บทที่ 29
ถ้ากล้าก็ลองดู
คนงานที่ถูกส่งมาโดยหอคอยหวงชาคือคนงานหญิงนามว่า หลินตา เป็นคู่หูของชิงชู และอย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน หอคอยหวงชานั้นดูแลธุรกิจมากมายในเมืองแห่งความพินาศ
ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับที่นั่นต่างก็เป็นพ่อค้า
หลินตายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเป็นมิตรและดูรื่นหูรื่นตา
“เถ้าแก่วู่” หลินตาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเจอแบบนี้เจ้าของร้านคนเก่าก็ไม่ได้เพิกเฉย เขาดึงความสุขุมกลับมาเหมือนเดิม
หลินตา มองไปที่ ลั่วอู๋ และดวงตาของนางจ้องไปที่ผมสีเงินของเขาแล้วยิ้มออกมา “นี่หรือคือเจ้าของร้านคนใหม่ของศาลาไป่หยู่ เขาช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋ไม่ได้ยิ้มตอบ เขาสามารถยิ้มอย่างสุภาพเป็นการตอบสนองได้แค่สองครั้งเท่านั้น
เขาค่อย ๆ เทชาร้อนลงแก้ว
ในเมืองแห่งความพินาศตอนนี้อากาศเย็นบางส่วนน่าจะเริ่มหายไปแล้ว
“เจ้าของร้านศาลาไป่หยู่ทั้งคู่ ดูเหมือนพวกท่านจะเพิ่งมีกำไรที่ดีเมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกท่านได้ฝึกฝนแมงป่องทรายที่ไม่เหมือนใครและพัฒนายารวบรวมวิญญาณยอดนิยมขึ้นมา”
หลินตาได้พูดถึงประเด็นที่สำคัญที่สุด
ลั่วอู๋ยิ้ม “มันก็แค่โชคดีน่ะ ไม่ว่าธุรกิจของเราจะดีแค่ไหน เราก็คงไม่สามารถเอาตัวไปเปรียบเทียบกับ หอคอยหวงชาได้หรอก”
ทันใดนั้นความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของหลินตา
ไม่แปลกใจเท่าไหร่
ในตอนนี้ทีมหวงชานั้นยิ่งใหญ่ที่สุด! ในฐานะที่เป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของทีมหวงชา หอคอยหวงชานั้นมีทรัพยากรที่ดีที่สุด
แน่นอนว่ามันเป็นความจริงที่ว่าอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของพวกเขานั้นมีมาก จนร้านอื่น ๆ ในพื้นที่หวงชาเทียบไม่ได้
ไม่อย่างนั้นศาลาไป่หยู่ที่โด่งดังในที่อื่น คงไม่ตกระกำลำบากถึงขนาดนี้
“ท่านหลินคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยอย่างเดียวใช่หรือไม่ ” ลั่วอู๋มองดู หลินตาด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของหลินตาจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“นักเล่นแร่แปรธาตุระดับกลางสองคนในหอคอยหวงชา ได้ใช้เวลาศึกษาอยู่หลายเดือน ก่อนที่จะพัฒนายาเม็ดใหม่หรือยา เซียนหยวนขึ้นมา แต่ข้าไม่คาดคิดว่าจะข้างนอกจะมีคนที่คิดค้น ยารวบรวมพลังวิญญาณที่ดีกว่าได้ ยาจากศาลาไป่หยู่ของท่านนั้นดีกว่า “
“อาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งสองคน ต่างก็คันไม้คันมือต้องการที่จะรู้ว่าเคล็ดลับของเม็ดยานั้นคืออะไร เพื่อที่จะได้พัฒนายาที่เหนือกว่ายานี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งข้ามา”
ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าท่านต้องการรวบรวมยารวบรวมวิญญาณล่ะก็ สั่งเอาก็ได้เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนงานนำไปส่ง”
มีร่องรอยของบูดบึ้งบนใบหน้าของหลินตาเล็กน้อย แต่มันก็ลดลงในไม่ช้า
ทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง
ทุกคนต่างก็เข้าใจได้ว่าหลินตาไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อยารวบรวมพลังวิญญาณ
“ ฮ่าฮ่า อาจารย์ทั้งสองคนนั้นอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเม็ดยาจริงๆ พวกเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ถ้าท่านต้องการพัฒนาระดับพลังวิญญาณ ความรู้ของตัวเอง ท่านก็ต้องเรียนรู้จากเขานะ” หลินตากล่าวต่อ
ลั่วอู๋ พยักหน้าซ้ำ ๆ “ท่านพูดถูก ข้าต้องหาเวลาไปเยี่ยมอาจารย์ทั้งสองท่านแล้วแบ่งปันยาวิญญาณให้ จากนั้นก็มาศึกษาปริศนาด้วยกันและปรับปรุงระดับการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราเสียแล้ว”
รอยยิ้มของหลินตา เปลี่ยนไปเป็นดูค่อนข้างแข็งกร้าว
คำพูดของอีกฝ่ายนั้นดูสมเหตุสมผลและมีความจริงใจใน ฟังครั้งแรกก็ดูดีอยู่หรอก
แต่
หากใช้เวลาใครครวญสักนิดก็จะเข้าใจ
ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรอีกสักคำ
ถ้าไม่มีเวลาคิดก็ลองปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระแล้วคิดดู!
คนงานชายทั้งสามคนรวมมู่เถาต่างก็หัวเราะ
นายน้อยนั้นมีวิธีการแก้เผ็ดอีกฝ่ายเสมอ
ในใจของลั่วอู๋เองก็กำลังนึกเยาะเย้ยอยู่ในใจด้วยเช่นกัน ถ้าอีกฝ่ายต้องการที่จะเล่นภาษาสุภาพ เขาก็จะเล่นตามน้ำให้ด้วยภาษาสุภาพ เมื่อเข้ามาด้วยเจตนาที่ไม่ดี แต่หวังจะพูดให้ตัวเองดูดี ไม่มีทางหรอกที่จะได้อะไรกลับไปจากเขา
หลินตา หายใจลึก ๆ และรอยยิ้มก็ค่อย ๆ ดูสงบนิ่งลง “อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อซื้อสูตรของยารวบรวมพลังวิญญาณตัวล่าสุดของท่าน”
“เอ๊ะ” ลั่วอู๋แสร้งทำเป็นตะลึง “ทำไมท่านต้องเสียเงิน ในเมื่อพอข้าขายมันหมด ข้าก็จะไปแบ่งปันสูตรของมันให้พวกท่านเองเป็นการส่วนตัว มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่พวกเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้”
“พอได้แล้ว” ในที่สุดหลินตาก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ได้ “เจ้าของร้านลั่ว อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ไปหน่อยเลย”
ลั่วอู๋ ได้ยินดังนั้นก็หยุดแสร้งทำและพูดอย่างเย็นชาแทน “เจ้าต้องการจะทำอะไร คนงานหลิน ถ้าเจ้าต้องการมาเยี่ยมชมร้านเราไม่ใช่หรือ ทางศาลาไป่หยู่เราก็จะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีแล้วนี่นา หรือนี่เป็นวิธีที่ผู้คนในหอคอยหวงชาใช้เวลาไปเป็นแขกของที่อื่น”
“ถึงที่นี่จะเป็นเพียงแค่ร้านค้าชั้นต่ำ แต่มันก็ควรค่าแก่การเยี่ยมชม” ในที่สุดหลินตาก็หยุดพูดปกปิดความคิดที่แท้จริงของนาง จากนั้นนางโยนกระเป๋าเงินให้เขา “นี่คือ 50,000 หินวิญญาณ ข้าจะซื้อสูตรยารวบรวมพลังวิญญาณของเจ้า “
ลั่วอู๋ไม่แม้แต่จะมองกระเป๋าเงินนั้น
“ วันนี้อาจารย์หลินบอกข้าว่าจะมอบ100,000 หินวิญญาณให้หากข้าขายสูตรให้กับเขา แต่ข้าก็ไม่ได้ขาย เจ้ากล้าที่จะเสนอราคาที่ไม่จริงใจเช่นนี้ในพื้นที่หวงชางั้นเหรอ” ลั่วอู๋กล่าว
หลินตาตะโกน “มันไม่ได้คู่ควรกับ 100,000 หินวิญญาณหรอกน่า ข้าแนะนำให้เจ้ารับ 50,000 หินวิญญาณนี้ไป และส่งสูตรยารวบรวมพลังวิญญาณให้กับข้า มิฉะนั้น … “
“เจ้าจะทำอะไร” ลั่วอู๋ลุกยืนขึ้น
“ข้าจะสร้างปัญหาให้กับศาลาไป่หยู่ของเจ้า” หลินตาขู่ “ถ้าพวกข้าอยากล่ะก็ อีแค่จัดการกับร้านค้าเล็ก ๆ มันจะยากอะไรกัน ในเขต 23 เมืองของพื้นที่หวงชา มีคนตายเป็นประจำทุกปี … “
ในที่สุดหลินตาก็แสดงธาตุแท้ของนางออกมา
อย่างไรก็ตามใบหน้าของลั่วอู๋ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “นี่เจ้าขู่ข้าเหรอ”
“แล้วมันทำไม ข้าขอประกาศที่นี่เลย ว่าถ้าหากข้าไม่ได้สูตรของยารวบรวมพลังวิญญาณ ในวันนี้ศาลาไป่หยู่ของเจ้าจะต้องกลายเป็นทะเลเลือดอย่างแน่นอน” ดวงตาของหลินตามองจิกด้วยและแฝงไปด้วยรังสีอาฆาต
ใบหน้าของผู้คนที่ตามนางมาในศาลาไป่หยู่ต่างก็เปลี่ยนไป
ลมหายใจของพวกเขาไหลออกมาอย่างช้าๆ
พวกไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ
พวกเขาเป็นปรมาจารย์พลังวิญญาณ ระดับเงิน มิติ 5
แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย แต่ก็เพียงพอที่จะกำจัดศาลาไป่หยู่
สร้อยข้อมือสีดำบนข้อมือของพวกเขาเริ่มเปล่งประกาย
แหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นภาชนะที่สามารถปล่อยให้สัตว์วิญญาณพักอยู่ด้านในได้ช่วงเวลาสั้น ๆ มีมิติอยู่ข้างในนั้น แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่มาก แม้จะเป็นวงแหวนรุ่นที่ทันสมัยที่สุด แต่พื้นที่ภายในก็เป็นเพียงห้องเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตามราคาของสิ่งนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ใช้พลังวิญญาณทั่ว ๆ ไปสามารถหาซื้อได้ แต่ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ของหอคอยหวงชา จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมีแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
พลังงานจำนวนมากระเบิดออกมา
หนึ่งวงเป็นสีแดง อีกหนึ่งวงเป็นสีเหลือง
วงสีแดงได้เปลี่ยนเป็น จิ้งจอกเพลิง สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายและหาที่เปรียบไม่ได้ มันมีรอยพระจันทร์อยู่บนคิ้วและมีเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่บนหาง
ส่วนวงสีเหลืองเป็นสัตว์วิญญาณหมียักษ์ มันคำรามก้องและมีตาสีแดงที่ดดุร้าย
สัตว์วิญญาณระดับทองแดง จิ้งจอกเพลิง
สัตว์วิญญาณระดับเงิน หมียักษ์
เรียกได้ว่าอีกฝั่งนั้นเตรียมตัวมาดี
“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!” เจ้าของร้านคนเก่าก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่มาก แต่เขาก็กัดฟันและออกมาปกป้องลั่วอู๋
หลินตาไม่ได้มองที่เจ้าของร้านเก่าแม้แต่น้อย
เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน 2 อีกทั้งยังเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญประเภทเสริมพลัง นางไม่จำเป็นต้องสนใจเขาเลย
ทว่าในช่วงเวลาที่ตึงเครียดนี้ ลั่วอู๋กลับระเบิดหัวเราะ เขาหัวเราะอย่างประมาทและรอยยิ้มของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามและความดูถูกเหยียดหยามยิ่งเข้าไปอีกขั้น
“เจ้าหัวเราะอะไรอยู่” หลินตา พูดอย่างโกรธเกรี้ยว
ลั่วอู๋ หยุดหัวเราะ เขาไม่ได้กลัวแรงกดดันของหลินตาแม้แต่น้อย “ข้าหัวเราะความไม่รู้เรื่องของเจ้า ที่ต้องการเปลี่ยนศาลาไป่หยู่ให้เป็นทะเลเลือด ทำไมเจ้าถึงกล้าได้ขนาดนี้กัน!”
“เจ้าอยากตายสินะ … ” ใบหน้าของหลินตาเปลี่ยนไปเล็กน้อยนางกำลังโกรธจัด นางรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยคำพูดของลั่วอู๋
“ถ้าเจ้ามีพลังพอเจ้าก็สามารถฆ่าข้าได้”
“แต่เจ้าก็ควรคิดถึงผลที่จะตามมาสักหน่อยนะ”
“คนที่หนุนหลังศาลาไป่หยู่คือตระกูล ลั่ว! แม้ว่าข้าจะถูกเนรเทศให้มาที่เมืองแห่งความพินาศ แต่ชื่อของข้าก็ยังคงอยู่บนผังของตระกูล ลั่ว ข้าเป็นคนตระกูล ลั่ว”
“ใช่แล้ว ข้าอาจไม่สำคัญมาก! แต่ถ้าข้าตายเจ้าคิดว่าตระกูล ลั่ว จะอยู่เฉยและไม่สนใจจริง ๆ เหรอ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตระกูลข้า ก็คือชื่อเสียง และในฐานะที่ข้าเป็นหนึ่งในตระกูล ลั่ว ถ้าข้าถูกฆ่าตายและศาลาไป่หยู่ภายใต้การบริหารของตระกูลถูกล้างบาง นั้นจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูล ลั่ว ได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่างหนัก “
“พอเป็นแบบนั้นเจ้าคิดว่า เจ้าจะหนีพ้นได้จริง ๆ หรือ ไม่มีทาง ข้าขอบอกเลยว่าไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับความตายของข้าแล้วจะสามารถหนีโทสะของตระกูล ลั่วไปได้!”
“หอคอยหวงชา! ทีมหวงชา!”
“อย่างน้อยครึ่งหนึ่งต้องตาย เพื่อสังเวยให้แก่ความโกรธเกรี้ยวของตระกูล ลั่ว”
” ถ้ากล้าก็ลองดู” ลั่วอู๋หัวเราะเยาะ
แล้วเจ้ากล้ารึเปล่า
ใบหน้าของหลินตาเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในขณะที่ความโกรธของนางเพิ่มขึ้นในใจ แต่นางกลับไม่สามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณที่เข้มข้นของนางออกมาได้และมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของนาง
นางไม่รู้ว่าคำพูดของเขาน่าเชื่อถือเพียงใด
แต่นางก็ไม่กล้าเสี่ยง
หากการเดิมพันนี้แพ้ คงจะเกิดความปั่นป่วนครั้งประวัติศาสตร์ในพื้นที่หวงชาเป็นแน่