บทที่ 121 ได้ ล้อเล่นงั้นเหรอ! / บทที่ 122 จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 121 ได้ ล้อเล่นงั้นเหรอ!

 

 

เนื่องจากเธอเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องเจียงเยียนหรานมาระยะหนึ่ง และในตอนนั้นความสัมพันธ์กับเจียงเยียนหรานยังไม่ถึงขั้นแตกหัก จึงพอจะรู้เรื่องของเจียงเยียนหรานอยู่บ้าง

 

 

แค่ได้ฟังมาถึงตรงนี้ คุณพ่อเจียงก็ฉุนขึ้นทันควัน “เหลวไหล! เยียนหราน ลูกเป็นลูกสาวที่พ่อกับแม่รักและทะนุถนอมที่สุดนะ! เพื่อผู้ชายคนเดียวแล้วทำไมถึงต้องลำบากตัวเองขนาดนี้ ตระกูลซ่งของเขาหากไม่มีพวกเรา ล้มละลายไปนานแล้ว เขาต่างหากที่ควรดูแลลูกสาวของฉันประดุจเจ้าหญิง แต่ผลลัพธ์คือไอ้สารเลวนั่นกลับย่ำยีลูก ใช้งานลูกไม่ต่างไปจากพี่เลี้ยงหรือคนรับใช้!”

 

 

คุณแม่เจียงสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ “เด็กโง่! ลูกโง่ขนาดนี้ได้อย่างไร! ทำไมลูกไม่เคยบอกพ่อกับแม่มาก่อน?”

 

 

“เจียงหรานเขากลัวว่าหากฟ้องพวกคุณแล้ว ซ่งจื่อหางจะยิ่งรังเกียจเธอ…”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นสะอึกสะอื้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคืองพลางเอ่ยต่อ “แต่ว่า เยียนหรานทุ่มเทไปมากขนาดนี้ สุดท้ายแลกมาได้กับอะไร เขาเสพสุขกับสิ่งที่เจียงหรานทุ่มเทให้ เสพสุขกับทุนสนับสนุนของคุณลุงคุณป้าอย่างสุขกายสบายใจ แต่กลับแอบไปคบกับเพื่อนรักของเยียนหราน

 

 

เป็นเพราะหนูทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ จึงโพสต์กระทู้แฉคนต่ำช้าทั้งสองคนนั่น ผลที่ได้คือซ่งจื่อหางคิดว่าโพสต์นั้นเป็นฝีมือของเยียนหราน รีบแจ่นมาด่าทอเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายสารพัด ด่าว่าเธอร้ายกาจ เลวทราม บีบให้เธอไปลบโพสต์ทิ้งเสีย!

 

 

เพราะโพสต์นั้นยังไม่ถูกลบ ซ่งจื่อหางจึงประกาศโพสต์ลงในกระทู้ของโรงเรียน บอกว่าเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเยียนหราน บอกว่าการหมั้นหมายไม่มีอยู่จริง หนำซ้ำยังบอกอีกว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาชอบเฉินเมิ่งฉีเพียงคนเดียว!”

 

 

สีหน้าของคุณพ่อเจียงคร่ำเครียดระดับสุด “เรื่องที่เธอพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงงั้นเหรอ?”

 

 

“จริงแท้แน่นอนค่ะ! คุณลุงคุณป้า โพสต์ยังอยู่ในนี้ พวกคุณลองอ่านดูก็จะได้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไรค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นเปิดโพสต์นั้นในมือถือ ก่อนจะส่งให้คนทั้งสอง

 

 

เฉินเมิ่งฉีชอบฟ้องเป็นที่สุดไม่ใช่เหรอ? เช่นนั้นครั้งนี้เธอก็จะใช้วิธีการหนามยอกเอาหนามบ่ง

 

 

สองสามีภรรยารีบดูโพสต์นั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ในห้องพักอันเงียบสงบมีเพียงเสียงสนทนาที่โต้แย้งกันในวิดีโอ

 

 

ได้เห็นใบหน้าที่สิ้นหวังเอ่ยถามพร้อมกับน้ำตาเป็นสายเลือดของลูกสาว หัวใจของคุณพ่อคุณแม่เจียงพลันเป็นทุกข์ขึ้นมา และคำพูดของซ่งจื่อหานในตอนท้ายนั้นได้จุดชนวนเพลิงโกรธของคุณพ่อคุณแม่เจียงให้ระเบิดโดยสิ้นเชิง

 

 

คุณพ่อเจียงโกรธจนเสียงสั่น “เยียนหรานไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเขา…การหมั้นหมายเป็นเพียงเรื่องขำขันของพวกผู้ใหญ่…ได้…ก็ได้…เป็นเรื่องล้อเล่นก็ได้! ซ่งเสี้ยวเวย นายมีลูกชายดีเหลือเกิน!”

 

 

คุณแม่เจียงอ่านคำพูดเสียดสีลูกสาวของชาวเนตด้านหลัง โกรธจนแทบร้องไห้แล้ว “พระเจ้า! คนพวกนี้พูดถึงเยียนหรานแบบนี้ได้อย่างไร! เยียนหราน…แม่ไม่ดีเอง…แม่ขอโทษลูกด้วย…ที่แม่ไม่ได้พบเรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้…ทำให้ลูกได้รับความอัปยศมากมายขนาดนี้…”

 

 

เยียนหรานของเธอได้เห็นข้อความเหล่านี้จะเสียใจมากเพียงไร!

 

 

ถึงว่าลูกสาวจึงคิดฆ่าตัวตาย!

 

 

คนพวกนี้ทำกันเกินไปแล้วจริงๆ!

 

 

เจียงเยียนหรานมองพ่อกับแม่ที่เจ็บปวดเป็นที่สุด รีบกล่าวปลอบใจ “แม่คะ ครั้งนี้โชคดีมากที่ได้หวันหวั่นช่วยหนูไว้ เพราะความเข้าใจผิดบางอย่าง ช่วงก่อนหน้านี้หนูกับหวันหวั่นจึงไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หนูถึงได้รู้ว่าเพื่อนที่แท้จริงคืออะไร!”

 

 

คุณแม่เจียงกุมมือของเยี่ยหวันหวั่นด้วยความซาบซึ้งอย่างที่สุด “แม่หนูน้อย ต้องขอบใจเธอมากจริงๆ เลยนะ…”

 

 

“คุณป้าอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว”

 

 

คุณพ่อเจียงอุทานถอนหายใจยาว “เยียนหราน ถือเป็นเรื่องดีที่ในโอกาสนี้ทำให้ลูกได้เห็นอะไรหลายอย่างชัดเจนขึ้น พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ ความอัปยศที่ลูกได้รับ พ่อกับแม่จะต้องช่วยทวงคืนให้ลูกแน่นอน ลูกอย่าคิดไม่ตกทำเรื่องโง่ๆ อีกเลยนะ!”

 

 

……………………………………….

 

 

 

 

 

 

บทที่ 122 จิตใจเ**้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า

 

 

“พ่อของลูกพูดถูก เยียนหราน หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะอยู่ได้อย่างไร!”

 

 

“ขอโทษค่ะ…ขอโทษ…พ่อ…แม่…หนูเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว…หนูจะไม่ทำอีกแล้ว…”

 

 

เจียงเยียนหรานร้องไห้หนักหน่วงต่อหน้าพ่อกับแม่ ระบายความอัปยศทั้งหมดออกมา

 

 

รอให้คนทั้งสามสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม “คุณลุงคุณป้าคะ พวกท่านเตรียมจะแก้แค้นให้เยียนหรานอย่างไรเหรอคะ?”

 

 

คุณพ่อเจียงแค่นเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าให้ไอ้เด็กเหลือขอตระกูลซ่งที่มีจิตใจโหดเ**้ยมเยี่ยงหมาป่าได้สมปรารถนา ยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลซ่ง”

 

 

เจียงเยียนหรานเผยสีหน้าเป็นกังวล “แต่ว่ามิตรภาพหลายปีระหว่างพวกเราสองตระกูล ทั้งธุรกิจและโครงการมากมายที่เกี่ยวข้องผูกพันกัน…”

 

 

คุณพ่อเจียงส่งสายตาปลอบใจให้ลูกสาว “เยียนหราน เรื่องพวกนี้ลูกไม่ต้องเป็นกังวล ให้พ่อจัดการก็พอแล้ว ยังโชคดีที่พวกเรารู้เรื่องเร็ว ไม่อย่างนั้นหากช้าไปอีกหนึ่งคืน พ่อคงโอนหนึ่งร้อยล้านนั่นเข้าบัญชีตระกูลซ่งไปแล้ว สู้ให้พ่อเอาไปเลี้ยงอาหารสุนัขตอนนี้ ก็จะไม่ยอมให้พวกเขาไปได้ง่ายๆ หรอก”

 

 

ได้เห็นปฏิกิริยาของคุณพ่อเจียงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็โล่งอกสบายใจ “คุณพ่อเจียงช่วยได้มากเลยค่ะ เยียนหรานตอนนี้เธอก็สบายใจได้สักทีนะ ต่อให้ทำเพื่อคุณลุงคุณป้าก็ตาม เธอเองก็ต้องร่าเริงขึ้นมาให้ได้”

 

 

“หวันหวั่นพูดถูกต้อง ลูกสาวของพ่อจะไม่มีอนาคตที่สดใสได้อย่างไร พวกเราจะใช้ชีวิตให้คนอื่นมาดูถูกไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

คุณแม่เจียงมองลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่วางใจ “ทำอย่างไรดี พวกเราอยู่ในโรงเรียนนานไม่ได้ เยียนหราน ลูกอยากกลับไปพักอยู่กับพ่อแม่สักสองวันไหม?”

 

 

เจียงเยียนหรานได้ยินก็ส่ายหน้าปฏิเสธ กล่าวออกไปด้วยสีหน้าแน่วแน่ “พ่อแม่คะ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้หนูคิดได้แล้ว หนูไม่อยากเสียการเรียนค่ะ”

 

 

ได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้ คงจะคิดได้แล้วจริงๆ สองสามีภรรยาสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความปลื้มใจ

 

 

“หวันหวั่น เช่นนั้นฝากหนูช่วยดูแลเยียนหรานด้วยนะ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณเธออย่างไรจริงๆ”

 

 

“ใช่แล้ว ครั้งนี้ต้องขอบคุณหนูมากๆ เลย”

 

 

สองสามีภรรยาขอบใจเยี่ยหวันหวั่นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายยังไม่วางใจไปอบรมเจียงเยียนหรานอยู่นาน ถึงจะยอมจากไปอย่างตัดใจไม่ได้

 

 

แม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ลูกสาว แต่พวกเขายังต้องรีบกลับไปทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกสาว

 

 

หลังจากสองสามีภรรยากลับไปแล้ว เจียงเยียนหรานพลันมองจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าจริงจัง “เยี่ยหวันหวั่น…”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเอียงศีรษะไปมอง “อะไรเหรอ?”

 

 

เจียงเยียนหรานขอบตาแดงระเรื่อ “ขอบคุณนะ ขอบคุณเธอจริงๆ”

 

 

หากไม่ใช่เพราะเยี่ยหวันหวั่น ด้วยนิสัยของเธอแล้วเป็นไปได้ว่าเธอไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่แน่ ต่อให้พูดออกไป รอถึงเวลานั้นกลัวว่าคงจะสายไปเสียแล้ว

 

 

เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ เอ่ยกระเซ้า “ขอบคุณเป็นคำพูดไม่ได้นะ อยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็สัญญามาสิ”

 

 

เจียงเยียนหรานโดนเธอแกล้งอำจนหัวเราะออกมาได้ “รู้แล้วน่า ต่อไปหากฉันเข้าวงการบันเทิง จะต้องไปขอพึ่งพาเธอแน่นอน แค่วันนี้ฉันก็ดูออกแล้วว่าฝีมือการแสดงของเธอยิ่งกว่านักแสดงจริงๆ ซะอีก ความสามารถในการแสดงยามวิกฤตชั้นหนึ่งเลยทีเดียว”

 

 

“ไม่เลว ตาแหลม!” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าหงึกๆ ถูกใจ พลางเอ่ยว่า “โอเค จัดการทางด้านพ่อแม่ของเธอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้น มาร์กหน้าให้ดีๆ แล้วนอนหลับให้สบายเพื่อความสวย พรุ่งนี้ก็ขออาจารย์ลาสักวันก็แล้วกัน พักผ่อนปรับอารมณ์สักหน่อย แล้วเราจะมาเริ่มขั้นที่สองกันวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน”

 

 

“ขั้นที่สอง?” เจียงเยียนหรานสีหน้าชะงัก

 

 

“พาเธอไปปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ไง” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง

 

 

อุ๊ๆ เธอจำได้ว่าหลังเลิกเรียนวันพรุ่งนี้ จะมีการแข่งขันทีมบาสเก็ตบอลระหว่างชิงเหอและโรงเรียนมัธยมเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดึงดูดสายตาของคนอย่างมากเลยล่ะ! นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทำอะไรๆ! ​​​​​​​