เล่มที่ 1 บทที่ 24 ดูดีใช่ว่าจะกินแทนข้าวได้

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวผงะทันที ก่อนเอื้อมมือคลำใบหน้าตัวเอง “เป็นอะไรไป? บนหน้าข้ามีอะไรติดอย่างนั้นหรือ?”

เซียวจื่อเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่อย่างตั้งใจ ใบหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่งดงามกว่าดอกไม้เสียอีก ทั้งขาวและสะอาดหมดจด

“บนหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่มีอะไรเลย สะอาดมากทีเดียว”

กล่าวจบ นางจึงหันมองเซียวจื่อเซวียนด้วยท่าทีสงสัย ก่อนเอ่ยถามเสียงใส “พี่รอง ทำไมท่านถึงไม่กินล่ะ?”

เซียวจื่อเซวียนเพิ่งตอบสนอง รีบยื่นมือไปรับข้าวจากมือเซี่ยยวี่หลัว ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ก้มหน้าก้มตากินอาหาร เขากินเร็วมาก ไม่ทันระวังจึงสำลักอาหาร

เดิมทีคิดว่าเขาจะไอแค่ครั้งสองครั้ง เซี่ยยวี่หลัวจึงเอ่ยเตือนให้เขากินช้าๆ ทว่า เมื่อเห็นเขาใช้มือปิดปากไอต่อเนื่องหลายครั้ง เซี่ยยวี่หลัวจึงรีบลุกขึ้นช่วยตบหลังให้เขาเบาๆ

หลังจากตบหลังครู่หนึ่งอาการไอจึงทุเลาลงมาก เซี่ยยวี่หลัววิ่งไปห้องตัวเอง เทน้ำมาถ้วยหนึ่ง หลังเป่าจนเย็น ก็ใช้มือหนึ่งลูบหลังให้เขา อีกมือหนึ่งถือถ้วยป้อนน้ำให้เซียวจื่อเซวียน พลางกล่าวเป็นเชิงตำหนิ “เจ้าเป็นอะไรไป กินข้าวยังสำลักได้ขนาดนี้…”

แม้จะเป็นการตำหนิ แต่วาจาเต็มไปด้วยความห่วงใย

เซียวจื่อเซวียนดื่มน้ำอุ่นที่เซี่ยยวี่หลัวป้อนลงไปครึ่งถ้วย ในที่สุดก็หยุดไอ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำเพราะการไออย่างรุนแรง หยาดน้ำตาไหลริน เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เขา “รีบเช็ดหน้าเร็ว”

เซียวจื่อเซวียนรับมาเช็ดหน้า ตอนส่งคืนให้เซี่ยยวี่หลัว จึงพบว่าตัวเองใช้สิ่งของของนาง บนนั้นมีคราบน้ำตาของเขา และอาจยังมีน้ำมูกเล็กน้อยด้วย

นี่นางให้ตนเองใช้ของของนางงั้นหรือ?

เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของเซียวจื่อเซวียน รับผ้าเช็ดหน้ามา ก่อนเช็ดมุมปากทีหนึ่ง

เซียวจื่อเซวียนผงะไป

เมื่อก่อน เซี่ยยวี่หลัวไม่เคยให้คนอื่นใช้ของของนาง และไม่เคยใช้ของที่คนอื่นเคยใช้แล้ว

แต่เมื่อครู่นี้ เซี่ยยวี่หลัวทำผิดวิสัยถึงสองครั้งติดต่อกัน

ให้คนอื่นใช้ของของนาง ทั้งยังใช้ของที่คนอื่นเคยใช้แล้ว

นี่ไม่ใช่ปกติวิสัยของเซี่ยยวี่หลัวเลย!

หากไม่ใช่เพราะใบหน้านั้นยังคงเป็นใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัว เซียวจื่อเซวียนคงสงสัยว่าเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ยังเป็นเซี่ยยวี่หลัวคนเดิมหรือไม่?

ทว่า เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ เขารู้สึกชอบมากจริงๆ

เซียวจื่อเซวียนไม่ไอแล้ว ก้มหน้ากินข้าว เซี่ยยวี่หลัวเตือนเขาว่ากินข้าวระวังอย่าให้สำลัก ระหว่างกินอาหาร นางคีบผักให้เซียวจื่อเมิ่ง คีบทั้งผักจี้ช่ายและไข่ตุ๋นใส่ในชามของเซียวจื่อเมิ่ง เมื่อเห็นเซียวจื่อเมิ่งกินจนหมด เซี่ยยวี่หลัวก็แย้มรอยยิ้มประหนึ่งดอกไม้ผลิบาน

 “จื่อเมิ่ง เจ้ากินให้มาก โตไปจะได้ทั้งตัวสูงและงดงาม!” เซี่ยยวี่หลัวคีบผักให้เซียวจื่อเซวียน “เจ้าก็กินให้มาก โตไปจะได้ทั้งตัวสูงและหล่อเหลา!”

เซียวจื่อเมิ่งแสดงสีหน้าดีอกดีใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากินข้าวกับผักเยอะ โตไปจะงดงามจริงหรือ?”

เซี่ยยวี่หลัว “แน่นอน ขอเพียงกินข้าวดีๆ ต้องสวยสดงดงามแน่นอน!”

เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัว ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าบ่งบอกความปรารถนา “เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะงดงามเหมือนท่านได้หรือไม่?”

เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัว ก่อนก้มหน้ากินอาหารต่ออย่างรวดเร็ว

เซี่ยยวี่หลัวลูบผมทรงซาลาเปาของเซียวจื่อเมิ่ง กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “โตไปเจ้าจะงดงามยิ่งกว่าพี่สะใภ้ใหญ่เสียอีก! หากเราเดินออกไป ก็จะเป็นบุปผาสองดอกแห่งหมู่บ้านสกุลเซียว ฮ่าฮ่า…”

เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะกินข้าวเยอะๆ พี่รอง ท่านก็ต้องกินข้าวเยอะๆ ต่อไปท่านก็ต้องหล่อเหลา”

เซียวจื่อเซวียนพึมพำ “ดูดีใช่ว่าจะกินแทนข้าวได้”

กินข้าวเพื่อให้ดูดีหรืออย่างไรกัน?

เซี่ยยวี่หลัวขำขัน “แล้วดูไม่ดีจะกินแทนข้าวได้หรือ?”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวตอบ “ไม่ได้อยู่แล้ว!”

 “ไม่ว่าจะดูดีหรือดูไม่ดี ก็ไม่สามารถเอามากินแทนข้าวได้ ใครบ้างไม่อยากดูดี ยิ่งไปกว่านั้น หากดูดี ตัวเองรู้สึกดี คนอื่นก็จะรู้สึกดีตาม จื่อเมิ่ง เจ้ามองใบหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่ อยากกินข้าวเพิ่มอีกชามหรือไม่?” เซี่ยยวี่หลัวไหวคิ้วให้เซียวจื่อเมิ่ง

เซียวจื่อเมิ่งโอบชามที่กินจนหมดเกลี้ยงไว้ด้วยท่าทางอารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าอะไร “เจ้าค่ะ!”

ทั้งสองคนหัวเราะจนต้องกุมท้อง สุดท้ายน่าจะหัวเราะจนปวดท้อง เซี่ยยวี่หลัวอุ้มเซียวจื่อเมิ่งไว้พลางลูบท้องไม่หยุด

เดิมทีเซียวจื่อเซวียนทำหน้านิ่งมาตลอด สุดท้ายก็โดนเซี่ยยวี่หลัวหยอกจนหัวเราะ ถือชามไว้ ก้มหน้าลงหัวเราะไม่หยุด ไหล่ทั้งคู่สั่นอย่างไม่อาจหยุดได้

ในภายหลังเซียวจื่อเมิ่งเพิ่มข้าวอีกเล็กน้อยจริง เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เพิ่มให้นางมากนัก ตักเพิ่มแค่ครึ่งชามเล็ก เด็กยังเล็ก เมื่อก่อนต้องทนหิวบ่อยๆ หากกินมากเกินไปในทันทีทันใด จะไม่ดีต่อกระเพาะ ต้องเพิ่มทีละเล็กทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป

ส่วนเซียวจื่อเซวียนเพิ่มอีกครึ่งชามใหญ่ เด็กผู้ชาย กินมาก เคลื่อนไหวมาก จึงย่อยได้เร็ว

ส่วนเซี่ยยวี่หลัว นางกินไปเกือบหนึ่งชาม กินไข่ไปไม่กี่ช้อน กินผักจี้ช่ายไปไม่น้อย ผักจี้ช่ายที่ทั้งอ่อนนุ่มและหอม เมื่อกินลงไป เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยเด็ก กลิ่นหอมสดชื่นของผักป่าที่แผ่กระจายอยู่เต็มปาก ทำให้นางกินจนหยุดไม่ได้

เซียวจื่อเมิ่งเห็นพี่สะใภ้ใหญ่คีบผักจี้ช่ายไม่หยุด จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่ชอบกินผักจี้ช่ายไม่ใช่หรือ?”

ตะเกียบของเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังคีบผักจี้ช่ายพลันหยุดชะงัก กล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “อย่าง…อย่างนั้นหรือ?”

เซียวจื่อเซวียนก็เงยหน้าขึ้นมองนาง

เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะร่าพร้อมกล่าว “อาจเพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยได้กิน ดังนั้นจึงไม่ชอบ ตอนนี้กินเยอะแล้ว ถึงได้พบว่ารสชาตินี้อร่อยเหลือเกิน อร่อยจริงๆ จื่อเซวียน พรุ่งนี้เจ้าไปเก็บมาอีกหนึ่งตะกร้า”

เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าได้ดีเยี่ยม เซียวจื่อเซวียนเชื่อที่นางกล่าวมา คิดว่านางได้กินแล้วจึงชอบ

เขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย “ได้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปเก็บ”

เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามเขาต่อ “หากคนในหมู่บ้านของเราจะซื้อเนื้อหมู ต้องไปซื้อที่ไหน?”

เซียวจื่อเซวียนไม่หวาดกลัวนางเหมือนตอนแรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงบ่ายวันนี้นางยังปกป้องจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

“ต้องไปซื้อในตัวเมือง”

พูดคุยกับตัวเองแล้ว มีพัฒนาการ!

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่ง ยอมคุยกับตัวเองก็ดีแล้ว ถือเป็นพัฒนาการก้าวใหญ่ทีเดียว

“อ่อ เป็นแบบนี้เอง เช่นนั้นเวลาจะกินเนื้อหมูก็ไม่สะดวกเลย”

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้าพร้อมกล่าว “จะมีช่วงเวลาที่ท่านลุงสี่เข้าไปในตัวเมือง หากมีคนจะซื้อเนื้อหมู สามารถสั่งซื้อกับท่านลุงสี่ได้”

เขาจะเก็บค่าสั่งซื้อจำนวนหนึ่ง

เซี่ยยวี่หลัวขานตอบก่อนกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามท่านลุงสี่ดูว่าเขาจะเข้าตัวเมืองอีกทีเมื่อไร”

เซียวจื่อเซวียนผงะไป “ซื้อเนื้อหมูไปทำอะไร?”

 “กินสิ!” เซี่ยยวี่หลัวกินผักจี้ช่ายหนึ่งคำ ก่อนกล่าว “มีเนื้อหมูเมื่อไหร่ ข้าคิดจะห่อเกี๊ยวหมูใส่ผักจี้ช่ายให้พวกเจ้ากิน!”

เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวอย่างฉับพลัน เซียวจื่อเมิ่งก็เบิกตาสีดำคู่โตจ้องมองเซี่ยยวี่หลัว

เด็กสองคนมองนางด้วยท่าทางตกตะลึง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “เป็นอะไรไป?”

เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามด้วยความตกใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะซื้อเนื้อหมูมากินจริงหรือ?”

นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยกินเนื้อหมูตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติของเนื้อหมูเป็นอย่างไร

 “หากซื้อเนื้อหมูมาไม่กินแล้วจะซื้อมาทำไม? ต้องเอามากินอยู่แล้ว! จื่อเมิ่งนอนน้ำลายไหล เพราะนางร้อนใน ข้าจะซื้อหมูเนื้อแดงกลับมาตุ๋นน้ำแกงให้นางดื่ม! ดื่มน้ำแกงและกินเนื้อหมูแล้วจะทำให้อาการน้ำลายไหลของนางดีขึ้นบ้าง จากนั้นก็ซื้อหมูสามชั้น เรามาห่อเกี๊ยวหมูใส่ผักจี้ช่ายกัน อร่อยจนพวกเจ้าไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิตแน่นอน”

เซี่ยยวี่หลัวมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ว่าสามารถทำให้เด็กสองคนกินแล้วไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต