ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 12 โลกนี้กลมนัก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ชื่อของเฉาหยวนหลงเป็นที่โด่งดังในกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นเยาว์

ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาได้เป็นถึงปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในตั้งแต่อายุยังน้อย ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขามีอนาคตกว้างไกล และความสามารถน่าทึ่งในเวลาเดียวกัน

เมื่อครึ่งปีก่อน ตอนที่เขาท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เขาได้ประมือและเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันพร้อมกันได้ถึงสามคน

ในขณะที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำให้ผู้อื่นได้รู้ว่าเหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงได้เป็นตัวแทนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน

บัดนี้จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมา และใช้วรยุทธ์สกัดกั้นสถานการณ์ทั้งหมดไว้ ทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากโข ทำให้บรรดาศิษย์เขากว่างเฉิงที่ปกติเคยพบเจอปรมาจารย์ยอดฝีมือมาบ้าง ต่างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

มีคนตอบไปว่า “พวกเราตามศิษย์พี่เยี่ยนมา…”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ในดวงตาทั้งสองข้างของเฉาหยวนหลงก็ฉายแววน่าประหวั่นพรั่นพรึง ราวกับแสงของพระอาทิตย์ทิ่มแทงดวงตาจนไม่อาจมองตรงๆ ได้

เฉาหยวนหลงเอ่ยถาม “เยี่ยนจ้าวเกอรึ?”

ผู้คนต่างพากันสะดุ้ง จนมีศิษย์เขากว่างเฉิงตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่เยี่ยนที่ชื่อเยี่ยนจ้าวเกอคนนั้นแหละ”

แววตาของเฉาหยวนหลงยิ่งเป็นประกายมากขึ้น พร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

อาวุธวิเศษระดับล่างมากมายที่ตกกระจายอยู่บนพื้นสั่นสะเทือนพร้อมกันครั้งหนึ่ง

แม้ว่าอาวุธวิเศษจะมีจิตวิญญาณ ทว่าอย่างไรเสียก็ยังเป็นสิ่งของ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด เมื่อสูญเสียการควบคุมจากเจ้าของไป หลังจากเฉาหยวนหลงโจมตีใส่อีกครั้ง พวกมันจึงสั่นสะเทือนขึ้นมา

ครั้นเฉาหยวนหลงเหยียบลงไปบนพื้น เยี่ยจิ่งและคนอื่นๆ รู้สึกได้ในทันที ว่าการเชื่อมต่อของตนกันอาวุธวิเศษที่คอยฝึกฝนและดูแลกันมาด้วยความยากลำบาก ได้ถูกตัดขาดไปดื้อๆ เสียแล้ว!

สมองของทุกคนรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายกับโดนเข็มทิ่มแทง ซึ่งเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าการเชื่อมต่อของตนกับอาวุธวิเศษถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง โดยฝีมือของเฉาหยวนหลง!

“อาวุธวิเศษระดับล่างถือเป็นของล้ำค่าสำหรับจอมยุทธ์ระดับยุทธ์หลอมกาย แต่สำหรับข้าแล้ว ต่อให้พวกเจ้าสามารถควบคุมพลังทั้งหมดของอาวุธวิเศษได้ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

เฉาหยวนหลงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “เขากว่างเฉิงของพวกเจ้ามีอาวุธวิเศษเยอะมากนักใช่หรือไม่ ในเมื่อโอ้อวดต่อหน้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้าแล้ว เช่นนั้นก็ทิ้งไว้ที่นี่เถิด”

“แม้ข้าจะไม่ได้สนใจสิ่งของพวกนี้ แต่มอบให้ศิษย์น้องทั้งหลายไว้เล่นสักสองสามปีก็ดูจะเข้าท่าดี พวกเจ้าใช้พลังของอาวุธวิเศษโจมตีศิษย์ร่วมสำนักข้า อาวุธวิเศษพวกนี้ถือว่าเป็นค่าเสียหายแล้วกัน”

เขากวักมือให้ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ามาเลือกกันเอง”

บรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันยิ้มขึ้นมา “ขอบคุณศิษย์พี่ฉาว! ”

เยี่ยจิ่งและคนอื่นโมโหจัด เฉาหยวนหลงกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะหยุดมองที่ซือคงจิง “ข้ารู้ว่าในมือเจ้ายังมีอาวุธวิเศษระดับกลางอีกหนึ่งชิ้น หากเจ้าอยากจะให้ข้าด้วย ก็เอาออกมาได้นะ”

ซือคงจิงขมวดคิ้ว พลางสบตากับเฉาหยวนหลงอย่างไม่มีทีท่าจะโอนอ่อนให้

ส่วนเยี่ยจิ่งมีสีหน้าเย็นชา นิ้วมือลูบที่แหวนวงสีแดงเข้มของตนเบาๆ

เฉาหยวนหลงเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังไว้เหมือนเดิม ทั่วทั้งกายเริ่มมีแสงสีทองกะพริบเลือนราง ราวกับเรียวเข็มสีสองนับหมื่นเล่ม

“ข้าไม่อยากรังแกศิษย์รุ่นหลังเช่นพวกเจ้าหรอก กลับไปเรียกเยี่ยนจ้าวเกอมาพบข้า ข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่”

บนใบหน้าที่ดุดันและเย็นชาของเฉาหยวนหลงปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้น “ขอแค่เขากล้ามา”

แสงสีทองดุจเรียวเข็มลอดผ่านทุกขุมขนทั่วทั้งร่างกายของเฉาหยวนหลง ทำให้ดูเหมือนว่าร่างกายเขาชุบด้วยทองไปทั้งตัว

บรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างมองเฉาหยวนหลงด้วยความเคารพนับถือระคนหวาดกลัว

ศิษย์พี่ร่วมสำนักผู้นี้อดทนต่อความเจ็บปวดของเข็มที่ทิ่มแทงและไฟที่ลุกโชนทั้งร่างเป็นเวลาหลายปีเสมือนเป็นเพียงหนึ่งวัน ทำการฝึกฝนด้วยวิธีการที่แทบจะเป็นการทารุณตนเอง จนกระทั่งระดับวิชาเข็มทองสุริยันถึงระดับที่สูงมาก

กับตนเองยังทำได้ถึงขนาดนี้ แล้วกับผู้อื่นเล่า จะโหดร้ายเลือดเย็นสักเพียงใด แค่คิดก็พอจะรู้ได้

แม้กระทั่งศิษย์ร่วมสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังรู้สึกเกรงกลัวเฉาหยวนหลงเช่นกัน “ศิษย์พี่ฉาวฝึกวิชาเข็มทองสุริยันถึงขั้นที่เก้าแล้วจริงๆ ด้วย!”

‘ปล่อยปราณจิตราสู่ภายนอกได้ ทั้งที่เดิมทีแล้วเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่ศิษย์พี่ฉาวที่อยู่ในขั้นจิตราชั้นในระยะท้ายกลับทำได้แล้ว แม้จะยังเทียบไม่ได้กับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกที่แท้จริง ถึงกระนั้นก็ยังน่ากลัวมากอยู่ดี มิน่าเล่าถึงสามารถล้มศัตรูระดับเดียวกันได้ง่ายๆ’

ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ ทุกคนก็เห็นพลังของเฉาหยวนหลงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวราวกับแปรเปลี่ยนเป็นพระอาทิตย์ดวงเล็ก ทำให้ไม่กล้ามองตรงๆ

หมอกดำที่อยู่ในอากาศรอบๆ ดูบางเบาลงมากในพริบตา

ไม่จำเป็นต้องลงมือ เพียงแค่การสั่นกระเพื่อมของปราณจิตรา หินในหุบเขาที่อยู่ใกล้ๆ กับฉาวหยวนก็เริ่มปริแตกเป็นรอยร้าวเล็กๆ นับไม่ถ้วน

“ไม่ใช่ขั้นที่เก้า ขั้นที่สิบต่างหาก!” คราวนี้แม้กระทั่งศิษย์ร่วมสำนักของเฉาหยวนหลงก็ตกใจเช่นเดียวกัน “ศิษย์พี่ฉาวฝึกวิชาเข็มทองสุริยันจนสมบูรณ์แล้ว! ”

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างมองหน้ากันและกัน

ถึงแม้ผู้ฝึกฝนวิชาเข็มทองสุริยันจะมีน้อย ถึงกระนั้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีจำนวนไม่น้อย

ทว่าคนที่มีอายุเท่ากับเฉาหยวนหลง และฝึกวิชานี้จนถึงขั้นที่เก้าได้มีน้อยมาก จนถึงเวลานี้รวมแล้วยังมีไม่ถึงห้าคน

แต่หากจะกล่าวถึงผู้ที่ฝึกจนเสร็จสมบูรณ์ครบทั้งสิบขั้น เหมือนกับว่าเขา…จะเป็นคนแรก?

บรรดาศิษย์เขากว่างเฉิงอาจจะรู้จักวิชาเข็มทองสุริยัน ทว่ากลับไม่รู้ถึงรายละเอียดที่แน่ชัด จึงไม่รู้ว่าการกระทำของเฉาหยวนหลงมีความหมายอย่างไร

ถึงกระนั้นพลังอันน่าตกใจที่ปรากฏอยู่รอบกายของเฉาหยวนหลงในขณะนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้ชัดว่า บุคคลตรงหน้านี้เป็นศัตรูที่ร้ายกาจเพียงใด

ก่อนหน้านี้ศิษย์เขากว่างเฉิงเห็นเยี่ยนจ้าวเกอลงมือไปแล้ว ทว่าไม่ได้รู้สึกถึงพลังมหาศาลเช่นนี้ จึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจทันที

ศิษย์พี่เยี่ยนจะเอาชนะคนตรงหน้านี้ได้หรือ?

‘จากกันครั้งก่อน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็น่าจะก้าวหน้าบ้างแล้วกระมัง คิดว่าอย่างน้อยก็คงต้านวิชาเข็มทองสุริยันขั้นที่เก้าของข้าได้ แต่แค่ไม่รู้ว่าจะต้านพลังวิชาเข็มทองสุริยันขั้นที่สิบ ขั้นสมบูรณ์ของข้าได้หรือไม่?’

ท่ามกลางแสงสีทองดุจพระอาทิตย์ดวงเล็กๆ นั้น มีเสียงที่เฉยเมยของฉาวหยวนเกอส่งผ่านมา “ข้าเชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็คงมีความก้าวหน้าเช่นกัน แต่ถ้าไม่มากพอ ข้าคงผิดหวังนัก”

“แต่ก่อนหน้านี้ที่ประลองกันไปสามรอบก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ วันนี้ถือว่ามาจบเรื่องก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินดังนี้ ใบหน้าของบรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที

“หากไม่มาก็ต้องเสียหน้าแน่ แต่ถ้าเขาฝืนมาสู้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เพียงเรื่องของการเสียหน้าแล้ว”

ศิษย์แห่งเขากว่างเฉิงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างอดไม่อยู่

เฉาหยวนหลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เรื่องเก็บซ่อนความสามารถ แล้วค่อยปล่อยออกมาในพริบตาเดียวนี้ ข้าไม่สนใจหรอก”

“พวกเจ้ากลับไปบอกเยี่ยนจ้าวเกอตามตรง ว่าวิชาเข็มทองสุริยันของข้าสมบูรณ์ทั้งสิบขั้นแล้ว และถามเขาว่ากล้ามาหรือไม่?”

ยังไม่ทันที่เฉาหยวนหลงจะกล่าวจบ ในปราการมังกรพลันมีเสียงที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวดังขึ้น

“ข้าก็มาแล้วนี่ไง”

ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งวิ่งผ่านความมืดเข้ามา ราวกับสายฟ้าที่ฝ่าผ่านรัตติกาล!

มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้น ทีแรกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันกลับกลายเป็นเสียงดังกระหึ่มจนหูแทบระเบิดเพียงแค่ชั่วพริบตา!

“เยี่ยนจ้าวเกอ ยังเป็นมังกรเขียวในชายเสื้อเหมือนเดิมอยู่อีกหรือ” เฉาหยวนหลงพูดขึ้นเสียงดัง จากนั้นถึงเริ่มใช้วิชาเข็มทองสุริยัน เขายื่นมือทั้งสองออกมาแล้วประกบเข้าหากัน คิดจะใช้ฝ่ามือนั้นบีบแสงกระบี่สีเขียวนั้นไว้

………..