เปิ่นจุนก็เห็นเจ้าแจ่มใสขึ้นมาแล้ว

กู้ซีจิ่วแทบจะหัวเราะออกมา ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ทันที “ขอบพระคุณในความเมตตาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าค่ะ แต่ซีจิ่วไม่อยากนำทั้งชีวิตของตนไปเดิมพันกับกาสุราใบเดียว”

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เงียบงัน

ดูเหมือนคำตอบของเธอจะอยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นกกัน เขาหลุบตาดื่มชาในมือ ไม่พูดอะไรอีก

ถึงแม้เมื่อครู่กู้ซีจิ่วจะปฏิเสธอย่างรวดเร็วยิ่ง แต่หัวใจก็ยังเต้นผิดจังหวะไปแวบหนึ่ง

เธอรู้ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทำได้ ต่อให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เห็นชอบกับการสมรสนี้ แต่เมื่อเป็นการจัดการของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้…

แต่ว่า เธอกลับไม่อยากฝืนใจ…

เดี๋ยวก่อน! ทำไมเธอนึกถึงคำว่า ‘ฝืนใจ’ ล่ะ?

หรือว่าลึกๆในใจของเธอก็ยังอยากออกเรือนกับตี้ฝูอีอยู่? แต่เป็นเพราะไม่อยากฝืนใจอีกฝ่ายเท่านั้น…

มือของกู้ซีจิ่วที่กุมถ้วยชาอยู่พลันแข็งทื่อ

ทั้งสองนั่งกันอยู่สักพักต่างฝ่ายต่างมีความคิดอยู่ในใจ ค่อนข้างวังเวงอยู่อยู่บ้าง

ดูเหมือนจะมีสายลมพัดโชยเข้ามาจากนอกห้อง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็รู้สึกตัว ตนตามท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เข้ามาทำอะไรกันนะ? มิใช่อยากซักถามข้อสงสัยเหล่านั้นหรอกหรือ?

น่าตายนัก ถูกหัวข้ออื่นเบี่ยงเบนไป จนเธอลืมหัวข้อหลักไปเลย!

“คือว่า…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ ท่านยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยเหล่านั้นที่ข้าถามไปก่อนหน้านี้เลย” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ลากกลับเข้าประเด็นหลัก

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะ “หือ?”

ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูงุนงงอยู่บ้าง วินาทีนั้น เขาดูเหมือนไม่ใช่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเล่ห์ปากร้าย ยิ่งใหญ่สูงส่งผู้นั้นเลย แต่เป็นเด็กน้อยที่สับสนงุนงงคนหนึ่ง

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันเต้นแรง! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเช่นนี้…

เพียงแต่ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สมกับที่เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางเช่นนั้นคงอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เขากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วยิ่ง นัยน์ตาคู่นั้นกลับมาล้ำลึกอีกครั้ง เขาคลี่ยิ้มบางๆ “ข้อสงสัยอันใดเล่า? เปิ่นจุนรับปากว่าจะตอบข้อสงสัยของเจ้างั้นรึ?”

กู้ซีจิ่วเกรงว่าเขาจะเบี้ยว แย้งไปทันที “ก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้านนอก ซีจิ่วถามข้อสงสัยเหล่านั้นกับท่าน แล้วท่านบอกให้ตามท่านเข้ามา…”

“อืม เปิ่นจุนแค่ให้เจ้าตามเข้ามาดื่มชา ไม่ได้รับปากว่าจะตอบคำถามของเจ้า ตอนนี้ชาก็ถูกเจ้าดื่มจนพอแล้ว เปิ่นจุนก็เห็นเจ้าแจ่มใสขึ้นมาแล้ว สามารถไปวิ่งรอบสนามได้แล้ว” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้น กล่าวต่อว่า “เปิ่นจุนเหนื่อยแล้ว เจ้าไปเสียเถอะ”

น่าชังนัก!

กู้ซีจิ่วกำมือแน่น

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองดวงหน้าเล็กๆ ของเธอแวบหนึ่ง “ไม่พอใจมากหรือ?”

กู้ซีจิ่วไม่ตอบ

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จึงกล่าวต่อ “ถ้าเจ้าไม่พอใจก็มาตีเปิ่นจุนเลยสิ”

กู้ซีจิ่วอ้าปากค้าง เธอไม่นึกเลยว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งจะไร้สัจจะได้เช่นนี้!

“ท่านเทพศักด์สิทธิ์เจ้าคะ ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังร้ายกาจมากใช่หรือไม่ ด้วยความสามารถของซีจิ่วไม่มีทางต่อกรได้ ต่อให้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใดก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นท่านถึงได้เลี่ยงคำถามนี้ ไม่แถลงไขแก่ซีจิ่วใช่ไหมเจ้าคะ?”

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ “เจ้าไม่อาจต่อกรได้จริงๆ นั่นแหละ พวกเจ้าอยู่คนละระดับกัน”

“เช่นนั้นเขาคือใครกันแน่เจ้าคะ? ถ้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยออกมาอย่างน้อยซีจิ่วก็จะได้เตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า” กู้ซีจิ่วไม่เลิกรา

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา “วิชากู่ของเจ้าร่ำเรียนมาจากผู้ใด?”

ครั้งนี้กู้ซีจิ่วไม่ยอมเปิดเผยจนหมดเปลือกกับเขาแล้ว “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ ถ้าซีจิ่วตอบคำถามท่าน ท่านก็ต้องตอบคำถามของซีจิ่วเหมือนกันดีไหมเจ้าคะ?”

“ต่อรองกับเปิ่นจุนอยู่หรือ?”

“หนึ่งคำถามแลกหนึ่งคำถาม ซื่อตรงเที่ยงธรรม ไม่โป้ปดหลอกลวง” กู้ซีจิ่วยืนกราน

“ผู้ที่สามารถต่อรองกับเปิ่นจุนได้มีไม่มาก เจ้าช่างไม่เหมือนใครนัก ใจกล้ายิ่ง! อย่างไรก็ตามวันนี้เปิ่นจุนอารมณ์ดี จะแลกเปลี่ยนคำถามกับเจ้าก็ได้ เจ้าเล่าเรื่องผู้ที่ถ่ายทอดวิชากู่ให้เจ้ามาก่อน แล้วเปิ่นจุนจะบอกเจ้าแน่นอนว่าเห็นอะไรจากเชียนหลิงเทียน”

หาได้ยากนักที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะตรงไปตรงมาเช่นนี้ กู้ซีจิ่วจึงกล่าวที่มาวิชากู่ของตนอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน

ในยุคปัจจุบันเธอรู้จักสหายที่เป็นยอดฝีมือด้านวิชากู่คนหนึ่ง เห็นว่าน่าสนุกดี เธอจึงเรียนมาบ้างนิดหน่อย

เธอมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ด้านนี้…