ตอนที่ 9 ค้างคืนด้วยกัน

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

“ซูฉิง? ซูฉิง!”
ฮ่อหยุนเฉิงอุ้มเธอขึ้นมือ ตบหน้าเธอเบาๆ “เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหน?”
ซูฉิงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเธอกำลังตอบตนเองหรือตอบฮ่อหยุถนเฉิง “มืดเหลือเกิน…อย่าไป…อย่าไป…”
มืด? ที่แท้เธอกลัวความมืด!
ใจของฮ่อหยุนเฉิงอ่อนยวบลงในพริบตา ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ท่ามกลางความมืดมิด ใบหน้าซีดเผือด ซุกอยู่ข้างกายเขา
ฮ่อหยุนเฉิงมีความรู้สึกสงสารผุดขึ้นมาในใจ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ตัวของซูฉิงก็ไม่ได้สั่นมากขนาดนั้นแล้ว มีเพียงแค่พึมพำในปากไม่หยุด ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินไม่ชัดเจน ในเวลานี้จึงได้แต่รีบพาเธอจากไป
คอยปลอบประโลมตลอดทางว่า “ไม่มีอะไรแล้ว อย่ากลัว มีฉันอยู่”
พาซูฉิงเข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว เห็นเธอยังกุมชายเสื้อของตนอยู่ ฮ่อหยุนเฉิงจึงถอดเสื้อข้างนอกแล้วคลุมลงบนตัวเธอ
เห็นเธอที่กำลังอ่อนแอในเวลานี้ ราวกับเป็นคนละคนกับตอนกลางวัน ในใจฮ่อหยุนเฉิงก็เกิดความรู้สึกผิด
ถ้าเขาบันทึกเบอร์ของซูฉิงไว้ในโทรศัพท์ ถ้าเกิดเขาได้รับข้อความจากเธอแล้วรีบโทรกลับทันทีก็คงดี
โชคดีที่เขามา ขืนปล่อยเธอไว้ที่นี่คนเดียวทั้งคืน ไม่รู้ว่าจะเกิดผลอะไรตามมา
ฮ่อหยุนเฉิงโอบซูฉิงกลับไปที่ห้อง เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เธอ กำลังจะออกไป กางเกงก็ถูกจับไว้แน่น
เขาหันศีรษะมา เห็นซูฉิงนอนกระสับกระส่าย แม้สีหน้าจะดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังซีดอยู่
เขายกมือจะจับมือเธอออก แต่กลับถูกคว้าไปกอดไว้
“อย่าไป…อยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม…”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ไม่เรียบเฉยเหมือนปกติ น้ำเสียงนุ่มราวกับออดอ้อนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อมองเธอ ในหัวของฮ่อหยุนเฉิงก็ปรากฏภาพใบหน้าของเด็กน้อยคนนั้นขึ้นมา
ตั้งแต่ที่ได้พบเธอเขาก็คิดว่าเธอเหมือนเด็กคนนั้นมาก ตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนมากขึ้นไปอีก
มองอยู่สักพัก ฮ่อหยุนเฉิงไม่อาจตัดใจดึงมือออกได้ จึงนั่งลงข้างเตียง
สายตาอ่อนโยนทอดมองซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงก็เกิดคิดขึ้นมาว่า หากคู่หมั้นของเขาคือเด็กผู้หญิงในปีนั้นคงดีมาก เขาจะต้องรักแล้วถนอมเธอตลอดไป อยู่เป็นเคียงข้างเธอในทุกคืนอันมืดมิดที่น่ากลัว แต่น่าเสียดาย…

ตอนที่ซูฉิงตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างมากแล้ว
เธอมองไปรอบตัวอย่างมึนงง ขณะที่กำลังแปลกใจว่าตนกลับมาได้อย่างไร ก็สบตาเข้ากับฮ่อหยุนเฉิง ตอนนั้นเองเธอก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังกุมมือของฮ่อหยุนเฉิงอยู่
เธอรีบปล่อย แล้วลุกขึ้นมานั่ง “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
พูดออกไปแล้วเธอก็พอจะเดาได้
เมื่อวาน เธอเห็นว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์กำลังจะหมด สภาพย่ำแย่ใกล้จะเป็นลม โทรออกก็ไม่ได้ ตนจึงใช้สติอันเลือนรางส่งข้อความหาฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อมองเห็นใบหน้าอ่อนล้าของฮ่อหยุนเฉิง ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงท่าทางไม่ได้พักผ่อนอย่างชัดเจน ซูฉิงก็พยายามนึกถึงเรื่องที่เธอไม่ได้สติ ลูกหน้าผากอย่างยากยอมรับ
“เป็นนายที่พาฉันกลับมานี่ ขอบคุณมาก…..แต่ว่า นายมาอยู่ที่ห้องของฉันได้ยังไง?”
ถ้ามาส่งเธอ เขามาส่งถึงที่แล้วกลับไปก็ได้แล้วนี่ ไม่จำเป็นต้องเฝ้าเธอทั้งคืนใช่ไหม?
ฮ่อหยุนเฉิงกลับไปอยู่ในท่าทางเย็นชาเหมือนปกติ “เมื่อคืนเป็นใครกันที่ดึงมือฉันไว้ไม่ยอมให้ฉันไป ลืมแล้วหรือ?”
“……”
ซูฉิงยิ่งรู้สึกขัดเขินมากขึ้นไปอีก “แต่…แต่ว่า…ตอนนั้นฉันไม่มีสติ เป็นนายที่มีสตินะ นายปล่อยตอนฉันหลับก็ได้”
“ฉันดูแลเธอทั้งคืนก็ผิดงั้นสิ?”
“ฉัน…ไม่ได้หมายว่าอย่างนี้สักหน่อย” แต่เธอคิดว่าเขาที่ทำแบบนี้ผิดปกติมาก ไม่เหมือนเขาในยามปกติ
สีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงไม่น่ามอง เสียใจที่เมื่อวานตนไม่น่าใจดีอยู่เป็นเธอ
เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า” อย่าคิดมากไป ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเกิดเรื่อง แล้วฉันจะอธิบายกับคุณปู่ม่ได้ก็เท่านั้น ไม่ใช่เพราะเธอ อย่าคิดไปเองล่ะ!”
แม้คำพูดนี้ของฮ่อหยุนเฉิงจะทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี แต่ซูฉิงกลับพ่นลมหายใจเย็นๆ ออกมา คำพูดแบบนี้ถึงจะสมกับเป็นเขา
เธอกลอกตาขาวใส่ฮ่อหยุนเฉิง งั้นคงเป็นนายที่คิดมากไปแล้วแหละ ฉันคนนี้ทำอะไรไม่เคยคิดไปเอง!”
ฮ่อหยุนเฉิงหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ตอนเดินออกไป ฮ่อหยุนเฉิงก็ชนเข้ากับฮ่อฉิง ตอนที่เปิดปิดประตู ฮ่อฉิงเห็นซูฉิงที่นอนอยู่บนเตียง
“พี่ ทำไมพี่ถึงออกมาจากห้องซูฉิงในเวลาแบบนี้?”
ฮ่อหยุนเฉิงไม่สนใจเธอ เดินผ่านไป
ฮ่อฉฺงยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก “พี่คงไม่ได้อยู่ในห้องของเธอตั้งแต่เมื่อวานใช่ไหม? พวกพี่ทำอะไรกัน?”
เช้าขนาดนี้ได้ยินเสียงโวยวายของฮ่อฉิง ซูฉิงจึงลูบผมอย่างหงุดหงิด ลูกขึ้นไปจัดการตนเองในห้องน้ำ
เธอรู้จักตนเองดี รู้ว่าสภาพของตนเมื่อคืนต้องย่ำแย่มากแน่ แล้วยังถูกฮ่อหยุนเฉิงพบเข้า เขาตอนนี้คงรู้จุดอ่อนเธอแล้ว คิดอย่างนี้ได้ ซูฉิงก็รู้สึกไม่สบายใจ
หากเขานำไปหัวเราะเยาะตนทีหลัง เธอต้องขายหน้าแน่
ต้องโทษเซี่ยซิงซิง กล้าหลอกเฮ เธอไม่มีทางปล่อยหล่อนไปง่ายๆ แน่!
ซูฉิงจัดการตนเองเรียบร้อยก็ลงมาที่ห้องอาหาร ฮ่อหยุนเฉิงเห็นเธอก็วางตะเกียบแล้วลุกออกไป
ซูฉิงคุ้นเคยกับท่าทางนี้ของเขาจึงไม่สนใจ นั่งลงทานอาหารเช้า
เมื่อคืนประสบกับเรื่องแบบนั้น ตอนนี้เธอเหนื่อยมาก ต้องการเติมพลัง ต้องทานมากหน่อย
ฮ่อฉิงไม่กล้าออกฤทธิ์กลับฮ่อหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงไปแล้ว ก็รีบถามซูฉิงทันที “เธอเพิ่งมาไม่กี่วัน ก็หลอกล่อพี่ชายฉันแล้ว เธอพูดมานะ เธอกับพี่ทำอะไรกันแน่? ทำไมตอนเช้าเขาออกมาจากห้องเธอ?”
แม่ฮ่อได้ยินเข้าก็ถามกับซูฉิง “มีเรื่องนี้ด้วย? เธออยากทำอะไรกันแน่? แล้วเมื่อวานที่เธอไม่กลับมา เธอไปไหน?”
เผชิญหน้ากับคำถามของทั้งสองคน ในใจของซูฉฺงก็หัวเราะเสียงเย็น มุมปากยกขึ้นปรากฏรอยยิ้มทิ่มแทง “ทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว คุณพูดสิ ฉันกับเขา ชายหญิงอยู่ในห้องด้วยกันทั้งคืน จะทำอะไรได้?”
“เธอ!” ฮ่อฉิงโกรธจนกระทืบเท้า “วันวันรู้จักแต่หลอกล่อผู้ชาย ไร้ยางอาย!”
“ระวังคำพูดคำจาหน่อย” ซูฉฺงหยิบตะเกียบขึ้น รับมื้อเช้าเข้าไปหนึ่งคำ “ฉันกับคู่หมั้นของฉํนทำทุกอย่างถูกต้อง หลอกล่อตรงไหนกัน?”
ฮ่อฉิงถูกซูฉิงทำให้พูดไม่ออก กระแทกตะเกียบกับชาม ลูกขึ้นกลับห้องไป
สองมือกำแน่น ในใจของฮ่อฉิงทั้งริษยาทั้งโกรธเคือง
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างฮ่อหยุนเฉิง ทำไมต้องมาแต่งผู้หญิงบ้านนอกนี่
ซูฉิงเธอไม่คู่ควรเลยสักนิด!
ซูฉิงทานอาหารเช้าเสร็จ กำลังเตรียมไปทำงานคนขับรถก็ก้าวออกมาพูดว่า “คุณหนูซู นายน้อยสั่งให้ผมไปส่งคุณครับ”
ซูฉิงก้าวไปหนึ่งก้าว
ฮ่อหยุนเฉิงให้คนขับรถไปส่งเธอ?
พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกหรือ?
ซูฉิงกำลังคิดว่าจะพูดอะไร แม่ฮ่อก็กระแอมขึ้นมา จ้องมองเธออย่างดุร้าย จากนั้นหันไปพูดกับคนขับรถว่า “เสี่ยวหลี่ ไปส่งชั้นที่ห้างปาหลี”
“แต่ว่าคุณผู้หญิง นายน้อยให้ผมไปส่งคุณหนูซู” คนขับรถลังเลและลำบากใจมาก
“ขอบคุณ แต่คุณไปส่งคุณผู้หญิงของบ้านคุณเถอะ ฉันไปทำงานเองได้” ซูฉิงไม่อยากให้คนขับรถลำบากใจ พูดยิ้มๆ เรียกรถแท็กซี่ ซูฉฺงมุ่งหน้าไปที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป
ขณะกำลังอยู่บนถนน ซูฉิงก็เห็นว่าบนถนนมีสุนัขจรจัดอยู่ วิ่งตัดหน้ารถไปมา อันตรายอย่างมาก