ตอนที่ 24 ซื้อห้องชุดไว้ดีไหมนะ?

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 24 ซื้อห้องชุดไว้ดีไหมนะ?

อวิ๋นลี่ลี่ที่เพิ่งออกมาจากห้องพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้

ซูตานหงเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุดในสายตาของหลานชายและหลานสาวทั้งสาม แต่เมื่อไรกันที่พวกเขามีความสุขอย่างมากกับการได้เห็นเธอ?

อย่าว่าแต่อวิ๋นลี่ลี่เลย แม้แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน

แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ แต่เฝิงฟางฟางและจี้มู่ตานรู้เป็นอย่างดี

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลูก ๆ ของพวกหล่อนต่างพากันเอาเปรียบซูตานหง ทว่าซูตานหงผู้เป็นสะใภ้สามคนนี้ช่างเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงเธอจะไม่ถือสาการกระทำของพวกเด็ก ๆ

แต่เมื่อมาเยี่ยมบ้านใหญ่แล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะนำของอร่อย ๆ มาให้ ครั้นมีโอกาสได้เข้าเมืองก็นำของบางอย่างกลับมาฝากอีกต่างหาก

ยกตัวอย่างเช่นกิ๊บติดผมแสนสวยที่ลูกสาวสองคนของจี้มู่ตานได้รับก็คือของขวัญที่ซูตานหงซื้อมาให้เด็กหญิงทั้งสอง มันเป็นของหายากมาก เมื่อใดที่เด็กทั้งสองนำมันออกมาก็จะเป็นที่อิจฉาของเด็กคนอื่น ๆ

ส่วนโหวหวาจือนั้นได้รับของกินมากมายเช่นกัน เมื่อใดที่เขาหิวเขาก็จะมองหาอาสะใภ้สามของเขาทันที แม้ว่าที่บ้านอาสะใภ้สามจะมีสุนัขดุร้ายอยู่ แต่อาสะใภ้สามของเขาก็ดีมาก ตราบใดที่โหวหวาจือมาที่บ้าน เธอก็จะให้เขาได้กินของร้อน ๆ ที่แสนอร่อยเสมอ

เขาได้กินไข่และเนื้อเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในปีนี้จึงดูเหมือนว่าเขาจะอ้วนท้วนขึ้นไม่น้อย

เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานจึงแกล้งหลับตาข้างเดียวเพื่อให้เรื่องทั้งหมดผ่านไป มันไม่ใช่การทำเพื่อพวกหล่อนเองแต่เป็นการทำเพื่อเด็ก ๆ เพราะบรรดาเจ้าตัวน้อยไม่รู้เรื่องระหว่างผู้ใหญ่นัก

เพราะเหตุนี้เอง สะใภ้ทั้งสองจึงเริ่มเป็นมิตรกับซูตานหงมากขึ้น

ถ้าลูกของตัวเองกินของคนอื่นและใช้สิ่งของจากคนอื่นแล้วจะให้จ้องจับผิดอยู่อีกมันก็ดูไร้คุณธรรมเกินไป เป็นเช่นนั้นแล้วในภายหน้าพวกหล่อนยังจะได้รับผลประโยชน์จากซูตานหงอีกหรือ?

“อาสะใภ้สามจะให้ของขวัญปีใหม่กับพวกหนูไว้ล่วงหน้านะ เอ้านี่ มารับซองแดงกันไปคนละซองนะจ๊ะ”ซูตานหงยิ้มพลางยื่นซองแดงให้กับหลานแต่ละคน แม้เงินในซองจะไม่ได้มากมายนัก แต่เงิน 1 เหมาก็นับว่ามากในสายตาของเด็ก ๆ แล้ว

ทั้งโหวหวาจือกับเด็กหญิงทั้งสองต่างพากันตื่นเต้นเมื่อได้รับซองแดง

“พวกหนูได้ซองแดงคนละซองแล้ว คงไม่เห็นอาสามคนนี้อยู่ในสายตาแล้วใช่ไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามด้วยรอยยิ้ม

“อาสาม!” โหวหวาจือผละไปหาจี้เจี้ยนอวิ๋นทันที “อาสามก็เตรียมซองแดงให้พวกเราด้วยใช่ไหมครับ?”

เด็กหญิงทั้งสองไม่ได้ใจกล้าหน้าด้านเหมือนอย่างเขา แต่พวกหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาดูเขาอยู่เช่นกัน

“อาสามไม่ได้เตรียมมาครับ แต่อาสามมีขนมมาให้แทน ทุกคนยื่นมือมานะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

เด็กทั้งสามยื่นมือออกไป แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็หยิบน้ำตาลปั้น ถั่วลิสง และเมล็ดแตงโมให้กับเด็ก ๆ

เด็กทั้งสามดูมีความสุขอย่างมากเมื่อได้รับสิ่งเหล่านี้

จี้เจี้ยนกั๋วและจี้เจี้ยนเย่หันไปทักทายจี้เจี้ยนอวิ๋น เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก็เข้าหาและพูดคุยกับซูตานหงเช่นกัน ด้วยความที่ซูตานหงยังไม่มีลูก พวกหล่อนเลยไม่ต้องเสียซองแดงให้แก่บ้านสาม แต่จะทำดีกับซูตานหงมากขึ้นแทนเพื่อผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดในหลายเดือนนี้

ในตอนนี้เองอวิ๋นลี่ลี่ก็อุ้มลูกสาวของตัวเองเข้ามาหาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สาม พี่จะลำเอียงไม่ได้นะคะ เยียนเอ๋อร์ของครอบครัวเราก็ต้องการซองแดงเหมือนกัน”

แต่เมื่อหล่อนเข้ามาใกล้ ๆ ซูตานหง หล่อนก็ถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอ

ทำไมผิวของเธอถึงดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลเช่นนี้

นี่คือ…ซูตานหงจริง ๆ หรือ?

ขนาดชุดแดงตัวใหญ่หลวมโพรกอย่างที่ชาวชนบทสวมใส่ยังดูดีมากเมื่ออยู่บนร่างของเธอ!

“ต้องมีอยู่แล้วจ้ะ” ไม่ว่าซูตานหงจะคิดยังไงกับอวิ๋นลี่ลี่ เธอก็ยังมอบซองแดงให้กับทารกหญิงคนนี้ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวน้อยกำลังหลับปุ๋ย และยังไม่ทันจะคิดอะไรแม่หนูก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาจนอวิ๋นลี่ลี่ต้องกอดเอาไว้

“ข้างนอกหนาวมาก พาเด็กเข้าไปในบ้านเถอะ” ซูตานหงกล่าว

อวิ๋นลี่ลี่กลับมามีสติอีกครั้ง แม้จะรู้สึกผิดหวังแต่ก็ยังคงกล่าวตอบ “ถ้างั้นต้องขอบคุณพี่สะใภ้สามนะคะ”

หลังจากนั้นหล่อนก็อุ้มทารกน้อยเข้าไปในบ้านทันที และไม่เห็นเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานที่อยู่ตรงนั้นในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้คุณพ่อจี้กำลังคุยอยู่กับบุตรชายทั้งสี่คนโดยมีคุณแม่จี้คอยฟังอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าคุณแม่จี้มีความสุขมากที่คนทั้งตระกูลได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าในวันนี้

จี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังมองมาทางนี้ ซูตานหงเห็นแล้วก็รู้แจ้งว่าหล่อนกำลังรอซองแดงอยู่

กฏของบ้านหลังนี้มีอยู่ว่าคนที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีเต็มจะยังมีโอกาสรับซองแดงอยู่ ในปีก่อน ๆ แม้หล่อนจะไม่ได้รับซองแดงจากซูตานหง จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังแอบเอาเงินให้หล่อนอย่างน้อย 10 หยวน แต่ในปีนี้เงินเก็บทั้งหมดอยู่ที่ซูตานหง จึงเป็นที่แน่นอนว่าซูตานหงจะไม่มีทางมอบซองแดงให้อย่างแน่นอน จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้เข้าจะต้องเจ็บใจจนตายแน่!

ซูตานหงกล่าวพึมพำอยู่ในใจว่าตนก็เป็นหญิงใจคอคับแคบแบบนี้แหละ ใครดีต่อเธอ เธอก็ให้ซองแดง

แต่ถ้าใครต่อต้านเธอ เธอก็จะไม่ให้เลยสักซอง!

จากนั้นเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก็พาซูตานหงเข้ามาในครัวก่อนจะพากันกระซิบกระซาบ “ดูผู้หญิงขี้เกียจแห่งบ้านสี่คนนั้นสิ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อก่อนเธอจะรังเกียจหล่อน พอมีลูกก็ทำตัวขี้เกียจ เอาลูกที่กำลังนอนหลับอยู่มาขอซองแดงจากเธอก่อนกลับเข้าไปในเมืองเนี่ยนะ นี่เหรอภาพลักษณ์ของคนเป็นครู?”

“ดูใบหน้าที่หยิ่งผยองนั่นสิ แค่เอาเป็ดย่างมาจากเมืองสองตัวก็ยโสโอหังได้แล้วเหรอ คิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะกินเป็ดย่างสองตัวตลอดทั้งปีหรือไง” จี้มู่ตานเอ่ยรับเป็นลูกคู่ในทันที

ทั้งสองคนบ่นเรื่องของอวิ๋นลี่ลี่อย่างเห็นได้ชัด พวกหล่อนเคยคิดว่าอวิ๋นลี่ลี่และซูตานหงนั้นคล้ายกันตรงที่เป็นสะใภ้ชั่วร้ายและไม่ได้เรื่อง

แต่ในปีนี้ซูตานหงได้ให้เกียรติพ่อกับแม่สามีเป็นอย่างมาก ลบล้างทุกสิ่งที่เธอทำเมื่อก่อนหน้านี้ทั้งหมดโดยที่พวกหล่อนไม่ต้องพูดอะไร

ดังนั้นจึงเหลือเพียงอวิ๋นลี่ลี่ที่ชอบดูถูกสะใภ้ชนบทเช่นพวกเธอสามคนอยู่คนเดียว เพราะตอนนี้สะใภ้ทั้งสามคนอันประกอบไปด้วยเฝิงฟางฟาง จี้มู่ตาน และซูตานหงได้มีจุดยืนเดียวกันแล้ว!

“หล่อนจะกลับมาแค่ปีละครั้ง ไม่ต้องเอามาคิดมากหรอกค่ะ สนใจเรื่องของพวกเราเองดีกว่า” ซูตานหงพูดอย่างไม่คิดอะไรมากนัก

“เรื่องนั้นพี่ก็รู้ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าจรรยาบรรณการเป็นครูของหล่อนมันอยู่ตรงไหน เชื่อว่าหล่อนคงไม่สามารถสอนนักเรียนให้ดีได้หรอก!” จี้มู่ตานกล่าว

คราวนี้เป็นเฝิงฟางฟางเอ่ยขึ้นบ้าง “อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบเลย คอยดูเถอะ หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า หล่อนก็จะทำมันอีกครั้ง ว่าแต่ปีนี้เธอจะให้ซองแดงกับคุณพ่อคุณแม่เท่าไหร่หรือ?”

“ขึ้นอยู่กับใจว่าอยากให้เท่าไหร่ ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนน่ะค่ะ” ซูตานหงตอบ

จี้มู่ตานพยักหน้า “ฉันชอบในคำพูดนี้นะ หล่อนไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเราได้หรอก พวกเราอยู่ดูแลคุณพ่อกับคุณแม่ตลอดทั้งปี พวกท่านไม่ได้กินข้าวของบ้านสี่แม้แต่ครั้งเดียว รู้สึกว่าตอนที่พวกเขาสร้างบ้านในเมืองเจียงสุ่ย คุณพ่อกับคุณแม่ยังให้เงินพวกเขาเป็นจำนวนมากเลยนะ!”

เฝิงฟางฟางนิ่งอึ้งไปกับคำพูดเหล่านี้ “ให้เงินพวกเขา?”

“ไม่เช่นนั้นน้องสี่จะซื้อบ้านได้เร็วขนาดนั้นเหรอคะ ก็ต้องให้เงินพวกเขาไปน่ะสิ!” จี้มู่ตานแค่นเสียงตอบ

เฝิงฟางฟางได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ “ทำไมหล่อนถึงได้เอาเปรียบแบบนี้นะ ทำไมต้องให้คุณพ่อคุณแม่ออกเงินค่าบ้านให้หล่อนด้วย? ทั้งที่ตอนสร้างบ้านของพวกเราก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะนัก!”

“ฉันเองก็ได้ไม่เยอะเหมือนกันค่ะ” จี้มู่ตานแค่นเสียง

ซูตานหงที่นั่งฟังอยู่ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “บ้านในเมืองเจียงสุ่ยราคาเท่าไรหรือคะ?”

“ก็ต้องมีเงินหนึ่งถึงสองพันหยวนน่ะ!” เฝิงฟางฟางกล่าว “ด้วยอาชีพของพวกเขาสองคนแล้วจะได้เงินมากสักเท่าไรเชียว?”

เงินเดือนครูอยู่ที่สิบกว่าหยวนต่อเดือนเท่านั้น แต่ต้องจ่ายค่าครองชีพอีกเท่าไร? เท่านั้นไม่พอยังต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคอื่น ๆ ในเมืองเจียงสุ่ยด้วย ขนาดจะซื้อต้นหอมก็ยังต้องใช้เงินซื้อ

แล้วสามีภรรยาคู่นี้จะเหลือเงินเก็บสักเท่าไรในแต่ละเดือน?

เงินหลายพันหยวนไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ แล้วจะหาได้จากที่ไหน!

พี่สะใภ้ทั้งสองบ่นกันไปมาจนซูตานหงรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย หงเจี่ยเจ้าของร้านผ้าปักเคยบอกว่าถ้าเธอมีเงิน เธอจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยและซื้อห้องชุดได้อย่างสบาย อีกทั้งราคาของมันจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

ตอนนี้เธอมีเงินในกระเป๋าเกือบ 2,000 หยวนแล้ว เธอจะซื้อห้องชุดทิ้งเอาไว้ดีไหมนะ?

______________