ตอนที่ 21 หนูไม่ได้บ้า

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

คนที่พูดขึ้นคือป้าจาง 

 

 

ก่อนหน้านี้ ป้าจางอยู่หลังฉินอวี่ เธอเลิกคิ้วมองดูเด็กสาวเจ้าปัญหา แล้วเดินไปหาแม่เด็กนั่นอีกสองสามก้าว น้ำเสียงของป้าแม่บ้านสูงเสียจนทุกคนต้องหันมามองเป็นตาเดียว 

 

 

หนิงเว่ยรู้ว่าหลานสาวต้องการหาเก้าอี้ให้เธอ 

 

 

แต่สายตาที่มองมาของแม่บ้านตระกูลหลินนั้นแปลกๆ ราวกับกำลังส่งกริชเข้ามาทิ่มแทงแขกที่ไม่มีเก้าอี้นั่งคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากๆ ญาติผู้ป้าจึงเม้มปาก พยายามไม่ใส่ใจป้าจาง 

 

 

มีเสียงลมหายใจดังอยู่รอบตัวพวกเขา 

 

 

ญาติคนอื่นอิจฉาและแปลกใจระคนกันไป 

 

 

ไม่มีใครที่คิดว่าเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเลย 

 

 

ทุกคนต่างมองว่ามันมีเหตุผลชัดเจนมากกว่า 

 

 

“คุณพระ ห้าแสนแปด? จ่ายเงินดาวน์ซื้อบ้านในอวิ๋นเฉิงได้เลยนะน่ะเงินเยอะขนาดนั้น” 

 

 

“น่าจะซื้อบ้านในเมืองพวกเราได้ตั้งสองหลังแน่ะ ว่ามะ?” 

 

 

“…” 

 

 

หนิงเว่ยกำมือแน่น เธอก้าวเดินมาข้างหน้าไม่กี่ก้าว แล้วรีบกระซิบบอกหลานสาวใจกล้า “หร่านหร่าน ป้าไม่เป็นไร…” 

 

 

อีกฝั่งเงยหน้าขึ้น 

 

 

แล้วก็หัวเราะแบบยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นด้วยกิริยาเย็นชาและไร้มารยาท “580000 เหรอ แพงหูฉี่จังนะ” 

 

 

ฉินหร่านปรายตามองป้าจาง หนิงฉิง และฉินอวี่ 

 

 

แสงในห้องที่สลัวตกกระทบใบหน้าของเด็กสาว ทำให้ดวงตาดูแดงก่ำยิ่งขึ้น ตาที่หรี่ลงเล็กน้อยฉายแววมุ่งมั่นถือดีราวกับเจ้าของดวงตาจะทะลุผ่านขอบฟ้าต่อหน้าทุกคน 

 

 

ท่าทางของฉินหร่านยะโสอวดดี รอยยิ้มนั่นส่อแววเย้ยหยัน ส่วนดวงตาฉายความเป็นปีศาจออกมา 

 

 

“ฉินหร่าน ลูก…” ผู้เป็นแม่อ้าปากจะพูด 

 

 

ก่อนหน้านี้ยังเรียกว่า หร่านหร่าน แต่ตอนนี้กลับเรียกว่าฉินหร่าน 

 

 

“อะไรคะ” ลูกคนโตชะงักไปแป๊บเดียว ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปหยิบไวโอลินมาชั่งน้ำหนักดูในมือ ก่อนจะค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะ 

 

 

เธอหันหลังไปด้วยอารมณ์โมโหขุ่นเคือง แล้วเตะเก้าอี้ไปให้หนิงเว่ย 

 

 

“คุณป้า นั่งได้แล้วค่ะ” ฉินหร่านพูด 

 

 

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เป็นความเงียบที่แปลก สายตาของทุกคนจับจ้องมาในทิศทางนี้ 

 

 

ผู้เป็นป้าตัวแข็งทื่อด้วยความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “ไวโอลินนั่น…” 

 

 

ป้าจางได้สติบ้างครั้งนี้ “นั่นมันไวโอลินของคุณหนูนะ!” 

 

 

“ใครสนไอ้ไวโอลินนี่กัน ฉินอวี่มาเพื่อทานข้าว จะหยิบไวโอลินมาทำไม” คนเป็นพี่แลบลิ้นมาแตะริมฝีปาก แล้วคลี่ยิ้ม ดวงตาคู่นั้นแดงกว่าเดิมเสียอีก และภายใต้แสงที่ไม่สว่างนัก คิ้วเรียวงามมุ่นเข้าหากันราวกับปีศาจ “ป้านี่น่ารำคาญสุดๆ ไว้หนูจะซื้อใช้ให้อีกร้อยคันเลย ถ้าไอ้นี่มันพัง” 

 

 

เด็กสาวคิดว่าเธออดทนมามากแล้ว 

 

 

เพราะทั้งหนิงฉิง และแม่บ้านตระกูลหลินช่างน่าสมเพชเหลือเกิน 

 

 

ยืนอยู่บนยอดปีระมิดทุกวัน เพื่อมองดูคนอื่นๆ พวกนี้ไม่เบื่อมั่งหรือไง 

 

 

ทั้งห้องไม่มีใครพูดอะไร 

 

 

กลุ่มญาติๆ ยังคงเงียบปากสนิท 

 

 

เด็กสาวหน้าสวยเชิดคาง หรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นบริกรเดินผ่านประตู จึงเอนหลังพิงโต๊ะ เชิดคาง และดีดนิ้ว “เสิร์ฟอาหารไวๆ เข้า!” 

 

 

หลังจากอาหารเย็น ผู้ที่สร้างความเงียบพาหนิงเว่ยและเฉินซูหลานออกจากงานไปก่อน ส่วนผู้เป็นม่ยังคงรับหน้าญาติๆ อยู่ 

 

 

ญาติเหล่านี้เดิมทีก็มาเพราะหนิงฉิงอยู่แล้ว ไม่ได้จะมาเยี่ยมหญิงชรา เพราะฉะนั้นจึงเข้าทางพวกเขา 

 

 

ภายในห้อง หลังจากที่ฉินหร่านออกไป บรรยากาศก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง 

 

 

ฉินอวี่ยิ้ม ยกแก้วด้วยท่าทีสง่างามมากๆ “ต้องขอโทษแทนพี่สาวหนูด้วยนะคะ” 

 

 

ญาติกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานะดี พวกนี้รู้ชัดว่าหนิงฉิงไม่ได้ต้องการลูกคนโตแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว 

 

 

“พี่สาวหนูก็เป็นแบบนี้แหละ” ป้าอีกคนรีบโบกไม้โบกมือทำท่าเอือม พร้อมเม้มปาก “ในอายุสิบหก แม่นั่นก็ไปฟาดหัวคนอื่นแล้ว ป้าได้ยินมาว่าเจ้าหมอนั่นถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ตำรวจต้องรีบมาเลย” 

 

 

ฉินหร่านต่อสู้เก่ง และเรื่องทะเลาะวิวาทแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ครั้งสุดท้าย ญาติพวกนี้เห็นว่าเด็กสาวจอมป่วนได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วย 

 

 

เด็กนั่นไม่ได้ตีรันฟันแทงแบบนั้นแล้ว แต่ยังดุดันร้ายกาจเหมือนเดิม ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมญาติๆกลุ่มนี้ถึงยังกลัวเธออยู่ 

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนิงฉิงหน้าดำคร่ำเครียด 

 

 

ไม่มีใครเคยบอกเธอเรื่องตำรวจ 

 

 

“หลานคนโตจ๊ะ ป้าจางคนนี้คือ…” ป้าคนเดิมการแสดงออกของหญิงชราอีกคนแล้ว จึงรีบเข้าเรื่อง แล้วยิ้มหวาน 

 

 

“นี่คือคุณแม่บ้านจางค่ะ เป็นคนดูแลบ้านให้กับตระกูลหลิน” หนิงฉิงหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมุมปาก 

 

 

ท่าทีของญาติกลุ่มนี้ที่มองคุณนายหลินและลูกสาวเปลี่ยนไป “ดูสิ ครอบครัวนี้ดีขนาดไหน มีคนรับใช้มาในงาน…” 

 

 

ฉินอวี่ออกไปเข้าห้องน้ำ โดยมีป้าจางเดินตามหลังมาทันที 

 

 

น้ำเสียงของแม่บ้านแสดงความเหยียดหยันตอนที่พูดขึ้นว่า “คุณหนูคะ ต่อไปอย่าให้คุณฉินเห็นไวโอลินแล้วนะคะ เกิดทำพังขึ้นมา เป็นคุณหนูนั่นแหละที่จะต้องมานั่งกลุ่ม แม่นั่นยังมีหน้ามาพูดว่าจะซื้อใช้ให้อีกร้อยคัน คันหนึ่งจะมีปัญญาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” 

 

 

คุณหนูน้อยเจ้าของไวโอลินก้มหน้าลงไปล้างมือ เธอยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของแม่บ้าน 

 

 

** 

 

 

“แม่คะ คุณป้าและฉินอวี่ยัง…” มู่หยิงแอบชำเลืองดูห้องจัดงาน ลังเลใจว่าจะออกมาดีหรือไม่ 

 

 

หนิงเว่ยส่ายหน้า ฉินอวี่และหนงฉิงไม่ต้องการสานสัมพันธ์อะไรกับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนลูกคนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอีก “ไม่ต้องคิดแล้ว กลับบ้านกัน” 

 

 

เด็กสาวก้าวเดินช้าๆ จังหวะฝีเท้าเนิบนาบ 

 

 

ฉินหร่านเดินตามหลังสองคนแม่ลูก มือกอดอกไว้ 

 

 

พวกเขาพาผู้อาวุโสเฉินไปที่โรงพยาบาล แล้วอยู่พูดคุยด้วยอีกพักใหญ่ 

 

 

มู่หยิงได้แต่มองดูสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักผู้ป่วย 

 

 

หลังเดินออกมาจากห้องคนไข้ เด็กสาวหน้าสวยหันหลังกลับไปมองมัน 

 

 

“หร่านหร่าน เรื่องคืนนี้…” ผู้เป็นป้าเอ่ยปากขึ้น 

 

 

“หนูทำอะไรผิดคะคืนนี้ แม่เขาต่างหากเสียสติหรือเปล่า” ภายใต้แสงไฟ สายตาของเด็กยาวยังเกรี้ยวกราดและเย็นชา เธอทำเสียงหึในลำคอ “แม่รู้ไหมบ้างไหมว่าป้าขาบาดเจ็บตอนที่ต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อหาเงินส่งแม่เรียน” 

 

 

หนิงเว่ยเงียบไป 

 

 

เด็กสาวนวดขมัยเธอ เสียงอ่อนลง “คุณป้า หนูขอโทษ หนูไม่ได้โกรธป้านะคะ” 

 

 

“ป้าก็ไม่ได้โกรธ ป้ารู้หนูทำเพื่อป้า แต่หร่านหร่าน แม่หนูไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องที่ลุงหนูเข้าโรง’บาล แม่หนูก็จัดดการเป็นธุระให้ทั้งหมด หร่านหร่าน แม่หนูไม่ได้ติดค้างอะไรป้าเลย” ผู้เป็นป้ายิ้ม แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวหลานสาว ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “อีกอย่าง ป้าไม่อยากให้หนูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับแม่ สุดท้ายแล้ว ก็เป็นแม่ลูกกัน” 

 

 

ใต้แสงไฟนั้น คิ้วของผู้เป็นหลายช่างดูเฉยเมย 

 

 

ตอนนี้ แม่ของเธอต้องการจะผูกสัมพันธ์กับพวกญาติกลุ่มนี้ให้มากเข้าไว้ และไม่ต้องการลูกสาวคนโตอีกต่อไปด้วย หนิงฉิงกลัวว่าญาติพวกนี้จะไปสร้างปัญหาที่บ้านตระกูลหลิน 

 

 

เด็กสาวไม่อยากจะพูดเรื่องพวกนี้กับป้าเธอ 

 

 

“มู่หยิงและมู่หนานกำลังจะมาเรียนที่อี่จงใช่ไหมคะ” เด็กสาวหน้าสวยส่งเงินสองพันหยวนในกระเป๋าสตางค์ให้กับป้า “ป้ารับไว้ก่อน พอมู่หยิงกับมู่หนานไปเรียนที่โรงเรียน จะเรียนๆ เล่นๆ ไม่ได้แล้ว อย่าให้มู่หนานต้องทำงานเลยค่ะ นี่เงินที่หนูหาเอง ไม่ได้ได้มาจากแม่” 

 

 

“ป้าไม่ต้องการเงินนี่ หนูเก็บไว้เถอะ หรือไม่ป้าจะซื้อเสื้อผ้าให้หนูสักสองชุดละกัน” สายตาผู้เป็นป้ามองไปที่เสื้อผ้าของหลานสาว 

 

 

หลานสวยขบฟัน มีแต่ป้าคนนี้เท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้ 

 

 

ครั้งก่อน ฉินหร่านโอนเงินเข้าบัญชีหนิงเว่ยไปแสนหนึ่ง  

 

 

ตอนนี้ในบัญชีนั้นมีเงินเกือบหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแล้ว 

 

 

ไม่ได้ใช้เงินไปสักหยวน 

 

 

ป้าหนิงคงจะเก็บไว้เป็นเงินสำรอง 

 

 

หลานสาวไม่ได้พูดอะไร แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋าตามเดิม สองวันหลังจากนั้นจะเป็นวันหยุด เธอจะไปบ้านป้าเพื่อดูความเป็นอยู่ ฉินหร่านอาจใช้เงินติดแอร์ให้ เพราะหนิงเว่ยไม่มีเงินพอจะทำแบบนั้นแน่ 

 

 

“โอเคค่ะ คุณป้าทานยาหมดหรือยังคะ” เด็กหน้าสวยเพิ่งนึกอีกเรื่องได้ 

 

 

แล้วใช้มือคลำกระเป๋ากางเกงตัวเอง 

 

 

จากนั้นฉินหร่านก็หยิบขวดที่มียาสีขาว ซึ่งกู้ซีฉือเป็นคนให้มา ส่งให้ผู้เป็นป้า 

 

 

ตอนนี้ หนิงฉิงกำลังรีบ คนขับรถของบ้านคงส่งลูกสาวคนเล็กของเธอกลับไปแล้ว ทำให้เป็นคุณชายตระกูลหลินที่เป็นมากับเธอ 

 

 

“แม่หลับหรือยัง คุยอะไรกันอยู่น่ะ” หนิงฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถามขึ้น 

 

 

มู่หยิงรีบตอบทันที “คุณป้าค่ะ คุณยายหลับไปแล้วค่ะ ตอนนี้ฉินหร่านกำลังเอายาให้แม่อยู่” 

 

 

หญิงที่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาลขวมดคิ้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนเย็นทำให้เธอต้องเสียหน้า ตอนนี้อยู่ต่อหน้าลูกเลี้ยง หนิงฉิงจึงพยายามสงบอารมณ์ไว้ 

 

 

แต่ลูกสาวตัวดีกลับทำหน้ายุ่ง เอียงคอและทำทีเย้ยหยัน ช่างเป็นกิริยาที่เหยียดหยาม เยาะเย้ยและโอหังสุดๆ  

 

 

ดูเหมือนผู้เป็นแม่จะถูกจี้จุดเข้าให้ ราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ แล้วระเบิดออกมา 

 

 

หนิงฉิงขึ้นเสียงสูง “ฉินหร่าน แกยังทำตัวเหมือนปู่ของแก ที่เล่นยาทุกวันเหรอ ฮะ? ปู่แกน่ะเล่นยาจนตายไปแล้วคนหนึ่ง ช่างหัวแกเถอะ ถ้าพวกบ้าๆ อย่างแกอยากจะทำร้ายตัวเอง แต่ตอนนี้ยังมาทำร้ายป้าด้วยงั้นเหรอ” 

 

 

ทั้งมู่หยิงและคุณชายหลินต่างไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน จึงได้แต่อึ้งไป 

 

 

“นั่นยาที่ประเทศเรากำลังทดลองอยู่ต่างหากล่ะ” ลูกสาวเจ้าปัญหาเงยหน้า แล้วพูดเน้นทีละคำ “หนู ไม่ ได้ บ้า” 

 

 

พอถึงตอนนี้ แม้แต่ผู้เป็นแม่ก็เงยหน้าขึ้นด้วยความลังเล แล้วมองไปที่ลูกสาว