บทที่ 16 การตอบแทนของหลี่ชงซาน

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 16 การตอบแทนของหลี่ชงซาน

อวี้ฮ่าวหรานเดินไปอุ้มถวนถวนขึ้นมาแนบอกด้วยความรักสุดใจ โดยที่ไม่ชายตามองครูหวางเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ที่เขาไม่สนใจครูหวางเลยนั่นเป็นเพราะเมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาครูหวางไม่แสดงท่าทีปกป้องลูกเขาเลยแม้แต่น้อย

ระหว่างทางกลับบ้านคู่พ่อลูกคุยกันไปหัวเราะกันไปอย่างมีความสุข

“ถวนถวน วันนี้มีใครรังแกลูกอีกหรือเปล่า?”

“แหะ ๆ วันนี้ไม่มีใครล้อถวนถวนแม้แต่คนเดียวเลยค่ะพ่อ มีแต่คนบอกว่าพ่อเก่งที่สุด!”

ในระหว่างที่พูดเด็กน้อยก็ทำท่าทางออกหมัดให้คล้ายคลึงกับอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“พ่อคะ จริง ๆ แล้วครูหวางดีกับหนูมาตลอดเลยนะ”

ถึงแม้ถวนถวนจะเป็นเด็กแต่เธอก็เป็นเด็กที่ฉลาด เธอพอจะรู้ความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทีของพ่อเธอที่ไม่ทักทายครูหวางเลย

“โอ้ งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ดีแล้ว ถวนถวนจำคำที่พ่อสอนเอาไว้นะ ตราบใดที่มีใครดีกับเราพวกเราจะต้องดีกับคนคนนั้นตอบเป็นสิบเท่า แต่ถ้าหากคนไหนทำไม่ดีกับเรา พวกเราสามารถสั่งสอนคนพวกนั้นได้เลยโดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดเข้าใจไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้ม และสอนลูกตามแบบฉบับเทพผู้ที่เคยอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง ซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะใช้ชีวิตตามหลักการนี้ไม่ได้ตลอดแน่นอน

หลังจากถึงบ้าน กินมื้อเย็น และพาถวนถวนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วเด็กน้อยก็ร้องขอให้อวี้ฮ่าวหรานเล่านิทานก่อนนอนให้เธอฟัง

แน่นอนว่าคำขอนี้มันทำให้อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วด้วยความหนักใจทันที เพราะถ้าหากให้เล่าวิธีการฆ่าคนหรือสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแบบมีประสิทธิภาพแล้วล่ะก็เขาคงเล่าได้ 3 วัน 7 วันติดต่อกัน แต่ถ้าเป็นการเล่านิทานแล้วล่ะก็ จักรพรรดิเทพอย่างเขาที่ใช้ชีวิตอยู่แต่กับการฆ่าฟันมาเป็นหมื่นจะเอานิทานเด็ก ๆ แบบไหนมาเล่าให้ลูกเขาฟัง?

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่อวี้ฮ่าวหรานก็นึกไปถึงนิทานสำหรับเด็กที่เขาเคยได้ฟังตอนสมัยเด็ก ๆ

“เอ่อ…ถวนถวน งั้นเดี๋ยวพ่อจะเล่านิทานเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดให้ลูกฟังก็แล้วกัน…กาลครั้งหนึ่ง…”

“ไม่เอา ไม่เอา เรื่องนี้หนูเคยฟังหลายรอบแล้ว!” ถวนถวนทำหน้ามุ่ยทันที

“ถ้างั้น ซินเดอเรลล่าล่ะ?”

“ซินเดอเรลล่าหนูก็เคยฟังบ่อยแล้ว!”

“แล้วเรื่องหนูน้อยหมวกแดง…”

“หนูเคยฟังแล้ว!”

อันที่จริงถวนถวนรู้สึกเพลียมากเช่นกัน เพราะเธอเล่นมาทั้งวันที่โรงเรียนอนุบาล แต่เมื่อเธอได้ยินรายชื่อนิทานที่อวี้ฮ่าวหรานจะเล่าให้เธอฟังเธอก็รู้สึกไม่อยากนอนหลับเพราะอารมณ์ขัดใจแบบเด็ก ๆ

สิ่งที่เด็กน้อยไม่รู้ในตอนนี้ก็คือการกระทำของเธอตอนนี้มันแทบจะทำให้พ่อของเธอที่เคยเป็นจักรพรรดิเทพรู้สึกร้อนรุ่มในใจจนแทบคลั่ง เพราะเขาไม่สามารถทำให้ลูกสาวของตัวเองพึงพอใจได้

อวี้ฮ่าวหรานตอนนี้ได้แต่แสดงสีหน้าขมขื่นไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

หลี่หรงซึ่งตอนนี้กำลังดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเห็นอาการกระอักกระอ่วนของอวี้ฮ่าวหราน ตรงโซฟาพร้อมกับมีถวนถวนอยู่ในอ้อมแขน เธอก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาเบา ๆ และเผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

“จริง ๆ แล้ว…ผู้ชายคนนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ…พี่สาวของเรานี่ก็ตาถึงเหมือนกัน…”

หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานออกจากบ้านหลักของตระกูลไปเมื่อตอนบ่าย หลี่หรงและหลี่ชงซานก็คุยต่อกันอีกนิดหน่อยอย่างสันติ และบรรดาหมอทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นต่างก็ตรวจอาการป่วยของหลี่ชงซานซ้ำอีกหลายรอบ ซึ่งหมอทุกคนก็ลงความเห็นกันว่าเขาได้หายจากอาการป่วยทั้งหมดแล้ว!

ในขณะนี้หลี่หรงรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเธอจะต้องเลี้ยงดูถวนถวน และประคับประคองบริษัทของตัวเองให้อยู่รอดมันก็ยังไม่หนักใจเท่าเรื่องที่เธอมีปัญหากับทางตระกูล

แต่ในวันนี้หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานรักษาพ่อของเธอได้สำเร็จ และเธอผู้ซึ่งเป็นคนพาอวี้ฮ่าวหรานไปรักษาพ่อของเธอ เธอก็เลยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย โดยการที่พ่อของเธอหายโกรธเธอแถมคนในตระกูลทั้งหลายต่างก็อยากจะผูกสัมพันธ์กับเธอ เพราะในเวลานี้เธอใกล้ชิดกับอวี้ฮ่าวหรานมากที่สุด

ใครบ้างจะไม่อยากผูกสัมพันธ์กับคนที่รักษาคนที่ใกล้ตายให้หายเป็นปลิดทิ้งแบบนี้?

แต่แล้วในระหว่างที่หลี่หรงกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ สายตาของอวี้ฮ่าวหรานก็เปล่งประกาย

เขาถามถวนถวนพร้อมกับเผยรอยยิ้มลึกลับว่า “ถวนถวน ลูกอยากฟังนิทานเรื่องมหาเทพฮ่าวหรานหรือเปล่า?”

“มหาเทพฮ่าวหราน?” ถวนถวนทวนคำพูดด้วยสีหน้างุนงงและสงสัย จากนั้นเธอพยักหน้าหงึก ๆ

เมื่อเห็นว่าถวนถวนพร้อมที่จะฟังแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มเล่าเรื่องการผจญภัยของตัวเองตอนไปอยู่ที่ดินแดนแห่งเทพทันที

อย่างไรก็ตามแค่เขาเล่าไปได้ไม่ถึง 10 นาที ถวนถวนก็ผล็อยหลับไปอย่างสนิท ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ อุ้มเทพธิดาตัวน้อยเข้าไปในห้องนอนของเธอ และวางเธอลงบนเตียงและห่มผ้าให้ ส่วนตัวของเขาเองก็ค่อย ๆ ย่องออกมาอย่างแผ่วเบา

หลี่หรงที่ได้เห็น และฟังเรื่องเล่าทั้งหมดในตอนนี้มองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“พี่เขย เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่หลี่เม่ยถึงได้ตกลงหลุมพรางของพี่? มันเป็นเพราะว่าพี่แต่งเรื่องหลอกผู้หญิงเก่งแบบนี้ใช่ไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่หรงด้วยสีหน้างงงวย เขาไม่เข้าใจว่าน้องภรรยาของตัวเองคิดอะไรอยู่ถึงได้ถามอะไรแบบนี้?

เขาเลือกที่จะไม่สนใจ เขาโบกมือปัดและเดินเข้าห้องของตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

แต่แล้วเมื่อเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย และเดินออกจากห้องน้ำเขาก็เห็นว่าประตูห้องนอนของเขาเปิดค้างอยู่ ซึ่งหลี่หรงก็ยืนอยู่หน้าประตูด้วยชุดนอนกระโปรงผ้าซาตินบาง ๆ ที่เผยให้เห็นสัดส่วนรูปร่างที่ไร้ที่ติของเธอ

แน่นอนว่าภาพแบบนี้หากเป็นผู้ชายคนอื่นได้มาเห็นคงจะตกตะลึงจนทำอะไรโง่ ๆ ออกไปแน่ แต่นั่นไม่ใช่กับอวี้ฮ่าวหรานผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นหมื่นปี

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่หรงด้วยสีหน้าสงสัยอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งเหมือนเดิมและถามขึ้นว่า “เธอมีอะไรหรือเปล่า?”

ในทางกลับกันหลี่หรงรู้สึกงุนงงกับท่าทีที่สงบนิ่งของอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า

นี่เธอไม่มีเสน่ห์เลยงั้นเหรอ? เธอมั่นใจว่าในชุดนี้เธอน่าจะทำให้ผู้ชายแทบทั้งหมดในเมืองคลั่งตายแน่นอนหากเธอใส่ให้พวกเขาเห็น

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มกังขาในเสน่ห์ของตัวเองนับตั้งแต่ที่เธอผอม

อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ที่เธอมาหาเขาที่ห้องตอนนี้มันไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการจะยั่วยวนเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงปัดความคิดไร้สาระต่าง ๆ ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในใจของเธอมันจะมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอยู่ก็ตาม

หลี่หรงเดินเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นเธอก็ยื่นไข่มุกเม็ดเท่าผลมะนาวให้กับอวี้ฮ่าวหราน

“วันนี้ฉันยังไม่ได้ขอบคุณพี่เลย พี่เขยวันนี้ฉันขอบคุณพี่จริง ๆ ที่ช่วยชีวิตพ่อของฉันเอาไว้ หากไม่ได้พี่แล้วล่ะก็พ่อของฉันคง…เฮ้อ ช่างเถอะ ๆ เอาเป็นว่าไข่มุกนี้คือของตอบแทนที่พ่อของฉันฝากมามอบให้กับพี่”

เมื่อหลี่หรงเห็นสีหน้าที่งุนงงของอวี้ฮ่าวหรานเธอก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานมากเข้าไปใหญ่ เพราะมันน้อยครั้งมากที่เธอจะทำให้อวี้ฮ่าวหรานผู้ซึ่งเอาแต่แสดงสีหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนสีหน้าได้แบบนี้

“ไข่มุกนี่คือสมบัติเก่าแก่ของตระกูลที่พ่อของฉันชอบมันมาก ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานรับมันมา และเมื่อตรวจสอบดูเขาก็สัมผัสได้ว่าในไข่มุกเม็ดนี้มีพลังวิญญาณอัดแน่นอยู่ข้างใน!

เมื่อรู้เช่นนี้สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานก็เปลี่ยนไปมากกว่าเดิมจนหลี่หรงรู้สึกตกตะลึง

แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่ออวี้ฮ่าวหรานก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงของเขาพร้อมกับไข่มุกในมือซะแล้ว และพูดกับหลี่หรงอย่างรวดเร็ว “พี่จะนอนแล้ว ส่วนเธอก็รีบนอนล่ะฝันดี!”

“หะ? อะ อืม!” หลี่หรงตอบรับอย่างงุนงง เธอไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้พี่เขยของเธอเป็นบ้าอะไร แต่เธอก็ยังเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้เขาอย่างแผ่วเบา

แต่แล้วเมื่อเธอออกมานอกห้องเธอก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด นี่เขาเป็นบ้าอะไรของเขาเนี่ย? ขอบคุณสักคำก็ไม่มี! แถมยังทำท่าทางไม่สนใจฉันเลยอีกต่างหาก ฉันไม่สวยหรือไงกัน?

เมื่อเห็นว่าหลี่หรงออกไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็รีบกระโดดลงจากเตียงไปล็อคประตูและปิดไฟทันที

“แกร็ก!”

แน่นอนว่าเสียงล็อคประตูมันดังไปถึงหูของหลี่หรงที่ยังคงยืนหงุดหงิดอยู่หน้าประตูแน่นอน ซึ่งนี่มันยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากไปกันใหญ่

นี่กลัวว่าฉันจะเข้าไปก่อกวนอีกรอบขนาดนั้นเลยหรือไงหะ!

“ก็ได้ ฉันปล่อยให้นายนอนก็ได้!”

เมื่อสาปแช่งในใจอยู่หลายรอบหลี่หรงก็เดินกระทืบเท้ากลับห้องของตัวเองไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด

ภายในห้องอวี้ฮ่าวหรานนั่งบนเตียง และมองไปที่ไข่มุกในมือด้วยสีหน้าพึงพอใจ

อันที่จริงหากเป็นเมื่อตอนที่เขาอยู่ดินแดนแห่งเทพ เขาไม่มีวันแลตามองของห่วย ๆ แบบนี้แน่นอน แต่ในตอนนี้ที่โลกมนุษย์มันมีพลังวิญญาณให้เขาบ่มเพาะอยู่บางเบามาก ดังนั้นเมื่อเทียบกับพลังวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ในไข่มุกเม็ดนี้ มันทำให้ไข่มุกนี้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าไปโดยปริยายเมื่อมองจากสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่

หลังจากสำรวจไข่มุกอีกเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานก็กำไข่มุกเอาไว้ในมือ และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นเข้ามาในร่างของเขาเอง

ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ในไข่มุกมันจะมีไม่มากพอทำให้เขาทะลวงขอบเขตได้ แต่มันก็พอที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกหลายระดับ

แต่สิ่งที่ดีเหนือกว่าการที่เขาเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้ตอนนี้ก็คือเขาได้พบวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองวิธีใหม่แล้ว ซึ่งก็คือการดูดซับพลังวิญญาณจากพวกของโบราณ!