ตอนที่ 22 นายน้อยเจวี้ยนถามว่า คุณหาว่าใครบ้า

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“พี่ พูดบ้าอะไรน่ะ!” หนิงเว่ยรั้งแขนเสื้อของพี่สาว ท่าทีเป็นกังวล 

 

 

“หร่านหร่าน” ผู้เป็นแม่พูดรู้ตัวว่าพูดไปไม่ได้คิด และตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจ 

 

 

“อย่ามาเรียกหนูแบบนั้น” เด็กคนนี้ผอมสูง สูงกว่าผู้เป็นมารดาเล็กน้อย เด็กสาวจึงก้มตัวลงเล็กน้อย สายตาเย็นชา “หนูสนิทกับแม่ขนาดนั้นเหรอ” 

 

 

หนิงฉิงเริ่มพูดออกอีกครั้ง เธอจิกเล็บจนข้อมือปูดขึ้นมา “แม่เข้าใจผิดไปเรื่องนี้ แต่แม่ก็ทำเพื่อลูกนะ อย่าเดินตามรอยเท้าปู่เด็ดขาด ลูกยังเรียนที่โรงเรียนอี่จง จะมีใครหน้าไหนใส่ใจลูกเท่ากับแม่กัน” 

 

 

“หนูไม่ต้องการให้แม่มาควบคุม” ผู้เป็นลูกเบือนหน้าหนี เธอหรี่ตาแดงก่ำดังเลือดของเธอ พร้อมเลิกคิ้วที่แสดงความดุดันและขุ่นใจ จากนั้นก็เอื้อมมือไปตบไหล่ผู้เป็นแม่ “นอกจากยายแล้ว ไม่มีใครคุมหนูได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าหนูจะเป็นหรือตาย จะไปเรียนที่ไหน จะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือไม่ ก็ไม่ใช่ธุระของแม่ เก๊ตไหม” เธอยิ้ม 

 

 

ตอนที่พูด ฉินหร่านพูดเน้นทีละคำชัดๆ โดยไม่รีบร้อน 

 

 

หลังจากที่พูดเสร็จ สาวหน้าสวยกลับหลังแล้วเลิกคิ้วให้น้าและลูกพี่ลูกน้อง พวกนั้นรีบเดินตามเธอไปทันที 

 

 

หนิงเว่ยเองก็รู้สึกกังวลที่ไม่ได้ร่ำลาน้องสาวก่อน 

 

 

ด้านนอกประตูโรงพยาบาล ใบหน้าที่ถูกแต่งมาอย่างประณีตซีดลงอยู่พักใหญ่ แม้แต่ปลายนิ้วของเธอก็สั่นเทา 

 

 

ลูกเลี้ยงหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ สายตาชำเลืองไปยังทิศทางที่สมาชิกคนใหม่ของบ้านอยู่ 

 

 

เหมือนครั้งแรกที่เขาได้เห็นดวงตาคู่นั้น มันช่างมืดมนและเย็นเยียบ 

 

 

ท่าทางอันแข็งแกร่งปรากฏให้เห็นในบุคลิกอย่างชัดเจนหนักแน่น 

 

 

คุณชายหลินเพิ่งทำธุระเสร็จจึงมารับแม่เลี้ยง และจะได้มาขอโทษฉินหร่านไปในตัวด้วย ตอนเย็นนั้น น้องคนโปรดของเขารบเร้าให้พี่ชายรีบไป ประกอบกับที่เขาเองก็ยุ่ง จึงได้ลืมฉินหร่านไป 

 

 

“ป้าหนิงครับ ป้ายังต้องไปเยี่ยมคุณยายเฉินสินะ ผมมีธุระต้องทำ เพราะฉะนั้นคงไม่ได้ขึ้นไป” เขายิ้มแล้วหยุดไป “จริงๆ ผมไม่ควรก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวคุณป้า แต่สุดท้าย การวิจารณ์ลูกสาวตัวเองแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย จริงไหมครับ” 

 

 

 

 

 

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ ชายหนุ่มก้มศีรษะเล็กน้อยให้เธอ แล้วกลับหลังไปพร้อมโทรศัพท์ 

 

 

หลินจิ่นเซวียนเปิดประตูรถ แล้วเข้าไปด้านใน 

 

 

เขาพิงมือบนพวงมาลัย ตัวสั่นเล็กน้อย เรียวนิ้วยาวนั้นชี้ตรงเกาะกุมพวงมาลัย 

 

 

ดวงตาหรี่ลง 

 

 

ชายหนุ่มไม่ลืมสิ่งที่ฉินหร่านพูดก่อนหน้านี้ ที่บอกว่ายานั้นเป็นยาที่รัฐบาลวิจัยในห้องทดลอง มันหมายความว่ายังไงกันนะ 

 

 

หากมองผิวเผิน ดูเหมือนยานั้นยังไม่ได้รับการแจกจ่าย และคงมีจำนวนจำกัด 

 

 

ถ้างั้นแปลว่า มีไม่กี่คนที่จะได้รับยานี้ 

 

 

เขาเคยตรวจประวัติของแม่เลี้ยงมาก่อนเมื่อสิบสองปีที่แล้วตอนที่หล่อนแต่งงานกับพ่อเขา แล้วก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่ทำให้เขาต้องจับตามองเป็นพิเศษเลย ดังนั้น คุณชายหลินจึงไม่ได้สนใจการแต่งงานครั้งนั้นนัก 

 

 

ระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่ ชายหนุ่มมองเห็นเด็กสาวคนสวยอยู่ป้ายรถเมล์กับหนิงเว่ย 

 

 

เขาจึงหยุดรถ แล้วลดกระจกลง 

 

 

คิ้วคู่นั้นเกิดมาพร้อมแววความเฉยเมยและองอาจ ทว่าน้ำเสียงเขากลับนุ่มนวล “ฉินหร่าน พวกเธอกำลังจะไปไหน ฉันไปส่งเพื่อเป็นการไถ่โทษละกัน” 

 

 

รถยนต์ของชายหนุ่มคือ รถไมบัคสีดำ 

 

 

มือซ้ายคุณชายหลินยังวางบนพวงมาลัย ข้อมือที่โผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อยเผยให้เห็นนาฬิกาบุลการี 

 

 

แม้แต่ใบหน้านั้นก็ยังดูแพง 

 

 

มู่หยิงมองไม่เห็นยี่ห้อชัดเจน แต่เธอสามารถมองเห็นความดูดีมีตระกูลที่ฉายออกมาได้ เด็กน้อยยังไม่เคยขึ้นรถหรูแบบนี้มาก่อน 

 

 

เธอมองไปยังฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เด็กหน้าสวยก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ 

 

 

ร่างบางนั่งอยู่บนม้านั่งที่ป้ายรถเมล์ ชันชาขึ้นอย่างสบายอารมณ์ 

 

 

ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ 

 

 

ชายหนุ่มไฮโซเคยลิ้มรสความเฉยเมยของสาวเจ้า แถมยังถูกเมินใส่มาก่อน 

 

 

“โอเค งั้นสาวๆ ระวังตัวด้วย ส่งข้อความมาด้วยตอนถึงโรงเรียน” เขาตอบอย่างสุภาพ 

 

 

ฉินหร่านไม่พูดอะไร 

 

 

เธอเมินใส่เขา 

 

 

ยังเล่นเกมต่อ 

 

 

โดยไม่ยี่หระอะไรเลย 

 

 

“ระวังความปลอดภัยด้วย” หลินจิ่นเซวียนดูที่บอสสาวที่นั่งชันขาขึ้นอยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ หนุ่มหล่อคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขับรถออกไป 

 

 

เมื่อเขาไปพ้นตา มู่หยิงที่สงสัยมานานแล้ว จึงพูดขึ้น “เปี่ยวเจี่ย นั่นเพื่อนเหรอคะ” 

 

 

“คนตระกูลหลินน่ะ” ลูกพี่ลูกน้องคนสวยยังคงเล่นเกมต่อไป น้ำเสียงราบเรียบ 

 

 

ตระกูลหลินเหรอ 

 

 

ตระกูลหลินที่รวยล้นฟ้า ที่ป้าหนิงแต่งงานเข้าไปน่ะเหรอ 

 

 

มู่หยิงคิด นั่นคือคุณชายตระกูลหลินเหรอ 

 

 

บนถนนหมายเลขสิบสองด็กสาวพูดขึ้น “เปี่ยวเจี่ย รถโรงเรียนอี่จงอยู่นี่แล้ว หนูจะส่งพี่กับแม่กลับก่อนละกัน พี่เป็นผู้หญิง…” 

 

 

“รอรอหกสองสาม พี่จะส่งเธอก่อน” อีกฝ่ายตัดบท 

 

 

** 

 

 

คุณนายตระกูลหลินยังยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล มันเป็นช่วงดึกทำให้มีคนผ่านไปผ่านมาไม่เยอะ 

 

 

แต่หล่อนยังรู้สึกขายหน้าอยู่ 

 

 

หลังจากโดนลูกตัดสัมพันธ์ แถมโดนลูกเลี้ยงเทศนา หนิงฉิงรู้สึกราวกับทุกคนจับตาเธออยู่ เธอกัดริมฝีปาก แล้วเดินก้มหน้า รีบเข้าโรงพยาบาลไป 

 

 

ด้วยความที่เดินเร็ว หญิงไฮโซจึงไม่ทันสังเกตว่า ตอนที่เธอขึ้นลิฟต์ไปนั้น ไม่มีใครอยู่แถวนั้นสักคน 

 

 

ตอนนี้ เพิ่งจะสามทุ่มเท่านั้น 

 

 

แม้ว่าโรงพยาบาลตอนกลางคืนจะมีคนน้อย แต่ปกติชั้นนี้มีคนไข้ ญาติผู้ป่วย หมอและพยาบาลเป็นจำนวนมาก 

 

 

หลังจากออกมาจากลิฟต์ หนิงฉิงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมากๆ 

 

 

มันไม่ควรจะเงียบเชียบขนาดนี้ มันเกือบจะเงียบกริบอยู่แล้ว 

 

 

เธอเสียวสันหลังวาบ 

 

 

ข้างหน้าดูเหมือนมีอะไรบางอย่าง คุณนายจึงรีบเงยหน้าขึ้น 

 

 

สิ่งแรกที่คุณนายหนิงเห็นคือ ผู้ชายคนหนึ่งที่มีโทรศัพท์ในมือ กำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเขา 

 

 

ความเยียบเย็นของอีกฝั่งแทบจะฟาดฟันเธอเข้าอย่างจัง 

 

 

สายตาของผู้หญิงดีดูจับจ้องไปยังผู้ชายที่อยู่ในความมืด 

 

 

ชายผู้นั้นกำลังยืนพิงกำแพง มือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือควงมีดผ่าตัดเล่น นิ้วมือของชายหนุ่มขาวและปรากฏชัดเจนใต้แสงไฟ ข้อนิ้วนั้นเรียบเนียนสวยงาม 

 

 

มีดผ่าในมือค่อยๆ หมุนช้าๆ 

 

 

ใบหน้านั้นยังคงก้มต่ำ แต่หนิงฉิงยังสามารถเห็นใบหน้าสวยได้ 

 

 

แม้ว่าอาจจะดูเป็นโอกาสที่พิลึกสักหน่อย กระนั้นเธอก็ยังอึ้งในความงามของเขา 

 

 

ไม่ว่าคุณนายจะรู้สึกมึนตื้บแค่ไหน เธอก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

 

หนิงฉิงค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ควานมือหามือถือที่อยู่ในกระเป๋า และพูดด้วยความระแวง “พวกแกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” 

 

 

ก่อนที่หญิงสาวจะทำอะไรได้ ลู่จ้าวอิ่งก็ชิงแย่งมือถือไปเสียแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มแตะตุ้มหู ควงมือถือด้วยปลายนิ้ว เขาก้มตัวลงครึ่งหนึ่ง แล้วใช้มือถือแตะบนใบหน้าของอีกฝ่าย 

 

 

นายน้อยลู่เอียงคอ ยิ้มอย่างเย็นชาเ**้ยมเกรียม “นายน้อยเจวี้ยน เธอกำลังถามพวกเราแน่ะ” 

 

 

ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชายที่เล่นมีดผ่าตัดหยุดเล่นทันทีทันใด 

 

 

คุณนายไม่กล้าขยับเขยื้อน มันรู้สึกราวกับหัวใจนั้นถูกบางอย่างบีบไว้แน่น 

 

 

เส้นเลือดที่อยู่บนนิ้วที่กำแน่นนั้นราวกับจะปูดทะลุออกมา 

 

 

ที่นี่คือโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองอวิ๋นเฉิง เพราะฉะนั้นไอ้พวกนี้ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ได้ 

 

 

ยังไม่นับว่าชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยวีไอพี 

 

 

ที่มีการควบคุมดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง 

 

 

การจะทำให้พื้นที่โล่ง และได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลได้…เธอไม่รู้ตัวว่าไปยุ่งกับคนที่ใหญ่โตขนาดนี้เข้าตอนไหน 

 

 

ตอนที่แต่งเข้าตระกูลหลิน ภรรยาคนนี้จะระมัดระวังตัวและกลัวที่จะทำพลาดอยู่เสมอ 

 

 

ตอนนี้ เธอกำลังตื่นตระหนกสุดๆ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าขึ้น ใบหน้านั้นยังคงหล่อเหลา ดวงตาใสคู่นั้นหรี่แคบลง 

 

 

หญิงอีกฝั่งราวกับไม่เคยเห็นใครในอวิ๋นเฉิงที่มีหน้าตาแบบนี้มาก่อน 

 

 

นิ้วมือของหญิงสาวสั่นเทิ้ม อีกฝั่งยังไม่จำเป็นต้องลงมืออะไรด้วยซ้ำ แค่สายตาที่ชำเลืองมาที่เธอก็ทำให้ขาดใจแทบไม่ออกแล้ว 

 

 

เมื่อประโยคสิ้นสุดลง ผู้ช่วยหนุ่มหัวเราะหึๆ 

 

 

หนุ่มรูปงามก้มหน้ามองต่ำ หลังผ่านไปสักพัก เขาก็โยนมีดมาให้ชายผู้ช่วย แล้วหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋า 

 

 

ใต้แสงไฟบริเวณทางเดิน เผยให้เห็นรูปร่างเพรียว และตาคู่งามของชายหนุ่ม 

 

 

ชายหน้าหล่อคนเดิมยังคงจ้องหนิงฉิง แล้วคลี่ยิ้ม เสียงของเขาเบา เนิบ ทว่าแฝงด้วยความโหดเ**้ยม “เมื่อกี๊ คุณหาว่าใครบ้า”