เล่มที่ 1 บทที่ 27 ถึงจะไม่มีเงินแต่ก็ยังเอาแต่ใจ

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“ฮูหยินน้อย ถึงร้านว่านเหย้าเก๋อแล้วขอรับ” คนคุมบังเหียนถูกสั่งให้เปลี่ยนคำพูดแทนตัวหลินเมิ้งหยา

    มือเรียวยาวสีขาวประดุจหิมะคู่หนึ่งแหวกผ้าขนแกะออก จากนั้นหญิงสาววัยรุ่นหน้าตางดงามจึงเดินออกมา

    ทั้งลูกค้าและผู้ช่วยในร้านว่านเหย้าเก๋อต่างพากันชะเง้อชูคอดูคนที่กำลังลงจากรถม้า

    ไม่รู้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตจากที่ไหนจึงดูยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

    หญิงสาวลุกออกจากที่นั่ง จากนั่นฮูหยินหน้าตางดงามท่านหนึ่งจึงเดินออกมา

    แม้อายุจะยังน้อย ทว่าใบหน้านั้นกลับดูสง่างามและไร้ซึ่งความหวั่นเกรง คนที่ได้มองต่างพากันรู้สึกเคารพนับถือ

    ดวงตาเปล่งประกายราวกับหยดน้ำ ทว่ากลับส่งความรู้สึกหนาวเหน็บจนถึงกระดูก สายตาเคลื่อนคล้อยชำเลืองมองไปรอบๆ จนทำให้ลูกค้าและผู้ช่วยงานประจำร้านรู้สึกกดดัน ไม่มีใครกล้าสบตาและพากันก้มลงมองมือของตนเอง

    น่าแปลกจริงๆ ไม่รู้ว่านางเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโตตระกูลไหน เหตุใดจึงมีท่าทางสง่างามถึงเพียงนี้

    “เถ้าแก่ ด้านนอกมีสาวงามมาที่ร้านขอรับ!” ลูกจ้างท่าทางฉลาดเฉลียวรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง เถ้าแก่ร้านเคยเห็นผู้คนมามากมาย ดังนั้นแผนการจึงปรากฏขึ้นในใจ

    “รีบไปเชิญขึ้นมาบนชั้นสองแล้วพาไปที่ห้องส่วนตัว เอาชามาด้วย”

    ที่นี่คือร้านยาว้านเหย้าเก๋อที่คนคุมบังเหียนรถม้าบอกอย่างนั้นหรือ? สมคำร่ำลือจริงเชียว หลินเมิ้งหยาใช้จมูกสูดลมหายใจเข้าเพื่อดมกลิ่นหอมของยา เมื่อลองวิเคราะห์ดูแล้ว ยาเหล่านี้แม้จะมีไม่ถึงหมื่น แต่ก็คงมีราวแปดพันเห็นจะได้

    แปลกจริง นี่นางเชี่ยวชาญเรื่องยามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

    “ฮูหยินขอรับ เถ้าแก่ร้านเชิญท่านขึ้นไปที่ชั้นสองขอรับ” ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของผู้ช่วยเจ้าของร้านมองทางหลินเมิ้งหยาพลางผายมือเชื้อเชิญ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใกล้ตัวของฮูหยินน้อยคนนี้ องครักษ์อารักขาปรี่เข้ามายืนขวางทางด้านหน้าของหลินเมิ้งหยาเอาไว้

    หลินเมิ้งหยาทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อออกคำสั่ง ก่อนจะพาหรูเยว่และองครักษ์อารักขาขึ้นไปยังชั้นสองของร้านว่านเหย้าเก๋อ

    “ข้าน้อยไม่รู้ว่าพระชายาของท่านอ๋องอวี้จะเสด็จมายังที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้ ขอพระชายาได้โปรดประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”

    ทันทีที่ขึ้นมาถึงชั้นสอง เถ้าแก่ร้านว่านเหย้าเก๋อรีบทรุดตัวลงพื้น

    หลินเมิ้งหยากลับเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพิจารณาผู้ที่ล่วงรู้ตัวตนของตัวเองคนนี้

    “ไม่รู้ย่อมไม่ผิด อีกอย่างเป็นข้าเองที่ต้องการปิดบังตัวตน เถ้าแก่ลุกขึ้นเถิด” น้ำเสียงอ่อนโยน ไร้ซึ่งความหยิ่งยโส ดังนั้นเถ้าแก่ร้านจึงรู้สึกดีกับพระชายาที่เคยเป็นที่โจษจันกันทั้งเมืองพระองค์นี้

    “เชิญนั่ง เถ้าแก่ไม่ต้องมากพิธี ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องต้องการให้ช่วย” นางทรุดตัวนั่งลง หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าคราวนี้ตนเองมาถูกที่แล้ว

    ยาเหล่านั้นไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก แม้นางจะรื้อห้องยาทั้งตำหนักท่านอ๋องแต่ก็หาไม่พบ ทว่าตอนนี้นางกลับมีปัญหาที่สำคัญกว่านั้น

    นางไม่มีเงินแม้แต่ตำลึงเดียว!

    ลูกตาเริ่มกลอกไปมา ดูท่าแล้วคราวนี้นางคงต้องทำหน้าให้หนาแล้วหยิบยืมชื่อเสียงของท่านอ๋องอวี้มาใช้

    “พระชายามีเรื่องอันใดได้โปรดรับสั่ง ว่านโหม่วผู้นี้จะทำจนสุดความสามารถ เพียงแค่…”

    ช่างเป็นเถ้าแก่ที่สื่อความหมายในคำพูดอันแสนคลุมเครือของตนเองได้ชัดเจนและแนบเนียน

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะเพื่อขัดคำพูดของเถ้าแก่

    “เถ้าแก่โปรดวางใจ ข้ามิได้ต้องการไหว้วานให้ท่านไปทำงานลำบากตรากตรำอันใด กลับกันนั้น ยาบางตัวที่ข้าต้องการกลับพบเห็นได้ยากมากเหลือเกิน ดังนั้นข้าจึงอยากไหว้วานให้เถ้าแก่ช่วยนำมันมาให้ข้า แต่ถึงกระนั้นเถ้าแก่ก็มิต้องกังวล ข้าจะจ่ายค่ายาให้ท่านตามความเหมาะสม ไม่ทำให้ท่านต้องขาดทุนอย่างแน่นอน”

    หลินเมิ้งหยาแสดงความใจกว้าง น้ำเสียงนอบน้อม ดังนั้นความรู้สึกดีที่มีต่อพระชายาของเถ้าแก่ร้านจึงเพิ่มมากขึ้นไปอีก มือทั้งสองรีบยกขึ้นทำความเคารพ ก่อนที่จะตอบรับข้อเสนอของหลินเมิ้งหยาในทันที

    “นี่เป็นรายชื่อยาที่ข้าต้องการ” หรูเยว่รีบวางกระดาษที่ตนเองเพิ่งเขียนเสร็จลงไป เนื้อหามีทั้งชื่อยาและปริมาณที่ต้องการอย่างชัดเจน

    เมื่อรับรายชื่อยา ทว่าสีหน้าของเถ้าแก่เริ่มเปลี่ยนไป

    แม้ยาเหล่านี้จะไม่ใช่ยาเลื่องชื่อ ทว่ากลับหาได้ยากยิ่ง แม้แต่ร้านว่านเหย้าเก๋อของเขายังมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

    เพราะเหตุนี้พระชายาจึงต้องการมาซื้อด้วยตัวเองสินะ

    “พระชายาขอรับ รายชื่อยาทางด้านบนเป็นยาที่พระชายาสามารถรับกลับไปได้ในวันนี้ แต่ยาบางรายการกลับหาได้ยากยิ่ง เกรงว่าว่านโหม่วจะต้องพลิกแผ่นดินหา แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเจอพ่ะย่ะค่ะ” เถ้าแก่ร้านชั่งน้ำหนักในคำพูดตนเองก่อนจะเอ่ย เหตุเพราะเขาเกรงว่าแขกคนสำคัญตรงหน้าจะไม่พึงพอใจ

    “ไม่มีทางเลือก ข้าหวังเหลือเกินว่าเถ้าแก่จะพยายามหามันมาให้กับข้า” หลินเมิ้งหยาก้มหน้าจิบชาพลางส่งยิ้มกลับไปเล็กน้อย

    “หม่อมฉันจะรีบจัดการในทันทีพ่ะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันจะแจ้งข่าวให้กับพระชายาได้เช่นไร? ยามอารักขาหน้าประตูพระตำหนักของท่านอ๋องอวี้เข้มงวดมาก เกรงว่า…”

    หลินเมิ้งหยาหยิบแหวนหยกขึ้นมาหนึ่งวง ด้านบนสลักลายหลวนเฟิ้งและเหอหมิงเอาไว้ อีกทั้งด้านหลังยังสลักคำว่า “อวี้” จากนั้นวางลงบนโต๊ะ ทว่าใบหน้าของเถ้าแก่ร้านกลับกระตุก

    นี่…นี่คือตราประทับของพระชายา แหวนหยกชิงหลวนเหอหมิง!

    “หากได้ข่าวคราวอันใด นำแหวนหยกวงนี้มาแจ้งข่าวแก่ข้า” หลินเมิ้งหยาลุกขึ้น ลงไปชั้นล่าง เถ้าแก่ร้านรีบเก็บแหวนหยกบนโต๊ะ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความดีใจและตื่นตะลึง

    สวรรค์โปรด นี่เปรียบเสมือนตราประทับประจำพระองค์ของพระชายา หากเก็บเอาไว้ที่ร้านว่านเหย้าเก๋อตลอดไปได้ มันจะไม่ต่างอะไรกับเครื่องรางเลยทีเดียว

    “เถ้าแก่ เถ้าแก่ขอรับ ฮูหยินเมื่อครู่ นาง…นาง…” ผู้ช่วยร้านรีบร้อนวิ่งขึ้นชั้นสอง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอึดอัดใจ

    “พูดมา อย่าได้เมินเฉยฮูหยินเด็ดขาด หากนางมีความต้องการสิ่งใด จงสนองความต้องการให้ถึงที่สุด!” พลิกดูแหวนหยกอีกครั้ง หัวใจรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

    สายตาจ้องมองไปทางบ่าวรับใช้ของพระชายาที่ถือกล่องยาสิบกล่องออกไปตาไม่กะพริบ เถ้าแก่ร้านรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน

    หากต่อไปสามารถขายดีเป็นเทน้ำเทท่าได้เช่นนี้ ร้านว่านเหย้าเก๋อของเขาคงได้กำไรมหาศาล

    “ใครก็ได้เข้ามา รีบเอาตั๋วเงินของฮูหยินคนเมื่อครู่มาให้ข้า ข้าจะเก็บไว้ข้างกาย” ตั๋วเงินที่เชื้อพระวงศ์ใช้ล้วนถูกประทับตราธนารักษ์ คนทั่วไปแม้แต่จะมองยังไม่ได้รับอนุญาต

    “เถ้าแก่ขอรับ…พระชายาไม่ได้ให้ตั๋วเงินหรือเงินสดเอาไว้เลยขอรับ แต่พระองค์ทิ้งสิ่งนี้เอาไว้” ผู้ช่วยร้านส่งกระดาษแผ่นบางๆ ไปให้ เถ้าแก่ร้านถึงกับกระอักเลือด

    สวรรค์ทรงโปรด! พระชายาของท่านอ๋องอวี้ผู้สูงศักดิ์แปะโป้งเอาไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ! อีกทั้งยังลงพระนามเต็มของท่านอ๋องอวี้ว่าหลงเทียนอวี้อีกด้วย

    เถ้าแก่อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก สุดท้ายทำได้เพียงกำแหวนหยกที่ได้มาและบ่นพึมพำในใจ

    หวังว่าพระชายาอ๋องอวี้จะไม่เบี้ยวหนี้! มิเช่นนั้นเขาคงเสียทั้งฮูหยินและรี้พล1

    บนรถม้า หรูเยว่แอบหัวเราะ

    เมื่อครู่คุณหนูของนางอ้างชื่อของท่านอ๋องอวี้ในการเขียนสัญญาแปะโป้ง

    นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการชักดาบซึ่งหน้า

    “คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดเถ้าแก่ร้านว่านเหย้าเก๋อจึงล่วงรู้ถึงสถานะของคุณหนูหรือเจ้าคะ?” นางเอียงศีรษะ มือปอกส้มอีกลูกให้กับหลินเมิ้งหยา ตอนนี้นางไม่เข้าใจคุณหนูของตนเองเลยแม้แต่น้อย

    “แม้ว่ารถม้าของพวกเราจะไม่มีสัญลักษณ์ของท่านอ๋องอวี้ แต่มุมทั้งสี่ทิศประดับไว้ซึ่งระฆังมังกรขดร่าง มังกรขดร่างเป็นสัญลักษณ์ขององค์ชาย อีกอย่าง มีเพียงท่านอ๋องอวี้เท่านั้นที่ใช้ระฆังแปดเหลี่ยม คนที่มีสายตาหลักแหลมล้วนดูออกทั้งหมด” ก่อนที่นางจะแต่งงานออกเรือน ฮองเฮาได้พระราชทานหนังสือเกี่ยวกับระเบียบของราชวงศ์มาให้หนึ่งเล่ม

********************

1 เสียทั้งฮูหยินและรี้พล ความหมายคือเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง สูญเปล่า