ตอนที่ 25 หัวข้อสนทนาของชายหญิง
หลังจากทานอาหารเย็นในโรงอาหารของโรงเรียนเสร็จ จู่ ๆ ก็รู้สึกรำลึกถึงความหลังขึ้นมา จากนี้ไปคงไม่มีโอกาสได้ทานอาหารในโรงอาหารนี้อีกแล้ว
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ได้ดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มแชทของเด็กห้อง 9 ที่มีข้อความใหม่เข้ามา เฉินหยวนเป็นคนส่งข้อความบอกทุกคนเรื่องงานเลี้ยงเรียนจบ เขาอยากจะเชิญทุกคนไปร่วมงาน
ในเรื่องนี้ หวังเย่าเองก็อดคิดถึงงานเลี้ยงเรียนจบในชีวิตเก่าไม่ได้ เขาพลาดงานนั้นและต้องปวดใจมาจนถึงทุกวันนี้
เขากลับมาที่หอเพื่อที่จะเก็บของ เมื่อมีระบบอยู่กับตัวแล้ว การหาเงินก็เป็นเรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงทิ้งของที่ไม่มีค่าเอาไว้
สุดท้ายเขาก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่ง, หนังสือ 2 เล่มและเสื้อผ้าอีกไม่กี่ชุด ส่วนที่เหลือนั้นเขาทิ้งมันไว้ทั้งหมด
เขาเดินผ่านคนอื่น ๆ มาเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
เขาถอนหายใจแล้วพึมพำออกมา “ เดือนนี้มิใช่เดือนหน้า วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วหนา ? ส่งความคิดถึงผ่านหิมะ น่าเสียดายวิญญาณเดียวดาย ”
ตอนที่เขาพูดจบนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาหันกลับไปก็พบคนคนหนึ่งที่ส่งยิ้มมาให้เขา
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะแต่งกวีเก่งด้วย” เสียงนี้ไพเราะ ร่างของเธอเพรียวบางและมีผมยาวสลวย
นี่คือจ้าวเมิ่งซี
หวังเย่าลูบจมูกและพึมพำออกมา “ก็แค่เรื่องบังเอิญ มันคล้องจองกันตรงไหน ? ฉันจะแต่งได้ยังไง ก็แค่พูดออกมามั่ว ๆ เท่านั้นเอง” หวังเย่าโบกมือ
“นายเหงาหรือ ? ” จ้าวเมิ่งซีไม่ได้สนใจคำพูดของหวังเย่า เธอกลับถามขึ้นมา “ส่งความคิดถึงผ่านหิมะ น่าเสียดายวิญญาณเดียวดาย เหมือนกับนายเลย”
หวังเย่าไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง เขาเงียบอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้น “ ฉันเคยเห็นมันมาก่อน กวีนี้ชื่อว่าวิญญาณเดียวดาย มันไม่ได้ไพเราะอะไรนัก แต่ก็มีความหมายลึกซึ้ง ไม่ว่าผู้คนจะใช้ชีวิตครื้นเครงแค่ไหน แต่ลึก ๆ ในใจของพวกเขาก็มีความโดดเดี่ยวอยู่ และไม่มีใครรับรู้ได้ ถึงคนอื่นจะรู้แต่ผู้คนก็พยายามปิดบังมันเอาไว้เพราะกลัว”
“งั้น.. ” จ้าวเมิ่งซีสะบัดผมและยิ้มออกมา “นี่คือวิธีการแสดงความรักของนายรึไง ? นายอยากบอกถึงความรู้สึกของนายด้วยบทกวีนี้ แต่ก็กลัวคนอื่นจะรู้ความรู้สึกของนายสินะ”
“นี่มัน… ” หวังเย่าพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่ายิ่งเขาอธิบายก็ยิ่งเป็นแบบที่เธอพูดมา
แต่เมื่อฟังดูจากส่วนแรกของกวีแล้ว เขาคิดถึงอดีตของตัวเอง เขาโดดเดี่ยวในโลกนี้ ไม่มีใครที่มาจากโลกเดียวกับเขาเลย
“นาย…พูดถึงใครกัน ? นายบอกฉันได้มั้ย ? ” จ้าวเมิ่งซีเหมือนจะสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมากจนเอ่ยปากถามออกมา
หวังเย่าไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เขาก็ได้แต่ส่ายหน้า “เราเรียนจบแล้ว จากนี้ไปเราจะไปคนละทาง โชคชะตาได้ตัดสินเอาไว้แล้ว บางทีมันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดกับเรา ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่าชีวิตหลังจากนี้อาจจะโดดเดี่ยว ฉันไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับเรื่องนี้เลย”
“งั้นหรือ” จ้าวเมิ่งซีเข้าใจผิดอีกครั้ง “จริง ๆ แล้วที่นายพูดมาก็มีเหตุผล แต่นายมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย เดาว่านายคงไม่มีเพื่อนหรือญาติให้คุยมานาน ฉันคิดว่านายน่าจะหาแฟนดี ๆ สักคนเพื่อที่นายจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น”
หวังเย่าแทบจะร้องไห้ออกมา นี่มันเปลี่ยนมาเป็นเรื่องนี้ได้ยังไง เขากลับทำให้จ้าวเมิ่งซีดูสงสารเขา
“ไม่ ฉันดูแลตัวเองได้ ทำไมต้องให้เธอมาแนะนำฉันด้วย ? ” หวังเย่าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้เธอถามเรื่องอื่นอีก
“งั้นหรือ ? ” แต่จ้าวเมิ่งซีกลับใช้มือปิดปากด้วยท่าทีขี้เล่นและพูดขึ้นมา “ นายน่ะพึ่งพาตัวเองได้ นายดูแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็มีบางส่วนที่ฉันไม่เข้าใจนาย ”
หวังเย่าชะงักไป “เธอหมายถึงอะไร ? เดาว่าเธอคงรู้เรื่องผู้ปกครองของฉันแล้วสินะ”
ไม่นาน หวังเย่าก็เข้าใจและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “โลกภายนอกกับภายในนี้ อันที่จริงแล้วมันต่างกันมาก มันต้องพึ่งตัวเอง การพึ่งแต่คนอื่นมันจะติดเป็นนิสัยและไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก”
“นั่นก็น่าคิด เห็นได้ว่านายพึ่งพาตัวเองได้จริง ๆ ” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมาพร้อมกับตาเป็นประกาย
“มันคงไม่เหมาะที่จะพูดแต่เรื่องของฉัน แล้วตัวเธอล่ะ ? ” หวังเย่าพูดขึ้น
“ฉันน่ะหรือ ? มีอะไรต้องพูดถึงฉันอีก นายไม่รู้อะไร ? ฉันน่ะไม่มีความเป็นส่วนตัวอะไรเลย ทุกคนต่างก็รู้เรื่องทั้งหมดของฉัน ” เธอกอดตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“นั่นก็น่าเบื่อจริง ๆ นั่นแหละ” หวังเย่าเป็นคนตรง ๆ เมื่อไม่มีอะไรจะพูด เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีและมองไปที่สายรัดข้อมือ ก่อนจะพบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เขาจึงได้พูดขึ้น “ขอโทษด้วยนะ ฉันต้องไปงานเลี้ยงเรียนจบแล้ว”
จ้าวเมิ่งซียังไม่ทันได้ตอบกลับ หวังเย่าก็เดินออกไปทันที
จ้าวเมิ่งซีเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เขากลับเป็นฝ่ายที่เดินหนีออกไปก่อนและทิ้งโอกาสดี ๆ ในการทำความรู้จักกับเธอ
“นายนี่มันสมควรเป็นโสดจริง ๆ ไม่รู้จักเทคแคร์ผู้หญิงเลย” เธอทำเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนที่จะเดินจากไป
…
ห้องที่เคยเป็นห้องเรียน แต่ตอนนี้โต๊ะถูกเลื่อนออกและเปิดพื้นที่ว่างตรงกลางเอาไว้ ที่ด้านในมีโต๊ะที่เอาไว้วางไก่ทอดและขนมรวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ
หวังเย่าตาเป็นประกายขึ้นมา เขาเลือกไปนั่งที่มุมและคิดจะกินอาหารอยู่เงียบ ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเด็กคนอื่น ๆ ก็มาถึง ทุกคนต่างก็ไปหาที่นั่งของตัวเอง อวิ๋นเสี่ยวเสี่ยวนั้นตาดี เธอมองเห็นหวังเย่าที่นั่งอยู่ที่มุมห้องได้
“โจวอวิ๋น นายให้ฉันนั่งตรงนี้ได้ไหม ? ”
โจวอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเย่ากลับถูกตบไหล่เบา ๆ และกระซิบออกมา เมื่อหันกลับไปมองเขาก็พบกับอวิ๋นเสี่ยวเสี่ยว
ในบรรดาคนในห้อง โจวอวิ๋นเองก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ แต่เมื่อเจอกับอีกฝ่าย เขาก็ได้แต่ต้องหลีกทางให้
“นายเลือกที่ได้ดีจริง ๆ นายรู้มั้ยว่าคนสำคัญในคืนนี้คือนาย” อวิ๋นเสี่ยวเสี่ยวเลื่อนเก้าอี้มาใกล้กับหวังเย่า จนทำให้แขนของเธอโดนตัวหวังเย่า
หวังเย่าหน้าแดงขึ้นมา เขารู้สึกดีอย่างมากจนใจเต้นรัว
“นี่คืองานเลี้ยงเรียนจบ ทุกคนต่างก็เป็นตัวหลักของงานนี้ อันที่จริงฉันแค่อยากกินอะไรอยู่เงียบ ๆ ” หวังเย่ายิ้มออกมา
“นายชอบแบบนี้ไหม ? ” อวิ๋นเสี่ยวเสี่ยวเข้ามากระซิบที่หูของเขา
เมื่อก้มหน้าลงไปมอง หวังเย่าก็พบกับชุดชั้นในสีแดง….มันแทบทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
“นี่ไง…ดูเหมือนนายน่าจะชอบนะ ! ”