ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวไปถึงการทดสอบก็สิ้นสุดลงแล้ว

 

 

ศาสตราจารย์หลิวไปหาหวางย่าเฟย เสี่ยวเชี่ยนไปหาหลิวลี่ อยากจะไปดูว่าเด็กคนนี้จำเป็นต้องเยียวยาทางด้านจิตใจหรือไม่

 

 

สภาพของหลิวลี่ดูมอมแมมมาก การทดสอบช่วงสามวันนี้ทำให้เนื้อตัวเขาเลอะไปด้วยดินโคลน ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนไปถึงหลิวลี่กำลังนั่นเหม่อตามลำพังอยู่บนก้อนหิน มองภูเขาที่อยู่ไกลๆ สายตาทอดยาว

 

 

เขาเพิ่งผ่านประสบการณ์ ‘ความเป็นความตาย’ มา ในสถานการณ์ที่เพิ่มเข้าไปทดสอบเขากับหวางย่าเฟยโดยเฉพาะ หัวหน้าใหญ่พ่อของเขาถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน เขาผ่านไปพอดี แต่ทว่ากลับสู้ ‘คนร้าย’ ไม่ได้

 

 

พ่อบอกให้เขาไป แต่เขาไม่ไป หลังจากที่พ่อดึงสลัก ‘ระเบิดมือ’แล้ว ทันใดนั้นหลิวลี่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าอะไรคือวีรบุรุษ ที่แท้พ่อกับพี่ชายเขาคือวีรบุรุษแบบนี้นี่เอง ส่วนเขายังห่างชั้นนัก

 

 

ถึงแม้หลังจากที่คนร้ายดึงผ้าปิดหน้าออกแล้วพบว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน แต่หลิวลี่วินาทีนั้นได้คุกเข่าเอามือปิดหน้าร้องไห้หนักไปแล้ว

 

 

นี่คือสถานการณ์จำลองให้เขากับหวางย่าเฟยโดยเฉพาะ แต่พวกเขากลับไม่คิดว่านี่เป็นแค่เหตุการณ์จำลอง คิดว่าเจอโจรเข้าแล้วจริงๆ

 

 

มนุษย์หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่สุดแล้วจริงๆ ไม่มีทางจินตนาการได้ว่า วีรบุรุษคำๆนี้ที่พูดกันออกมาอย่างง่ายดาย แต่พอทำจริงนั้นยากเพียงใด ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพี่ชายกับพ่อของเขานั้นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างไร และก็เข้าใจแล้วว่าตัวเขายังห่างไกลจากคำว่าวีรบุรุษนัก คนที่มีแต่พลังแต่ไร้ความสามารถก็ทำได้แค่เพิ่มความวุ่นวาย ยิ่งมีความสามารถก็ยิ่งทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นหลิวลี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถืออวี๋หมิงหลางที่ตั้งใจจำลองสถานการณ์นี้ขึ้นมา เรื่องบางเรื่องพูดยกเหตุผลมามากมาย อธิบายกันมาเป็นปีๆยังไม่สู้ผลที่ได้เจอกับตัวในช่วงการทดสอบสองสามวันนี้ เติบโตขึ้นในชั่วพริบตา

 

 

เธอยืนอยู่ตรงนั้นมองหลิวลี่อยู่ไกลๆ

 

 

หัวหน้าใหญ่เดินมาจากอีกทางหนึ่งแล้วนั่งข้างหลิวลี่

 

 

“พ่อ…ผมทำให้พ่อผิดหวังหรือเปล่า?”

 

 

“แกทำได้ดีมาก มากกว่าที่พ่อคิดไว้เสียอีก” หัวหน้าใหญ่พูดปลอบ

 

 

หลิวลี่แขนเสื้อเช็ดน้ำตา เขาไม่กล้ามองพ่อ ถูกพ่อเอากำปั้นทุบไหล่ “ร้องอะไรกัน ลูกผู้ชายห้ามร้องไห้”

 

 

“ผมต่างกับพี่มากเลยใช่ไหม? ผมไม่มีทางเป็นวีรบุรุษเหมือนพี่ได้”

 

 

“เด็กโง่ แกจะเป็นแบบเขาทำไม แกก็เป็นแก แกมีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่หลางของแกจำลองสถานการณ์นี้ขึ้นมาไม่ใช่เพราะอยากทำร้ายจิตใจแก แต่เพราะอยากให้แกเข้าใจว่า ทุกคนต่างมีตัวตนที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้ แกทำดีที่สุดแล้ว ลูกชาย”

 

 

“ผมทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง…ถ้านั่นเป็นเหตุการณ์จริงผมคงเสียพ่อไปแล้ว…พ่อ ถ้าพี่อยู่ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรือเปล่า?” หลิวลี่ไม่รู้จะให้อภัยตัวเองอย่างไร

 

 

“ตอนที่พ่อบอกให้แกไป แกไม่ได้ถอย นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความคิดของแกเหมือนกับพี่ชายแก พี่หลางมาบอกพ่อตอนจบว่า แกเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง เพียงแต่ลูกเอ๊ย บางสิ่งบางอย่างใช่ว่ามีแค่เลือดร้อนๆก็จะเพียงพอ แกเก่งมากแล้ว แกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแกทำตัวสมกับเป็นน้องชายของวีรบุรุษ”

 

 

ความฝันของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งได้สลายไปในแบบนี้

 

 

เลือดร้อนใครก็ต่างมี แต่แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความสามารถด้วย

 

 

“ผมไม่ได้ทำให้พ่อกับพี่ขายหน้าเหรอ?”

 

 

“เปล่าซะหน่อย คนที่ทำให้พี่หลางชมได้มีไม่เยอะ แต่แกทำให้เขาชื่นชมได้ ลูกชาย ยังอยากเป็นทหารอยู่ไหม?”

 

 

“ไม่แล้วครับ…ผมจะกลับไปทำงานของผม เป็นเทศกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุด จะทำให้พ่อกับพี่ขายหน้าไม่ได้”

 

 

“เพราะงานเหนื่อยเลยกลัวเหรอ?”

 

 

“เปล่าครับ เป็นเพราะผมเข้าใจแล้วว่า ผมยังห่างชั้นกับทหารหน่วยรบพิเศษมาก ผมเห็นคนที่อายุเท่าผมสุขภาพร่างกายและความสามารถทางการทหารของเขาสูงกว่าผมมาก สภาพร่างกายที่มีมาแต่กำเนิดนี้เปลี่ยนกันไม่ได้ แต่ผมสามารถทำงานในหน้าที่ของตัวเองไม่ให้พวกพ่อขายหน้าได้ครับ”

 

 

ในช่วงการทดสอบ หลิวลี่ได้เห็นทหารเก่งๆ เขาใจถึงการเป็นทหารอย่างแท้จริง ความคิดของเขาจึงเปลี่ยนไป

 

 

“อ่อ ไม่อยากไปฝึกในค่ายทหารเหรอ?”

 

 

“ขอแค่ผมระลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นน้องชายของวีรบุรุษ จำไว้เสมอว่าจะไม่ทำให้พ่อกับพี่ขายหน้า ผมก็จะสามารถทำคุณประโยชน์ในหน้าที่การงานที่แสนธรรมดาได้เหมือนกัน พ่อ ผมเข้าใจพ่อแล้ว ‘เหล่าลูกชาย’ที่พ่อดูแลยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผมที่เป็นลูกชายแท้ๆก็จะทำให้พ่อขายหน้าไม่ได้ ต่อให้ไม่ได้เป็นทหาร ผมก็จะเข้มงวดกับตัวเอง”

 

 

ระหว่างมนุษย์ด้วยกันต่างมีความแตกต่างกันในเรื่องพละกำลังรวมถึงความฉลาด เรื่องนี้จะไม่ยอมก็ไม่ได้ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลิวลี่ได้เห็นกับตาแล้วว่าเหล่าทหารที่อายุพอๆกับเขามีความพยายามในการทำการทดสอบอย่างไร ต่างยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งนั้น ทั้งชีวิตหลิวลี่อาจเป็นอย่างอวี๋หมิงหลางไม่ได้ แต่เขาสามารถเป็นตัวเองที่ยอดเยี่ยมได้ในหน้าที่การงานของเขาเอง

 

 

นี่ก็คือแนวคิดในเรื่องคนเก้าบุคลิกที่เสี่ยวเชี่ยนพูดถึง คุณไม่มีทางกลายเป็นคนอื่นได้ แต่เป็นตัวเองที่สุดยอดได้

 

 

หัวหน้าใหญ่มองลูกชายตัวเองที่โตข้ามคืนอย่างภูมิใจ คำพูดที่ไม่กล้าพูดมาตลอด ในที่สุดก็ได้พูดออกมาในเวลานี้

 

 

“ลูกชาย แกเกลียดพ่อหรือเปล่า? พ่อไม่ค่อยได้ดูแลแกเลย”

 

 

“ตอนแรกก็มีบ้างนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ พ่อ ตอนที่พ่อดึงสลักระเบิดผมซึ้งใจมาก ผมว่าผมเข้าใจแล้ว ในใจพ่อยังรักผมอยู่ เพียงแต่งานของพ่อทำให้ดูแลครอบครัวไม่ได้ แต่พ่อสามารถฝึกทหารเก่งๆแบบพี่หลางออกมาได้เยอะขนาดนั้น สุดยอดเลยพ่อ เป็นวีรบุรุษย่อมต้องเสียสละ ถ้าผมเป็นวีรบุรุษแบบพ่อไม่ได้ อย่างน้อยผมก็จะเป็นคนในครอบครัวที่สนับสนุนวีรบุรุษ”

 

 

“แกนี่ พูดจาชวนขนลุก” หัวหน้าใหญ่น้ำตาคลอเพราะคำพูดของลูกชาย เพื่อที่จะไม่ให้ลูกชายเห็นน้ำตาจึงคิดจะกอดเหมือนตอนเด็กๆ แต่หลิวลี่ผลักออกด้วยความเขิน โตขนาดนี้แล้วอย่ามาทำเหมือนตอนเด็กๆ แต่เขาก็สู้แรงของหัวหน้าใหญ่ไม่ได้ สองพ่อลูกกอดกันแน่น

 

 

วีรบุรุษนั้นยิ่งใหญ่ ครอบครัวของวีรบุรุษก็ยิ่งใหญ่เหมือนกัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นภาพนี้ก็หันตัวเดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

 

ดูท่าเธอจะไม่ต้องทำสรุปอะไรทั้งนั้นแล้ว หลิวลี่กับหัวหน้าใหญ่ได้คลี่คลายปมในใจเรียบร้อยแล้ว

 

 

ปมในใจของหลิวลี่คลายออก ถ้าอย่างนั้นความโกรธเกลียดของอาจารย์ก็จะค่อยๆลดน้อยลง โอกาสที่อาจารย์กับหัวหน้าใหญ่จะกลับมาคืนดีกันก็คงมีเยอะขึ้น

 

 

พอหันตัวไปก็เห็นหวางย่าเฟยที่ดวงตาฉายแววโกรธ ร่างกายเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตยืนอยู่ตรงหน้า

 

 

เขาเหน็ดเหนื่อยอย่างยากลำบากกว่าจะมาถึงในช่วงสุดท้าย ขาดอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่กลับล้มเหลวทำให้ไม่ผ่านการทดสอบ

 

 

ไม่ต้องรอให้เฉียวเจิ้นประกาศผลหวางย่าเฟยก็เข้าใจแล้ว เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้เป็นทหารหน่วยรบพิเศษอย่างที่ได้ฝันเอาไว้

 

 

เขามั่นใจว่าจะต้องเป็นจิตแพทย์คนนี้แน่นอนที่เอาเขาไปขาย ดังนั้นคนของ011ถึงได้ใช้วิธีนี้มาทดสอบเขา เพื่อให้เขาสละสิทธิ์ไปเอง

 

 

ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่เอาความลับไปบอก เขาก็ต้องผ่านอย่างแน่นอน

 

 

“คุณมันไม่สมควรเป็นจิตแพทย์” หวางย่าเฟยพูดจบก็หันตัวเดินออกด้วยความโกรธ ความฝันสูญสลาย เขาสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ลงมือทำอะไรเกินไปได้ แต่เวลานี้ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ

 

 

“ไม่สมควร…เหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความโกรธของหวางย่าเฟยพลางพึมพำ