บทที่ 123 แฟนฉันเก่งเหลือเกิน / บทที่ 124 เห็นผล

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 123 แฟนฉันเก่งเหลือเกิน

 

 

“เอ่อ…จำเป็นด้วยเหรอ?” เจียงเยียนหรานคัดค้าน

 

 

ถึงแม้ว่าเธอจะเชื่อใจเยี่ยหวั่นหวันทั้งหมดแล้ว แต่เธอคนนี้ช่าง…

 

 

เยี่ยหวั่นหวันหรี่ตา ยื่นกระจกให้ “หรือว่าเธอจะออกไปปรากฏตัวด้วยสภาพที่ถูกทิ้งแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ให้ทุกคนเห็นเธอแล้วหัวเราะเยาะงั้นหรือ?”

 

 

“ฉันไม่อยากอยู่แล้ว แต่ว่า เธอทำได้จริงหรือ?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันลูบคาง “ถ้าฉันทำพลาด อย่างมากฉันจะโกนหัวเป็นเพื่อนเธอ มาคิดดูฉันยังไม่เคยลองโกนหัวดูเลย!”

 

 

เห็นสีหน้าเยี่ยหวั่นหวัน ดูท่าทางเหมือนอยากจะลองดูสักครั้งจริงๆ

 

 

เจียงเยียนหรานพูดไม่ออกเม้มปาก “ไม่ต้อง ขอบคุณ…”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันตบไหล่อีกฝ่าย แล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจอมปลอม “อย่าทำหน้าเหมือนต้องเสียสละอย่างใหญ่หลวงได้ไหม! จะบอกเธอให้ สายตาฉันดีนะ! อย่างเช่นเธอนะ เธอไม่เหมาะกับสไตล์วัยใสซื่อบริสุทธิ์หรอก เธอดูหน้าอกตัวเองสิ เดินแล้วดูเหมือนสาวแรกแย้มไหม? ยังจะเลียนแบบแอ๊บทำใสซื่อเหมือนเฉินเมิ่งฉีอีก! รู้ตัวหน่อยว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไรได้ไหม?”

 

 

เจียงเยียนหรานปิดหน้าอกตัวเองทันที แก้มสองข้างแดง “เยี่ยหวั่นหวัน! เธอ… ว่างมากนะ…”

 

 

“ที่ฉันพูดมันเรื่องจริงทั้งนั้น!” เยี่ยหวั่นหวันเหลือบมองด้วยความอิจฉาอีกหลายที “เชื่อฉัน เธอเหมาะกับเส้นทางของราชินีที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล มีสปอตไลท์ส่องสว่าง! อันดับแรกเธอต้องเปลี่ยนผมดำยาวน่าเบื่อนี้ก่อน ผมเธอน้อย ทำทรงนี้จะเหมือนเอาสาหร่ายมาแปะไว้บนหัว เธอรู้ไหมว่าน่าเกลียดขนาดไหน? ยังไงพรุ่งนี้เธอไปถึงร้านทำผมแล้ว เรียกฉันมาก็พอ!”

 

 

เจียงเยียนหรานคิด ถ้าโดนทำจนไม่สามารถไปเจอผู้คนได้ อย่างมากก็แค่ใส่หมวก ดังนั้นเลยพูดอย่างยอมรับชะตากรรม “ขอแค่เธออย่าให้ช่างมาย้อมผมฉันเป็นสีเขียวก็พอ อย่างอื่นก็แล้วแต่เธอจะทำแล้วกัน!”

 

 

“เธอแน่ใจนะ? ฉันให้เธอตัดผมสั้นก็ยอมใช่ไหม?” เยี่ยหวั่นหวันถาม

 

 

เจียงเยียนหรานยิ้ม “แม้แต่เขาฉันยังจะไม่ต้องการเลย จะมาห่วงอะไรกับผมที่ไว้ยาวเพื่อเขา?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันพยักหน้าอย่างพอใจ “ไม่เลวไม่เลว! ค่อยควรค่าแก่การสอนหน่อย!”

 

 

………

 

 

หนึ่งคืนผ่านไป

 

 

เมื่อคืนเจียงเยียนหรานไม่ได้กลับไปที่หอพัก นอนที่ห้องเธอเลย

 

 

เยี่ยหวั่นหวันตื่นมาตอนเช้า ไม่ได้ปลุกเธอตื่น ค่อยๆ ย่องไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปเรียน

 

 

เพราะว่าเมื่อคืนนอนดึก เยี่ยหวั่นหวันง่วงนอนตลอดเวลา หลังมาถึงห้องเรียนก็ฟุบไปที่โต๊ะเริ่มงีบ

 

 

ซือเซี่ยที่เวลาปกติมักจะหลับ วันนี้กลับดูมีท่าทีสดชื่นกระปรี้กระเปร่า อีกทั้งวันนี้ยังมาก่อนเธอด้วย

 

 

พอเห็นเยี่ยหวั่นหวันมาแล้ว สายตาชายหนุ่มยิ่งเป็นประกายขึ้นอีกหลายเท่า ยื่นเค้กที่ประณีตดั่งงานศิลปะชิ้นหนึ่งส่งให้เธอ “หวั่นหวัน กินข้าวเช้าหรือยัง? เค้กอัลมอนด์นี้อร่อยมาก อยากลองชิมไหม?”

 

 

ได้ยินเสียงอ่อนโยนของหนุ่มหล่อประจำโรงเรียนที่เป็นที่ใฝ่ฝันถึงของหญิงสาวหลายคนดังมาจากข้างๆ เยี่ยหวั่นหวันกลับรู้สึกเหมือนเสียงปีศาจแห่งความตาย “ฉันไม่ชอบกินอัลมอนด์”

 

 

ได้ยินเยี่ยหวั่นหวันบอกว่าไม่ชอบกินอัลมอนด์ สีหน้าซือเซี่ยแข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ก็แค่แวบเดียว “แล้วเธอชอบกินอะไร?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันแทบอยากจะร้องไห้ เลยพูดปัดๆ ไป “มีเยอะแยะ บอกไม่หมด”

 

 

ขอร้องล่ะพี่ชาย! ไม่ต้องมาพูดกับฉันอีกแล้ว! คุณรู้ไหมว่าตอนนี้มีกี่คนที่จับจ้องมาที่ฉัน?

 

 

เห็นท่าทางเยี่ยหวั่นหวันดูไม่กระตือรือร้น ซือเซี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “หวั่นหวัน เมื่อคืนเธอนอนไม่พอหรือ?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันสูดลมหายใจลึก เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ดูท่าแล้วจะต้องใช้ไม้ตาย…

 

 

ดังนั้น เยี่ยหวั่นหวันไม่เงยหน้าขึ้นยังคงนอนฟุบท่านอนหลับอยู่อย่างนั้น แล้วพูดออกมา “อืม นอนไม่พอ เพราะแฟนฉันเก่งเกินไป”

 

 

ด้านข้าง…

 

 

มีความเงียบงันของสายลมหนาวเหน็บพัดผ่าน ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาอีกเลย…

 

 

……………………………………………….

 

 

 

 

 

 

บทที่ 124 เห็นผล

 

 

ไม่สนว่าคนโต๊ะเดียวกันจะมีท่าทียังไง เยี่ยหวั่นหวันนอนต่ออย่างสบายใจ

 

 

ระหว่างที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ เธอฝัน

 

 

ทั่วทุกแห่งเต็มไปด้วยเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงกรีดร้อง…

 

 

มองไปทุกหนแห่งเต็มไปด้วยเลือดและไฟไหม้

 

 

เธอเหนื่อยล้าอ่อนแรงมานานแล้ว แต่ก็ยังคงวิ่งต่อไม่หยุด ไม่หยุดวิ่ง

 

 

รอบด้านเต็มไปด้วยฝูงคนที่น่ากลัว มีคนข้างเธอตายอยู่เรื่อยๆ คนต่อไปอาจจะเป็นตัวเธอเองก็ได้ กลิ่นอายความตายยิ่งเข้ามาใกล้ทุกที

 

 

เธอไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมานานแค่ไหน เหมือนว่าถนนเส้นนั้นไม่มีวันสิ้นสุด…

 

 

ในที่สุด ข้างหน้าไม่มีถนนแล้ว มีเพียงแค่หน้าผา ด้านหลังเป็นระลอกสีดำมืด ด้านหน้ายิ่งใกล้ความตายเข้าไปทุกที…

 

 

ถอยก็ไม่ได้ เธอออกแรงกวัดแกว่งมีดในมือ ใช้มีดฟันไปที่คอคนพวกนั้นแต่ละคน…

 

 

เลือดนองเต็มพื้น…

 

 

เสียงกริ่งเข้าเรียนพลันดังขึ้นมา

 

 

เยี่ยหวั่นหวันตกใจตื่น เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว

 

 

บ้าเอ๊ย…

 

 

ทำไมฝันร้ายอีกแล้ว…

 

 

ตั้งแต่หลังเจอความน่ากลัวที่จู่โจมมาตอนอยู่ต่างประเทศครั้งนั้น เธอก็ฝันถึงภาพน่ากลัวและน่าสลดอยู่บ่อยๆ

 

 

แต่ว่า เธอไม่ได้ตกใจกลัวภาพพวกนั้น แต่เป็นสายตาตัวเองในฝันที่เยือกเย็นทำเธอตกใจ

 

 

ตัวเธอในฝันดูเป็นคนแปลกหน้าเหมือนไม่ใช่เธอ…

 

 

ด้านข้าง ซือเซี่ยเห็นเยี่ยหวั่นหวันเหมือนฝันร้าย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำท่ากำลังจะพูด วินาทีต่อมา ทันใดนั้นก็มีประโยคหนึ่ง “แฟนฉันเก่งเหลือเกิน” ดังกึกก้องสะท้อนไปมาในหัว เหมือนคำสาปต้องห้าม ทำให้เขาปิดปากลง

 

 

……..

 

 

เพราะ ‘ไม้ตาย’ ได้ผล ทั้งวันเยี่ยหวั่นหวันเลยสงบสุขเป็นพิเศษ

 

 

พอเลิกเรียน เธอก็กลับไปหอพักหาเจียงเยียนหราน

 

 

เพราะวันนี้ที่โรงเรียนมีการแข่งขันบาส คนจำนวนมากอยากจะไปดู ดังนั้นหัวหน้าห้องเลยให้พวกเขาหยุดเรียนหนึ่งวัน วันนี้ไม่ต้องซ้อมการแสดง

 

 

หลังกลับมา เยี่ยหวั่นหวันมองดูห้องที่แต่เดิมยังโล่งอยู่ เวลานี้เต็มไปด้วยข้าวของทั่วห้อง

 

 

เจียงเยียนหรานที่กำลังจัดข้าวของอยู่เห็นเยี่ยหวั่นหวันกลับมา เธอพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “ฉันขออนุญาตอาจารย์เปลี่ยนห้องพักแล้ว วันนี้เลยถือโอกาสลาหยุด ย้ายของเข้ามา ถ้าเธอถือสาที่ฉันมาอยู่ด้วย ฉันจะให้อาจารย์จัดหาห้องให้ใหม่…”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว เพียงแต่รู้สึกเป็นห่วง

 

 

ถ้าเกิดอยู่ๆ ซือเยี่ยหานโผล่มาเหมือนครั้งที่แล้วจะทำยังไง? จะไม่ทำให้เจียงเยียนหรานตกใจไปเลยหรือ!

 

 

ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรไปบอกซือเยี่ยหานแล้วกัน! พอมีเหตุผลที่เข้าท่าก็ไม่จำเป็นต้องอกสั่นขวัญแขวนกลัวว่าอยู่ๆ เขาโผล่มาหาก็ไม่แย่เหมือนกัน

 

 

“ถือสาอะไร เธอไม่บอกฉันก็จะให้เธอมาอยู่แล้ว” สภาพเธอแบบนี้ ต้องไม่มีทางที่จะอยู่ร่วมกับเฉินเมิ่งฉีได้อีกแน่นอน

 

 

เยี่ยหวั่นหวันพูดจบ ก็มองไปทางเจียงเยียนหรานแล้วถาม “ใช่แล้ว ถามเธอเรื่องหนึ่ง ฉู่เฟิงนักกีฬาบาสที่อยู่โรงเรียนมัธยมปลายจิ่นซิ่วข้างๆ นี้ ชอบเธอใช่ไหม?”

 

 

“เธอรู้ได้ยังไง…” คำพูดเจียงเยียนหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

“ก่อนหน้านี้เคยเห็นจดหมายรักที่เขาเขียนให้เธอในถังขยะ” เยี่ยหวั่นหวันตอบ

 

 

เจียงเยียนหรานอึ้งไป รู้สึกเคอะเขิน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “เขาเคยเขียนจดหมายมาสารภาพรักกับฉันจริง ตอนนั้นใจฉันมีแต่ซ่งจื่อหาง เลยไม่ได้สนใจเขา ทำไมอยู่ๆ เธอถึงถามเรื่องนี้?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันลูบคาง แล้วพูด “ส่งข้อความไปนัดเขากินข้าวเย็นด้วยกัน”

 

 

เจียงเยียนหรานอึ้งไปทันที “หา? แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยนะ…”

 

 

อันที่จริงเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับใครเลย อีกทั้งเธอเพิ่งมีเรื่องทะเลาะกับซ่งจื่อหางมาด้วย เวลานี้ เหมาะสมหรือ?

 

 

เยี่ยหวั่นหวันรู้ดีว่าเธอกังวลเรื่องอะไร เลยกำข้อมือเธอ พูดด้วยความจริงใจและลึกซึ้ง “ที่รัก ไม่ลองดูจะรู้ได้ยังไง? วิธีที่จะลืมความรักได้ดีที่สุด ก็คือเริ่มมีความรักครั้งใหม่! ที่สำคัญที่สุดก็คือ ขอแค่เธอเชื่อฉัน ทำตามที่ฉันบอก ฉันรับประกัน ถึงตอนนั้นต้องทำให้ซ่งจื่อหางกระอักเลือดได้แน่นอน!”