ตอนที่ 21 อาจจะเป็นสามีของฉันที่อยู่ด้านนอก
“นี่คุณยังหน้าแดงอีกเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินยกมุมปากขึ้น ใบหน้าของเขายังคงแฝงไว้ด้วยความตลก
“ประธานจิ่ง ฉันเป็นคนที่มีลูกแล้ว หวังว่าคุณจะช่วยรักษาระยะห่างกับฉันด้วยค่ะ” อันโหรวก้าวถอยไปที่ด้านหลัง ทั้งยังเผยให้เห็นใบหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก
ยกเว้นเรื่องงานแล้ว เธอก็ไม่ได้หวังว่าเขากับเธอจะเกี่ยวข้องกันในเรื่องอื่น ๆ อีก
จิ่งเป่ยเฉินเผยแววตาที่ดำดิ่งลึก ประหนึ่งคล้ายกับท้องฟ้าที่มองไม่เห็น ราวกับมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ทำให้ผู้คนที่เห็นล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจในอารมณ์ของเขา
หากเวลาทำตัวเช่นนี้ คนที่ได้พบเห็นก็ย่อมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้นอารมณ์พวกนี้เขาเคยผ่านมาหมดแล้ว
ตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าครั้งนั้น มีทั้งอำนาจ ความแข็งแกร่ง และการคำนวณที่เป็นแบบแผนมากกว่าครั้งในอดีต
“แม่ครับ” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องของเด็กผู้ชายดังขึ้นมาอีกครั้ง
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “นี่คุณมีลูกสองคนอย่างนั้นเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นั้นเป็นเสียงของเด็กผู้ชาย
“ใช่ สองคน เป็นฝาแฝดหญิงและชาย”
“ที่แท้มีลูกมาหาคุณนี่เอง งั้นขอออกไปดูหน่อยก็แล้วกัน” จิ่งเป่ยเฉินพูดขณะกำลังจะก้าวเดินออกไปที่ประตู
อันโหรวพลันหงุดหงิดขึ้นมาทันที ที่ด้านนอกเธอรู้อยู่แล้วว่าหยางหยางกำลังรออยู่หน้าประตู
“ประธานจิ่ง!” เธอพลันตั้งสติได้และรีบพุ่งไปที่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อหวังที่จะดึงเขากลับมาด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเองมี
“คุณไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกหรอก ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิดเอาได้”
เมื่อเห็นเขาไม่ได้พูดอะไร เธอจึงเอ่ยประโยคต่อไปว่า “บางทีสามีของฉันอาจจะอยู่ที่ข้างนอกก็ได้”
ก่อนหน้านั้นเธอพูดโกหกจนหน้าแดง แต่ตอนนี้ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างจริงจัง ครั้งนี้เธอไม่ได้หน้าแดงแต่อย่างใด
“อะไรกัน กลัวถูกจับได้งั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา จากนั้นจึงเดินอ้อมไปที่หน้าประตู
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เขาก็เปิดประตูออกไปทันที
หัวใจของอันโหรวพลางเต้นตึกตัก เขาเปิดประตูออกไปแบบนี้ หยางหยางเองก็อยู่ข้างนอก แล้วจะทำยังไงดี?
เกรงว่าต้องถูกพบเจอแน่ ๆ
ถ้าหากเขาเห็นหยางหยางที่ดูคล้ายเขามากขนาดนั้น แล้วเขาจะคิดยังไง?
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงดูน่าสงสัยไม่น้อย
มันสายเกินไปแล้ว ที่ด้านนอกตอนนี้ประตูถูกเปิดออก เสียงเด็กตัวน้อยก็ได้ดังเข้ามา
“แม่จ๋า”
อันโหรวได้ยินก็พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่คือเสียงของหน่วนหน่วนที่ดังขึ้นมา เมื่อมองไปที่นอกประตูก็เห็นหน่วนหน่วนเพียงคนเดียว
“สามีของคุณไม่ได้อยู่นี่” จิ่งเป่ยเฉินยิ้มพลางหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อไปว่า “แม้ว่าจะอยู่ที่นี่แล้ว คุณก็ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีเงาแปลก ๆ อะไร ถ้าหากคุณกลัว นั่นก็เป็นเพราะใจคุณคิดอกุศลขึ้นมาเองทั้งนั้น”
อันโหรวได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกเสียใจ อะไรคือคิดอกุศลในใจ เป็นเขาต่างหากที่บังคับให้เธออยู่ ใจจริงแล้วเธอไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลย
“หน่วนหน่วนไปกับแม่” อันโหรวพูดขณะเดินออกไปข้างหน้า เธอจับมือของลูกสาวเอาไว้
ศีรษะเล็ก ๆ ของอันหน่วนหมุนกลับไปมา ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้าก “คุณลุง คุณลุงไม่ไปกับพวกเราเหรอคะ?”
อันโหรวพูดแทบไม่ออก รู้สึกว่าเจ้าลูกสาวตัวน้อยนี่จะติดกับดักเขาเข้าแล้ว
เขาใช้อุบายอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้หน่วนหน่วนติดเขาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้
แม้ว่าหน่วนหน่วนจะดูโง่เขลาที่พูดออกไปแบบนั้น แต่เธอก็ค่อนข้างระมัดระวังตัวอยู่ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่เป็นผู้ชาย การยิ้มให้ผู้คนเห็นนั้นก็เพื่อแสดงออกเป็นมารยาทเท่านั้น
“ลุงไม่ไปหรอก แต่ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่กับลุงด้วย ลุงก็ยินดีนะ”
เมื่อเขาพูดจบ อันโหรวก็มองเขาด้วยแววตาที่เย็นชา นี่เขาวางแผนจะทำให้หน่วนหน่วนอยู่ที่นี่ต่องั้นเหรอ?
ถ้าหากลูกสาวเธออยู่ที่นี่ เธอคงไม่อาจไปไหนได้แน่ ๆ
“ประธานจิ่ง พรุ่งนี้ฉันจะวางแผนการทำงานไว้บนโต๊ะทำงานของคุณอย่างตรงเวลาแน่นอน”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็รีบหยิกไปที่แก้มน้อย ๆ ของลูกสาวเบา ๆ “ไป กลับไปกับแม่ น้าจือเซี๋ยวคงรอนานแล้ว”
อันหน่วนทำหน้ามุ่ย “ความจริงพี่ชายกับหนูขึ้นมาด้วยกัน แต่น้าจือเซี๋ยวดึงพี่เขาไว้และให้ลงไปข้างล่าง ตอนนี้น่าจะอยู่ข้างล่างแล้วค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินลดใบหน้าลงพลางคิดในใจว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ข้อความที่เลขาหลินส่งมานั้น เห็นได้ชัดว่าเด็กกลับบ้านไปแล้ว
แต่นี่ทำไมถึงยังปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีก? ทำไมถึงโกหกเขา?
เรื่องง่าย ๆ แบบนี้อย่าคิดโกหกอีกเลย ไม่เช่นนั้น…
“คุณลุงขา แม่จ๋าไม่อนุญาตให้หนูอยู่กับคุณลุง งั้นก็ลาก่อนนะคะ!” อันหน่วนยกมือน้อย ๆ โบกไปมา แก้มสองข้างพลันปรากฏลักยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูน่ารัก อันโหรวเห็นแบบนั้นก็รู้สึกโกรธลูกสาวคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย