียบๆ จากนั้นส่งลูกสาวของตนเองไปเป็นพระชายาของท่านอ๋องอวี้แทน เท่านี้เรื่องทั้งหมดก็สมบูรณ์แบบ

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”

หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตอนแรกนางคิดว่าซ่างกวนฉิงคิดจะทำอะไรนางเสียอีก

แต่เพราะอะไรนางจึงยังไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ จนถึงตอนนี้กันนะ?

หรือนางจะคิดมากไปเอง?

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ พื้นแถวนี้ค่อนข้างลื่น เดินระวังๆ ด้วยนะเจ้าคะ”

แม่นมหลี่ถือโคมไฟพลางเดินนำหน้าหลินเมิ้งหยาเพื่อส่องทาง

หลินเมิ้งหยาจับสังเกตแม่นมหลี่ นางเป็นคนสนิทของซ่างกวนฉิง

นางเป็นข้าทาสที่คอยทำเรื่องชั่วให้กับนาย

หลินเมิ้งหยาจึงเริ่มระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่า

ทั้งสองก้าวเดินไปบนเส้นทางกลับเรือนเล็ก แต่หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงเลยว่าอยู่ๆ แม่นมหลี่จะแผดเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง

“คุณหนูระวังเจ้าค่ะ!”

ยังไม่ทันที่หลินเมิ้งหยาจะตั้งสติได้ทัน แม่นมหลี่คนนั้นก็พุ่งปรี่เข้ามากระแทกตัวนาง

หลินเมิ้งหยาผู้มีรูปร่างบอบบางน่ะหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของแม่นมหลี่

นางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงร่วงลงไปในสระน้ำทันที

หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้เองว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่ารู้ใจ ที่แท้เพื่อวางแผนฆ่านาง ดังนั้นจึงหาข้ออ้างเช่นนี้ขึ้นมา

เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาคนเดิมว่ายน้ำไม่เป็น!

เมื่อนึกขึ้นมาได้ หลินเมิ้งหยาจึงยังไม่ออกแรงว่ายน้ำในทันที

การที่แม่นมหลี่กล้าวางแผนฆ่านางอย่างเปิดเผยเช่นนี้ บางทีนางอาจจะยังมีแผนสำรองก็เป็นได้

นางไม่อยากหนีเสือปะจระเข้หรอกนะ

หลังจากแสร้งตะเกียกตะกายอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็ดำดิ่งสู่เบื้องล่างของสระน้ำ

ชาติภพก่อน หลินเมิ้งหยาเคยคว้าแชมป์การแข่งขันว่ายน้ำเสี่ยวหยุน ดังนั้นสระน้ำแห่งนี้จึงมิใช่ปัญหาของนางเลยแม้แต่น้อย

แต่ว่า…ทำไมใต้น้ำจึงมีของบางอย่างกำลังส่องประกายอยู่กันเล่า?

หลินเมิ้งหยาค่อยๆ ดำน้ำลงไป นางอาศัยแสงซึ่งกำลังเปล่งประกายมองของตรงหน้า ก่อนจะพบว่ามันคือก้อนหิน

แปลกจริงเชียว ทำไมใต้น้ำจึงมีก้อนหินที่เปล่งแสงได้อยู่ที่นี่?

***************************

1 ตู้โตว เปรียบได้กับเสื้อชั้นในของหญิงสาวสมัยโบราณ โดยเป็นเสื้อสายเดี่ยวสีแดงผูกบริเวณคอและปิดอวัยวะส่วนหน้าอกและหน้าท้อง