เหลิ่งรั่วปิงตั้งใจทำงานมากๆ เหมือนเธอทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้กับงาน และเขาก็แค่เป็นตัวส่งเสริมให้เธอโดดเด่นขึ้นเท่านั้น
พอเห็นโมเดลที่เสร็จไปหนึ่งครึ่งที่อยู่บนโต๊ะ หนางกงเยี่ยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขานั้นพูดไม่ออก ในใจเหมือนติดอะไรบางอย่างอยู่ ทว่าโสตประสาทของเขากลับบอกให้เขาอย่าแสดงอาการอารมณ์เสียออกมา
แต่ยังไงก็ตาม วันนี้เขาไม่อยากจะให้สีหน้าที่ดีกับเธอได้
ทันใดนั้น เขาจึงไม่แสดงทีท่าอะไรออกมาได้ แค่ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบๆ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่เธอจะสังเกตเห็นเขา
จริงๆ ตอนที่เขาพึ่งกลับมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เหลิ่งรั่วปิงก็สามารถรับรู้ได้ เธอคือนักฆ่า เธอจึงไวต่อความรู้สึกและแม่นยำกับเสียงและเสียงหายใจต่างๆ ที่ดังขึ้น แต่เธอกลับทำเป็นไม่รู้ หนึ่งคือเธอไม่อยากแสดงความสามารถของตัวเองออกมา และสองคือเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาในสถานการณ์แบบนี้ สำหรับคำพูดที่คุยกับอวี้หลานซี ก็คือคำพูดที่เธออยากให้หนานกงเยี่ยฟัง
เธอคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับอวี้หลานซี แน่นอนว่าต้องไม่ยอมให้อวี้หลานซีต้องลำบากใจ ดังนั้น ถ้าเธอสามารถบ่งบอกทุกอย่างอย่างชัดเจน แล้วให้เขาไว้วางใจ ทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้หวังสูงและไม่ได้คิดจะตอแยเขา เขาจึงจะสามารถวางความกังวลทุกอย่างที่มี ตอนนี้เธอไม่สามารถทะเลาะกับเขาได้ แผนการแก้แค้นของเธอพึ่งจะเริ่มขึ้น ไม่สามารถตายตั้งแต่แรกเพราะเรื่องแบบนี้
เธอรู้หนานกงเยี่ยยืนอยู่ข้างหลังเธอ และรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ถือว่าดีมากนัก และกำลังครุ่นคิดใคร่ครวญถึงอะไรบางอย่างอย่างละเอียด เหลิ่งรั่วปิงจึงวางอุปกรณ์ในมือลง แล้วเหยียดกายลุกขึ้นอย่างสง่า จากนั้นก็หันไปส่งยิ้มบางๆ “คุณหนานกง คุณกลับมาแล้วหรอ”
ยิ้มของเธอถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ ทว่าก็ดูอ่อนโยนกว่าปกติ ถ้าหากหนานกงเยี่ยไม่ได้ยินคำพูดที่เธอพูดก่อนหน้านี้ ก็คงจะทำให้เขาคิดว่าเธออยากจะใกล้ชิดกับเขา
ต่อให้รู้ว่ารอยยิ้มของเธอนั้นจอมปลอม ทว่าก็ยังทำให้หนานกงเยี่ยรู้สึกสบายใจเล็กน้อย รอยยิ้มของเธอนั้นสวยจริงๆ
หนานกงเยี่ยมองเครื่องแกะสลักเลเซอร์ที่อยู่บนโต๊ะ “เดี๋ยวผมจะให้พ่อบ้านจัดห้องให้เป็นห้องออฟฟิศของคุณ”
“ขอบคุณค่ะ” หนานกงเยี่ยอารมณ์ไม่ดีมากนัก เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกได้
สีหน้าของหนานกงเยี่ยยังคงเย็นชามากๆ เหมือนเป็นเสือซีต้าที่พร้อมจะโจมตีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา “เหลิ่งรั่วปิง คุณไม่อยากเป็นคุณผู้หญิงของคุณชายหนานกงจริงๆ หรอ”
“คุณหนานกงวางใจเถอะ ฉันรู้ตัวดี”
หนานกงเยี่ยเม้มมุมปากเล็กน้อย นัยน์ตาอันเฉียดคมค่อยๆ สังเกตมองใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิง ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองอารมณ์ของเขาออกได้
ผ่านไปสักพัก เขาจึงเม้มปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย “ดีมาก คุณคลายความกังวลของผมได้ตั้งเยอะ”
จากนั้น หนานกงเนี่ยจึงเอาสมุดเช็คและปากกาหนึ่งด้ามออกมา แล้วก้มหน้าลงเขียนเช็คอย่างสง่าหนึ่งใบ แล้วฉีกออกมา จากนั้นก็เงยหน้ามองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความดูถูก “ไหนๆ คุณก็รู้ตัวดีขนาดนี้ งั้นผมก็ควรตบรางวัลคุณหน่อย”
การต้องเผชิญกับการถูกข่มเหงของการเกิดมาเป็นผู้หญิงที่เปลือยกาย เหลิ่งรั่วปิงอดกลั้นความใจร้อนที่อยากจะกระทืบคน มือที่กำหมัดไว้แน่นๆ ก็ค่อยๆคลายออก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “ถึงแม้ฉันกับคุณหนานกงไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องความรู้สึก แค่พูดถึงเรื่องเงินเท่านั้น ทว่าเงินนี้ก็ต้องรับไว้อย่างสมเหตุสมผลถึงจะได้”
“เหอะ! ผมยังนึกว่าคุณเป็นคนที่ไม่เคยปฏิเสธอะไรสักอีก” หนางกงเยี่ยแสยะยิ้มอันเย้ยหยันขึ้น “อวี้หลานซีเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคุณ ครั้งหน้าถ้าจะพูดอะไรก็ระวังหน่อย”
ผู้หญิงที่ไม่เหมือนเธอ งั้นก็หมายความว่าเธอต่ำทราม แต่อวี้หลานซีนั้นสูงสง่า
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจแล้ว นี่คงจะเป็นค่าปิดปาก และกำลังจะตักเตือนเธอว่าสามารถใช้คำพูดคำจาแบบนั้นกับอวี้หลานซีได้ และไม่สามารถทำร้ายอวี้หลานซีได้
ระหว่างที่เธอกำลังหยุดชะงักไป หนานกงเยี่ยก็เดินไปถึงตรงหน้าเธอ แล้วเอาเช็คยัดเข้าไปในคอเสื้อของเธอ พร้อมกับมองเธอด้วยสีหน้าที่ดูถูก
เหลิ่งรั่วปิงพยายามจะเกลี้ยกล่อมตัวเองอีกครั้ง นี่เป็นเส้นทางที่ตนเองเลือก จึงไม่ควรไปโทษฟ้าโทษดินได้ เธอต้องยอมรับการถูกดูถูกพวกนี้ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคงอยู่ตลอดไปอยู่แล้ว
จากนั้นเธอจึงยิ้มอย่างสง่างาม แล้วเอาเช็คมาไว้ในมือพลางมอง “หนึ่งล้านหยวน คุณหนานกงสป๊อตจริงๆ”