มีคนยื่นแก้วน้ำของทหารมาตรงหน้าเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองก็เห็นอวี๋หมิงหลางยืนอยู่ข้างหลัง
เนื่องจากเขาต้องแสดงเป็น ‘คนร้าย’ จึงแต่งตัวนอกเครื่องแบบ
“ดื่มน้ำก่อนสิ มุมปากแห้งหมดแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเปิดแก้วน้ำแล้วดื่ม อวี๋หมิงหลางตบบ่าเธอ
“เขาก็แค่ยังคิดไม่ได้ คำพูดของเขาไม่ได้จงใจว่าคุณหรอก เขาก็แค่ผิดหวังมาก ไม่มีที่ระบายอารมณ์ เดี๋ยวเขาก็คิดได้เอง”
ดูสิ เป็นแฟนที่เอาใจใส่แค่ไหน พอเห็นแฟนถูกโมโหใส่ก็รีบโผล่มาปลอบในทันตา
เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเขาตบบ่าเธอก็สำลัก
เธอไอแค่กๆออกมา แล้วเอาคืนเขาหนึ่งที
“อวี๋เสี่ยวเฉียง นายโง่หรือเปล่า?”
ฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นดื่มน้ำมาทำตัวเป็นพี่ชายที่เอาใจใส่ เกือบทำเธอสำลักตาย
“แหะๆ หยอกคุณเล่น อยากช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น…”
เสี่ยวเชี่ยนไล่ตีเขา แต่อวี๋หมิงหลางวิ่งเร็วมาก
“ดูสิ ตอนนี้คุณดีขึ้นเยอะเลย สีหน้าดีกว่าเมื่อกี้ที่ดูซังกะตายอีก ผมทำก็เพราะเป็นห่วงคุณนะ”
ตอนที่หวางย่าเฟยพูดว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่สมควรเป็นจิตแพทย์ อวี๋หมิงหลางเห็นสายตาของเสี่ยวเชี่ยนที่มองไปก็ปวดใจ อยากจะตามไปจับหวางย่าเฟยกดพื้นแล้วอัดให้น่วมนัก
แต่ในฐานะที่เป็นทหาร อวี๋หมิงหลางเข้าใจความรู้สึกของหวางย่าเฟยในเวลานี้ดี เป็นใครก็คงรับไม่ได้ ลำบากลำบนกว่าจะผ่านการทดสอบ แต่กลับถูกตอกหน้าในตอนท้าย
น่าเสียดายที่เสียวเหม่ยของเขาทำไปตามหน้าที่ แต่กลับถูกต่อว่าแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อวี๋หมิงหลางฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนดึงเสี่ยวเชี่ยนเข้ามากอด “ลูกเชี่ยน ไม่ต้องเสียใจนะ คุณเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุด คุณจะต้องกลายเป็นจิตแพทย์ที่เก่งที่สุดได้แน่”
“อืม ฉันรู้”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้โกรธเรื่องที่ถูกหวางย่าเฟยต่อว่า เธอก็แค่สะดุดหูตอนที่หวางย่าเฟยพูดว่าเธอไม่สมควรเป็นจิตแพทย์ มันทำให้เธอนึกถึงชาติที่แล้วตอนอาจารย์ชี้หน้าเธอแล้วพูดแบบเดียวกันนี้
“การรักษาเขาด้วยการทดสอบเป็นไปอย่างราบรื่นไหม?”
เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางพยักหน้า “ตอนที่ ‘หัวหน้าใหญ่’ ถูกจับเป็นตัวประกัน ผมจงใจจัดให้หวางย่าเฟยกับหลิวลี่อยู่ทีมเดียวกัน เขาเกิดอาการเวียนหัว ยิงปืนเฉียด หัวหน้าใหญ่จึงดึงระเบิดมือ แต่ผมก็นับถือใจเขานะ”
“หืม?”
“เขาคงนึกถึงเรื่องในตอนนั้นผ่านเหตุการณ์สมมตินี้อย่างแน่นอน”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนบอกเรื่องราวกับอวี๋หมิงหลางคร่าวๆ อวี๋หมิงหลางก็ลงมือเช็คภูมิหลังของหวางย่าเฟย เขาเคยอ่านประวัติของทหารคนนี้ แวบแรกก็รู้สึกว่าใช้ได้เลยทีเดียว การฝึกฝนทำได้ดีหมด ปืนก็ยิงแม่น แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันมีตรงไหนที่แปลกๆ
ตอนนี้มาคิดดู ในช่วงการฝึกซ้อม หวางย่าเฟยไม่มีการบันทึกว่ายิงข้าศึกตาย เป็นมือปืนที่ไม่ได้ยิงเลยสักนัด ตอนนี้พอมาดู เซ้นส์ของอวี๋หมิงหลางนี่แม่นจริงๆ
จากการวินิจฉัยของเสี่ยวเชี่ยน ตอนเด็กๆหวางย่าเฟยน่าจะเคยเจอเหตุการณ์แนวๆจี้ชิงตัวประกัน เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ถ้าไปสืบดูก็น่าจะเจอ พอสืบไปก็พบว่าหลายปีก่อนได้เกิดเหตุการณ์มีคนใช้ปืนอัดลมทำร้ายคนขึ้นจริงๆ ตอนนั้นมาตรการยังไม่เข้มงวดเท่าตอนนี้ หวางย่าเฟยก็คงอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น
อวี๋หมิงหลางจึงได้จำลองสถานการณ์เสมือนจริงขึ้นมาจากบันทึกข้อมูลที่สืบได้ เพื่อกระตุ้นจิตใจของหวางย่าเฟย
สีหน้าทุกข์ใจของหวางย่าเฟยในชั่วขณะนั้นทำให้อวี๋หมิงหลางมั่นใจว่าวิธีทดสอบนี้ได้ผล หวางย่าเฟยจะต้องนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตแล้วอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้อวี๋หมิงหลางคาดไม่ถึงก็คือ หวางย่าเฟยกลับอดทนต่ออาการผิดปกติของร่างกายแล้วทำภารกิจที่เหลือจนเสร็จ พอไปถึงจุดสุดท้ายเขาก็ล้มลงไปอ้วกข้างทาง ก่อนที่หวางย่าเฟยจะไปหาเสี่ยวเชี่ยนได้ถูกให้น้ำเกลืออยู่บนรถ พอได้สติขึ้นมาหน่อยก็รีบวิ่งไปหาเสี่ยวเชี่ยน
ถ้าอวี๋หมิงหลางตัดสถานะความเป็นแฟนของเสี่ยวเชี่ยนทิ้ง ใช้เพียงแค่สถานะความเป็นหัวหน้าทหารมองหวางย่าเฟย เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เรื่องนี้สามารถมองเห็นได้ถึงความเข้มแข็งในจิตใจของเขา ระยะทางในช่วงสุดท้ายนั่นมีความยากมากสำหรับคนธรรมดา แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ถูกทำให้สะเทือนใจด้วยความทรงจำในอดีต คนที่มีปัญหาด้านสภาพจิตใจแบบเขา
ลูกเชี่ยนของเขาเลยต้องมารับกระสุนปืนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อวี๋หมิงหลางกลัวลูกเชี่ยนจะเสียใจเพราะคำพูดของหวางย่าเฟยจึงรีบวิ่งมาดู
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า
“ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ขอแค่ฉันคิดว่ามันถูก คนอื่นจะพูดยังไงก็ช่างมัน”
ในใจของเธอมีตราชั่งอยู่ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น ไม่อ้อนวอนให้คนอื่นมาพอใจ ขอแค่ไม่ผิดต่อตราชั่งนี้ของตัวเองก็เพียงพอแล้ว
“คุณเป็นแบบนี้ผมเป็นห่วงนะ” อวี๋หมิงหลางกอดเธอ แล้วเอามือลูบผมเธอ
รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเข้มแข็งมาก แต่ก็ยังคงรู้สึกเสียใจแทนกับเรื่องที่เธอต้องเจอ
“ฉันจะแคร์แค่คนที่เข้าใจฉันเท่านั้น คนที่ไม่เข้าใจ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจเพราะคนพวกนั้น หลายปีมานี้ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด”
เสี่ยวเชี่ยนมองเขากลับด้วยแววตาลึกซึ้ง เอามือลูบหน้าเขา ในใจรู้สึกพอใจแล้ว
คนบางคนใช้ชีวิตโดยแคร์แต่สายตาคนอื่น มีความทุกข์ความสุขโดยขึ้นอยู่กับคำพูดของคนอื่น แต่เธอใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง โลกใบนั้นมีแค่คนที่แคร์เธอกับคนที่เธอแคร์ เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา มีเพียงคนเหล่านี้เท่านั้นที่ดีกับเธอจริงๆ คนอื่นจะชอบหรือไม่ชอบล้วนไม่ส่งผลอะไรต่อเธอทั้งนั้น
และก็มีแค่คนที่จิตใจเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้ถึงโลกที่โดดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความมั่นใจนี้
ถึงเธอจะไม่เสียใจที่ถูกหวางย่าเฟยต่อหน้า แต่กลับซึ้งใจที่ได้รับการเห็นใจจากอวี๋หมิงหลาง
“เสียวเหม่ย ผมรัก…ไม่ได้ ประโยคนี้พูดไม่ได้” อวี๋หมิงหลางอยากสารภาพรักกับลูกเชี่ยนของเขาที่ทั้งเข้มแข็งและก็อ่อนแอในเวลาเดียวกัน แสดงความรักที่มีให้เธออย่างลึกซึ้ง
แต่พูดไปได้แค่ครึ่งเดียวเขากลับเบรกกะทันหัน
เสี่ยวเชี่ยนมองเขาอย่างสงสัย ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ?
“ผมจะใส่ชุดนี้พูดคำพูดสำคัญกับคนที่สำคัญไม่ได้ คุณรอก่อน รอผมไปเปลี่ยนชุด”
“อุ๊บ” เสี่ยวเชี่ยนขำอวี๋หมิงหลาง
อันที่จริงบางครั้งเสี่ยวเฉียงก็น่ารักเป็นพิเศษ
หลังจากที่หวางย่าเฟยว่าเสี่ยวเชี่ยนเสร็จในใจก็เหมือนมีรูโหว่ขนาดใหญ่ที่อุดไม่ได้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้ปลดปล่อยความกดดันที่สอบไม่ผ่าน กลับรู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
อันที่จริงพอพูดจบเขาก็เสียใจ
“คุณไม่ควรตำหนิเฉินเสี่ยวเชี่ยนนะ” ศาสตราจารย์หลิวยืนอยู่ไม่ไกล เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
ลูกชายของเธอกับอดีตสามีปรับความเข้าใจกันได้เพราะการจำลองสถานการณ์ในครั้งนี้ แต่คนไข้ของเธอกลับเกลียดเสี่ยวปืนเหล็กเพราะเรื่องนี้
“คุณเป็นใครกันแน่?”
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนบอกกับหวางย่าเฟยว่าศาสตราจารย์หลิวคือแม่บ้านเช็ดกระจก แต่การมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นแค่คนเช็ดกระจกธรรมดา
“ฉันคือศาสตราจารย์หลิว การวินิจฉัยของเฉินเสี่ยวเชี่ยนในครั้งนี้ผ่านความเห็นชอบจากฉัน คุณจะเข้าใจว่าฉันเป็นคนวินิจฉัยคุณก็ได้นะ” ยามที่ศาสตราจารย์หลิวเจอกับปัญหา สิ่งที่คิดก็ยังคงเป็นการปกป้องเสี่ยวเชี่ยน
“ผมคิดว่าจิตแพทย์อย่างพวกคุณจะปกปิดความลับของคนไข้เสียอีก…” ตอนหวางย่าเฟยฟื้นขึ้นมา พอได้รู้ว่าตัวเองไม่ผ่านก็เกลียดเฉินเสี่ยวเชี่ยนเข้าไส้ แต่ตอนนี้ แม้แต่การจะพูดออกมาเขาก็ไม่มีความมั่นใจแล้ว
ตกลงมันผิดพลาดที่ตรงไหนกัน…