ตอนที่ 24 ฉันไม่ขายจิตวิญญาณ

เดิมพันเสน่หา

ตั้งแต่ตอนที่อวี้หลานซีอายุสิบขวบ เธอก็สาบานกับตัวเองแล้วว่าจะเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย จะเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง 

 

 

ท่าทีของหนานกงเยี่ยที่มีต่อเธอก็พิเศษ สิ่งที่เขาทำกับเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นก็คือ เขาไม่เคยยิ้มด้วยความจริงใจให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เขายิ้มให้แค่กับเธอคนเดียว สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงรู้สึกสิ้นหวังมาโดยตลอด เพราะระหว่างหนานกงเยี่ยและเธอนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบจะมีระยะห่างบางอย่าง ระยะห่างนั้นเป็นระยะห่างที่เธอไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ และระยะห่างนั้นก็ทำให้เธอทนไม่ได้และหมดเรี่ยวแรง 

 

 

เธอจับจ้องเหลิ่งรั่วปิงอยู่นาน อวี้หลานซีเอ่ยพูดเสียงเรียบ “คุณสวยมากเลยค่ะ” ในคำพูดนี้มีความผิดหวังเคล้าอยู่ด้วย เธอรู้สึกเศร้าจากใจจริง เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ ไม่แปลกเลยที่หนานกงเยี่ยจะเลือกเธอ 

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้หลานซีไม่ได้ประสงค์ร้ายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเธอกลับเหมือนลูกแมวที่โดนทำร้าย เหลิ่งรั่วปิงจึงไม่ได้ตั้งแง่กับเธอ เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่คนใจดี เธอไม่สงสารใครโดยไม่มีเหตุผล แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายที่ไม่ได้ประสงค์ร้ายกับตนด้วยเช่นกัน 

 

 

“ขอบคุณนะคะ” เหลิ่งรั่วปิงพูดตอบกลับเสียงเรียบ 

 

 

“พวกเราคุยกันหน่อยได้ไหมคะ” อวี้หลานซีมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงอย่างคาดหวัง กลัวว่าเธอจะปฏิเสธเหลือเกิน 

 

 

“คุยอะไรคะ” เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน เธอไม่คิดว่าผู้หญิงที่เป็นแค่เมียเก็บจะสามารถกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องได้ แล้วจะมีเรื่องอะไรให้น่าคุยล้ะ พูดคุยกันว่าจะทำยังไงถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขงั้นหรอ 

 

 

“ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องเยี่ย” เยี่ยที่เธอพูดถึง แน่นอนว่าคือหนานกงเยี่ย 

 

 

“ฉันไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเอามาคุยเท่าไหร่นะคะ” เหลิ่งรั่วปิงปฏิเสธเสียงเรียบ “เขาเป็นเสี่ยเลี้ยงดูของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์มาพูดรับหลังเขา” 

 

 

“คุณเห็นเขาเป็นแค่เสี่ยเลี้ยงดูเท่านั้นหรอคะ” 

 

 

“งั้นจะให้เป็นยังไงคะ” 

 

 

อวี้หลานซีมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงอย่างกระวนกระวาย “คุณไม่ชอบเขาเลยสักนิดหรอคะ” 

 

 

หนานกงเยี่ยเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมาก ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบเขาล้ะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้หญิงที่โชคดีได้รับความเอาใจใส่จากเขาอีก” 

 

 

“ไม่ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพูดสั้นๆ แต่เพียงแค่คำพูดเดียวก็สื่อความหมายของเธอออกมาอย่างชัดเจน 

 

 

อวี้หลานซีมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงนิ่งๆ เธอไม่เชื่อในคำพูดของเหลิ่งรั่วปิง เธออยากจะมองเห็นคำโกหกจากแววตาคู่นั้น แต่ว่าเธอกลับมองไม่เห็น เพราะเหลิ่งรั่วปิงจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาแน่วแน่ ชัดเจน บอกกับเธออย่างเย็นชา ว่าเธอไม่ชอบหนานกงเยี่ย 

 

 

นานครู่หนึ่ง อวี้หลานซีเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรค่ะ ผู้หญิงที่เขาเอามาเลี้ยงก็ไม่เคยเกินสองเดือน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่พวกคุณก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันชั่วคราว เหมือนอย่างที่โบราณว่าเอาไว้ สามีภรรยามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น คุณช่วยดีกับเขาหน่อยได้ไหมคะ” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เธอคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าอวี้หลานซีจะขอร้องเรื่องนี้ จากนั้นเธอก็มองไปที่อวี้หลานซีด้วยความสงสาร รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โง่มาก หรือว่าความรักของเธอจะเกินกว่าการครอบครองเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าการที่เธอรักผู้ชายคนหนึ่ง จะรักจนถึงขั้นนี้ได้ ไม่ถือสาที่เขาเลี้ยงผู้หญิงเอาไว้ และยังหวังให้ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงนั้นทำดีกับเขาหน่อย เหลิ่งรั่วปิงควรจะบอกว่าเธอน่านับถือ หรือจะบอกว่าเธอน่าสงสารดี?” 

 

 

“คุณเหลิ่งคะ เยี่ยเป็นคนที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง อันที่จริงเขาเป็นคนที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว งั้นก็ช่วยเป็นห่วงเขาหน่อย ได้ไหมคะ” แววตาของอวี้หลานซีเผยความจริงใจ และเคล้าไปด้วยการร้องขอ 

 

 

อันที่จริงเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนใจแข็งมาก เธอผ่านเรื่องที่เจ็บปวดและทรมานมามากมาย เธอไม่ใช่คนที่จะถูกเรื่องอะไรมาทำให้หวั่นไหวได้ง่ายๆ ดังนั้น สำหรับความรักที่น่าเศร้าของอวี้หลานซี เธอไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด 

 

 

ด้วยเหตุนี้เธอจึงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวพูดด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องแบบนี้คุณอวี้เป็นคนจัดการเถอะค่ะ ฉันเป็นแค่เมียเก็บ ที่รับเงินจากเสี่ยเลี้ยงดู ฉันขายร่างกาย แต่ไม่ขายจิตวิญญาณ”