คิดว่าถ้าเซี่ยซิงซิงต้องการสร้างความลำบากให้เธอ คงไม่ถึงขั้นยอมเสียสละเวลาส่วนตัวของตนหรอก ยังไงซะก็ดึกขนาดนี้แล้ว ซูฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก ก็กลับไปนั่งที่อีกครั้ง
ซูฉิงฟังเพลงไป เปิดเกมเล็กๆ น้อยๆ เล่นผ่อนคลายไปด้วย พอมองเวลาอีกครั้งก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว เซี่ยซิงซิงยังไม่มา
ซูฉิงไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมาเล่นโทรศัพท์อีกสักพัก ก็ผ่านไปยี่สิบกว่านาที เซี่ยซิงซิงยังคงไม่มา ซูฉิงโทรศัพท์ไป
“คุณจะมาถึงตอนไหน?”
“เพื่อประหยัดเวลาฉันเลยนั่งแท็กซี่ ปรากฏว่าเมื่อกี๊เกิดอุบัติเหตุบนถนน รถติดมาสักพักแล้ว อีกสักประมาณครึ่งชั่วโมงฉันก็ถึงแล้ว วันนี้ซวยจริง ต้องโทษประธานเฉินที่ไม่รีบบอกฉัน ให้ฉันไปดึกขนาดนี้ แถมยังเจอรถติดอีก ฮึ่ย โชเฟอร์ คุณเร็วหน่อย ฉันกำลังรีบนะ!”
ได้ยินเซี่ยซิงซิงบ่น ซูฉิงก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยและหมดความอดทน “งั้นคุณเร็วหน่อยเถอะ”
เซี่ยซิงซิงอยู่ที่บ้านของตน เห็นซูฉิงวางสายไปก็ยิ้มอย่างมีชัย หมุนกายเข้าห้องน้ำ
รอไปเถอะ รอยังไงก็ไม่เจอเธอ
ผ่านไปอีกสี่สิบนาที เซี่ยซิงซิงยังมาไม่ถึง ความอดทนของซูฉิงก็เกือบหมดแล้ว
เธอจึงโทรไปหาเซี่ยซิงซิงอีก “เซี่ยซิงซิง เธออยากค้างคืนที่บริษัทกับฉันหรือไง?”
ในเวลานี้ เซี่ยซิงซิงกำลังนอนมาร์กหน้าอย่างสบายบนโซฟา ใช้น้ำเสียงตำหนิว่า “เธอจะรีบอะไร คิดว่าฉันไม่รีบหรือ? แต่ฉันรีบไปแล้วได้อะไรขึ้นมา เธอรอฉันอีกหน่อย อีกสิบกว่านาทีฉันถึงแน่ นี่ โชเฟอร์ รีบหน่อย อีกสิบนาทีจะถึงไหม? ถึงใช่ไหม ได้ ฉัน…”
“งั้นสิบนาที อีกสิบนาทีฉันยังไม่เห็นคุณ ฉันจะไปแล้ว ส่วนข้อมูลพวกนั้นคุณก็มาบันทึกเองแล้วกัน”
เห็นซูฉฺงวางสายไป เซี่ยซิงซิงก็ยิ้มเย็น ทิ้งโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง นอนกินองุ่นอย่างสบายใจ
สัญชาตญาณบอกซูฉิงว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง คิดไปมา ซูฉิงก็เอาเบอร์ของเซี่ยซิงซิงส่งให้คนคนหนึ่ง “หาตำแหน่งของคนคนนี้ให้ฉัน”
ห้านาทีต่อมา คนคนนั้นก็ตอบกลับ
เมื่อเห็นว่าตำแหน่งของเซี่ยซิงซิงอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ชูฉิงก็ตระหนักได้ และความโกรธก็ปะทุขึ้นใจของเธอ!
เซี่ยซิงซิง ถึงกับกล้าใช้วิธีนี้หลอกเธอ!
ดูแล้วเธอคงจะจิตใจดีเกินไป ถึงคิดว่าคนแบบเซี่ยซิงซิงจะออกจากบ้านมาที่นี่เพื่องาน!
ซูฉิงหยิบกระเป๋าเตรียมออกไป ในใจคิดว่าจะโต้ตอบอย่างไรดี แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไฟก็ดับลง
ในสำนักงานที่ว่างเปล่าก็มืดลงทันที
ตัวซูฉิงชะงักอยู่กับที่ มองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก ค่อยๆ ถอยกลับไปที่ของเธอทีละก้าวทีละก้าว มือไม้พันกันรีบร้อนหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ามาปิดไฟฉาย
เธอกลัวความมืด กลัวมาตลอด
ความกลัวนั้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ใจสั่น มือและเท้าเย็น เหงื่อเย็นๆ ไหลออกทั่วสรรพางค์กาย
เธอในเวลานี้ย่อตัวคลุกเข่าลงขดอยู่ใต้โต๊ะ แม้แสงไฟจากโทรศัพท์จะไม่มีประโยชน์นัก พอคิดว่าความมืดรอบๆ ตัวมีแค่เธอคนเดียว เธอก็กลัวจนแทบสิ้นสติ
เกิดอะไรขึ้น?
ดับไฟแล้วหรือ?
แล้วไฟจะมาเมื่อไหร่?
เธออยากโทรหาหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ก็พบว่าเธอไม่มีวิธีติดต่อหน่วยรักษาความปลอดภัย ก็ยิ่งกังวลขึ้นไปอีก ขณะนี้สมองของเธอก็ขาวโพลนไปหมด
………….
“เกือบสี่ทุ่มแล้ว ซูฉิงยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าไปเหลวไหลอยู่ที่ไหน”
ฮ่อหยุนเฉิงที่รู้สึกกระหายน้ำจึงลงไปเทน้ำใส่แก้ว ก็ได้ยินคำพูดของฮ่อฉิง
แม่ฮ่อก็รีบพูดขึ้นมา “พวกมาจากบ้านนอกก็คือพวกมาจากบ้านนอก ไม่เคยเห็นโลก ชีวิตไร้ระเบียบ ไม่แน่อาจจะไปมั่วอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้!”
ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แต่พอคิดถึงท่าทีของเธอเมื่อวานที่มีต่อเขา ความแปลกใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรซะเธอจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว
แม่ฮ่อตั้งใจพูดให้ฮ่อหยุนเฉิงฟังว่า” หยุนเฉิง ซูฉิงทำตัวไม่ดีลำพังแค่เธอก็ไม่เป็นไรแต่หากเผยแพร่ออกไปกระทบกระเทือนถึงชื่อเสียงของลูกคงจะแย่ หลายคนเห็นเธอตอนนี้ ก็รู้ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของลูก แม่คิดว่าเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ยกเลิกไปก่อนจะดีกว่า ให้เธอกลับไป ออกจากบ้านของเรา หากปล่อยให้เธออยู่ต่อไป บางทีอาจจะเกิดเรื่องขึ้น ดีไม่ดีอาจต้องเป็นตระกูลฮ่อที่ต้องรับผิดชอบ แล้วพวกเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวเรียบเรียบ “คุณปู่พูดว่า อีกสามเดือนถึงจะถอนหมั้น”
“ต้องอีกสามเดือน?” แม่ฮ่อร้องขึ้น “ไม่กี่วันนี้แม่ก็รับไม่ได้แล้ว ลูกไปคุยกับปู่ของลูกอีกทีเถอะ รับไล่เธอไป”
“งั้นแม่ไปพูดกับปู่เองเถอะ” ฮ่อหยุนเฉิงกวาดสายตามองแม่ฮ่อ
แม่ฮ่อรีบหยุดพูด เธอไปพูดต้องถูกกลับมาแน่
ฮ่อหยุนเฉิงไม่สนใจอีก กลับขึ้นไปชั้นบน
มาถึงห้องหนังสือ โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะก็สว่างขึ้นมา มีข้อความแสดงอยู่
เขาสไลด์ปลดล็อกโทรศัพท์ เห็นสองคำ “ช่วยฉัน”
พอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ในใจก็คิดว่าเป็นการเล่นตลก จึงไม่ได้สนใจ จัดการงานส่วนสุดท้ายต่อ ทว่าใจกลับรู้สึกไม่สงบหน่อยๆ
……
เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงอาบน้ำแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง ทว่าไม่มีความง่วง
เธอยังไม่กลับมา ไปไหนกัน?
ฮ่อหยุนเฉิงหลับตา ช่างเถอะ เธอไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขา!
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาพลิกกาย พูดตามเหตุผลเธอไม่รู้จักใครที่นี่เลย ไม่ควรไม่กลับสิถึงจะถูก
เมื่อคิดถึงข้อความขอความช่วยเหลือประโยคนั้น ในสมองก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ฮ่อหยุนเฉิงก็เปิดบทสนทนาของเขาและปู่ขึ้นมา
ตอนนั้นคุณปู่ส่งเบอร์ของเธอให้เขา แต่เขาไม่ได้บันทึกไว้
ตอนนี้เองถึงพบว่า ข้อความนั้น เป็นซูฉิงส่งมา
เธอมีอันตราย?
ฮ่อหยุนเฉิงลุกพรวดขึ้นมา โทรกลับไป แต่โทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้ว
เขาตระหนกขึ้นมาทันที คงไม่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ใช่ไหม
ฮ่อหยุนเฉิงสวมเสื้อผ้าแล้วออกปอย่างรวดเร็ว เขานั่งในรถ ครุ่นคิดไปมา ได้แต่อาศัยดวงไปดูที่บริษัทก่อน อย่างน้อยก็ถามรปภ.ได้ว่าเห็นซูฉิงออกมาจากตอนไหน
ฮ่อหยุนเฉิงมาถึงบริษัท ก็เห็นว่ามืดไปหมดแล้ว เจอรปภ.บอกว่า “วงจรไฟฟ้ามีปัญหา ตอนเช้าจึงจะมีคนมาซ่อม ไม่ให้กระทบพนักงานมาทำงาน”
เมื่อถามถึงซูฉิง รปภ.ก็งุนงง “ผมไม่เห็นเธอ”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว “เธอไม่ได้มาทำงาน?”
“ตอนเช้าเห็นเธอมาทำงาน แต่ตอนเลิกงานไม่เห็นเธอออกมาครับ”
รปภ.พูดอย่างหนักแน่นว่า “ผมมั่นใจว่าผมจำไม่ผิด”
พักนี้ซูฉิงเป็นคนดังของบริษัท หลายคนให้ความสนใจกับเธอ หากซูฉิงผ่านสายตาเขาไปต้องเห็นเธอแน่
งั้นพูดได้ว่า ซูฉิงยังอยู่ในบริษัท? แล้วเธอจะส่งข้อความให้ตนทำไม?
รปภ.คิดไปคิดมา ก็พูดขึ้นว่า” จริงสิ วันนี้ผมได้ยินหลายคนพูดว่าหัวหน้าเลขาให้งานเธอเยอะมาก ต้องทำโอที อาจจะทำโอทีจนเหนื่อยแล้วเผลอหลับไป?”
ไม่ต้องเดาจนมากเกินไป ฮ่อหยุนเฉิงก็ขึ้นไปดูบนตึก รปภ.ก็ตามขึ้นไปด้วย ส่องไฟฉายให้เขา
“ซูฉิง?”
“ซูฉิง!”
ฮ่อหยุนเฉิงตระโกนสองสามรอบ แต่ไม่มีคนตอบกลับ
จนมาถึงโต๊ะทำงานของซูฉิง ก็เห็นกระเป๋าของเธอวางอยู่บนโต๊ะ พอมองต่ำลงก็เห็นแค่เท้าสองข้าง
ฮ่อหยุนเฉิงรีบก้มตัวลง ไฟฉายของรปภ.ก็ส่องไปบริเวณนั้น
ภายใต้แสงไฟ ฮ่อหยุนเฉิงก็เห็นซูฉิงขดตัวเป็นก้อน ใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก