ตอนที่ 32 ป่าวชิงไม่ได้ปัญญาอ่อน

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 32 ป่าวชิงไม่ได้ปัญญาอ่อน

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เจียงป่าวชิงได้ยินมาว่าตระกูลตู่ขายหลานสาวให้กับพ่อบ้านที่รับหิ้วของในอำเภอคนหนึ่ง และได้รับเงินตอบแทนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

แต่ชื่อเสียงในอำเภอของพ่อบ้านที่รับหิ้วของคนนั้นแย่มาก ได้ยินมาว่าเขาอยู่ในอำเภอเพียงครึ่งเดือน ก็มีศพผู้หญิงสองคนถูกแบกออกมาจากในบ้านของเขาแล้วโดยที่ทั้งคู่เป็นเด็กสาววัยแรกแย้ม เล่ากันว่าตอนที่แบกออกมานั้น ศพแทบจะไม่เหลือเนื้อดีเลยก็ว่าได้ สภาพบวมช้ำและดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเรื่องนี้ หลีโผจื่อถึงกับตีวัวกระทบคราดอยู่ตรงนอกหน้าต่างห้องของเจียงป่าวชิง นางบอกว่าตระกูลเจียงของนางจิตใจดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ขายเจียงป่าวชิงให้กับคนรับหิ้วของคนนั้น แต่นางกลับทำตัวเป็นหมาป่าตาขาวที่ไม่รู้จักบุญคุณคน

ตอนนี้ป้าตู่กลัวคนอื่น ๆ หาว่าครอบครัวตนเองขายหลานสาวกินมากที่สุดแล้ว ครอบครัวของนางทำเรื่องชั่ว ๆ ได้ลงคอ แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นพูดกระทบถึงตน

“อ้ายอีหน้าไหนที่เป็นคนพูดคำพูดบ้า ๆ นี้ออกมา!” ป้าตู่โวยวายลั่น “ที่บ้านข้าส่งหลานสาวให้แต่งเข้าไปในบ้านคนรวยก็เพื่ออยากให้นางได้ไปเสวยสุข เหตุใดจึงบอกว่าขายหลานสาวกิน ?! หากใครพูดนินทาอีก ข้าจะฉีกปากมันคอยดูสิ!”

“พอแล้ว พอแล้วขอรับ…” ซุนต้าหูรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ตอนนี้ก็ตอนบ่ายพอดี เราควรกลับกันได้แล้วขอรับ”

ป้าตู่ส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ และไม่สนใจเจียงป่าวชิงกับป๋ายรุ่ยฮัวอีก นางหันไปพูดกับผู้หญิงด้านข้าง ราวกับอวดว่ามาในอำเภอครั้งนี้ ตัวเองได้ซื้อของอะไรกลับไปบ้างทำนองนั้น

เมื่อซุนต้าหูเห็นห่อผ้าขนาดใหญ่ที่อยู่บนหลังเจียงป่าวชิง เขาก็ตะลึงไปเล็กน้อย “น้องชิง เจ้าไปซื้ออะไรมา ทำไมถึงถุงใหญ่ขนาดนี้ ?”

เจียงป่าวชิงเห็นซุนต้าหูถามคำถามนี้ เกือบทุกคนบนรถก็หูผึ่งทันที เจ้าคนปัญญาอ่อนนี่ไปเอาเงินมาจากไหนถึงซื้อของได้มากมายขนาดนี้

“ก็ไม่ได้ซื้ออะไรหรอกพี่ต้าหู เป็นเศษผ้าทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงปลดห่อผ้าลงมาจากบนหลังอย่างใจกว้าง จากนั้นก็เปิดปากช่องเล็ก ๆ และหยิบเศษผ้าออกมา นางยกเศษผ้าขึ้นสูงเพื่อให้คนพวกนั้นได้เห็นกันถ้วนหน้า “เพราะมันเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกินไป ทางร้านจึงขายให้ข้าในราคาไม่กี่สลึงเท่านั้นเอง”

เจียงป่าวชิงพูดมั่ว ๆ ขึ้นมาเพื่อให้ราคาดูต่ำลง สีหน้าท่าทางของนางดูไม่รีบร้อนเลย

และอันที่จริง โดยทั่วไปก็มักจะมีเรื่องแบบนี้จริง ๆ เพราะเศษผ้าบางชิ้นมันเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกินไป ทั้งคุณภาพยังไม่ค่อยดีอีกต่างหาก ใช้ทำอะไรก็ไม่ได้ ทางร้านจึงมักจะขายให้คนที่อยากได้ในราคาต่ำ

ซุนต้าหูเกาศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดออกมาตรง ๆ “น้องชิง เจ้าถูกทางร้านหลอกหรือเปล่า เศษผ้าพวกนี้เป็นเศษเล็กเศษน้อยเกินไป มันใช้ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ไม่กี่สลึงก็ยังถือว่าแพงอยู่ดีนั่นแหละ”

เจียงป่าวชิงแสร้งทำท่าทีขัดใจราวกับว่า ‘มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ’ ทำนองนั้น “จริงหรือเจ้าคะพี่ต้าหู ข้าคิดว่าตัวเองได้กำไรเสียอีก”

และแน่นอนว่านางได้กำไรจริง ๆ เศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยพวกนี้เป็นเศษผ้าชิ้นเล็ก ๆ ที่นางจงใจเลือกออกมาจากในกองเศษผ้า แล้วนำมาวางด้านบนเพื่อให้คนอื่น ๆ คิดว่านางซื้อของที่ไร้ประโยชน์กลับมา ไม่อย่างนั้น หากเรื่องนี้ไปถึงหูคนในตระกูลเจียงภายหลัง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดแผนชั่วอะไรออกมาอีกบ้าง

เนื่องจากเจียงป่าวชิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบครั้งใหญ่ ป้าตู่จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษตลอดทาง นางทำหน้าอวดดี แต่ไม่ได้คิดไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี ทำเพียงพูดเยาะเย้ยเจียงป่าวชิงกับคนข้าง ๆ เท่านั้น “เหอะ! ก็แค่เจ้าปัญญาอ่อนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกคนหนึ่ง”

และนี่คือผลลัพธ์ที่เจียงป่าวชิงต้องการ นางก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นท้อใจ แต่ในใจลิงโลด

ทว่าอาจเป็นเพราะเจียงป่าวชิงเล่นละครได้สมจริงเกินไป แม้แต่ป๋ายรุ่ยฮัวก็ยังอดไม่ได้ที่จะตบไหล่นางเบา ๆ และพูดปลอบนาง “อา… ยังดีที่ไม่กี่สลึง ถึงตอนนั้นนำเศษผ้ามาเย็บด้วยกัน ก็ยังพอทำเป็นกระเป๋าเงินเล็ก ๆ ได้อยู่บ้าง”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าพลางทำท่าทางท้อใจ

ซุนต้าหูอ้าปากอยากจะพูดอะไร สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ได้พูด

ตอนที่รถล่อมาถึงชีหลี่โว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเล็กน้อย ทุกคนลงรถใต้ต้นไม้ ตอนที่ป้าตู่ลงจากรถ นางยังคงใช้สายตาทิ่มแทงป๋ายรุ่ยฮัว จากนั้นก็หันไปหัวเราะเยาะเจียงป่าวชิงเสียงสูง เสร็จแล้วถึงจะกอดของเหล่านั้นพร้อมจูงมือตู่ชู่เชิงหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของนางจากไป

เจียงป่าวชิงส่งถุงยาให้ป๋ายรุ่ยฮัว เมื่อป๋ายรุ่ยฮัวรับมา นางก็ชะงักไปทันที จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างลังเลใจ “ป่าวชิง… เหตุใดยานี้ถึงได้ดูน้อยกว่าก่อนหน้านี้มากเลยหรือ ?”

เจียงป่าวชิงนิ่งมาก นางพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า “ไม่นี่เจ้าคะ พี่รุ่ยฮัวคงจะดูผิดแล้วล่ะ ข้าเป็นคนไปต้มยานี้เอง ไม่ผิดแน่ พี่ดูสิเฟิ่งเอ๋อร์ก็ดีขึ้นไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวยังคงรู้สึกลังเล นางหันไปมองเฟิ่งเอ๋อร์ที่กำลังกินขนมอย่างเงียบ ๆ อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองเล็กน้อย สุดท้ายนางก็พยักหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “ดีขึ้นมากจริง ๆ ด้วย”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงยัดถุงยาเหล่านั้นใส่ในมือป๋ายรุ่ยฮัว “พี่รุ่ยฮัว อย่าลืมให้เฟิ่งเอ๋อร์กินยาให้ตรงเวลานะเจ้าคะ”

ซุนต้าหูยืนอยู่ตรงหน้าเจียงป่าวชิง และเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เจียงป่าวชิงล้วงเงินห้าทองแดงออกมาจากในอ้อมแขน จากนั้นก็ยัดใส่ในมือซุนต้าหูและหมุนตัววิ่งจากไปทันที

ซุนต้าหูไม่ได้ตั้งตัวและไม่คิดมาก่อนว่าเจียงป่าวชิงจะทำเช่นนี้ เขาตะลึงไปชั่วขณะ และเมื่อเขาตอบสนองกลับมา เจียงป่าวชิงก็แบกห่อผ้าของนางวิ่งออกไปไกลเสียแล้ว ซุนต้าหูถือทองแดงห้าแผ่นนั้นไว้ในมือด้วยความตะลึง ทองแดงสี่แผ่นคือค่ารถไปกลับ ส่วนอีกหนึ่งแผ่นคือเงินค่าเข้าเมืองที่เขาให้เจียงป่าวชิงยืมก่อนหน้านั้น

สุดท้าย ซุนต้าหูก็บอกไม่ถูกว่าในหัวใจของตัวเขาเองรู้สึกอย่างไร เขาเอาแต่กำทองแดงห้าแผ่นนั้นไว้แน่น

……

เรื่องที่เจียงป่าวชิงซื้อเศษผ้ากลับมาห่อใหญ่โดยเสียเงินเปล่า ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วชีหลี่โวอย่างรวดเร็ว และตอนที่หลีโผจื่อออกไปพูดคุยกับเพื่อน ๆ ข้างนอก นางก็ถูกเพื่อน ๆ หยอกล้อและหัวเราะเยาะใส่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นี่ทำให้นางโกรธจนแทบจะพ่นไฟออกมาเสียเดี๋ยวนั้น แต่นางก็หนีกลับบ้านด้วยความโมโห

วันนี้เจียงหยุนชานกลับมาพอดี ตอนที่หลีโผจื่อถีบประตูเข้าไปในห้อง ก็พบว่าเจียงหยุนชานนั่งอยู่ข้างเตียงอิฐ เขากำลังเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจของโรงเรียนในอำเภอให้เจียงป่าวชิงฟัง

หลีโผจื่ออายุปูนนี้แล้ว สายตาจึงไม่ดีเป็นธรรมดา แต่นางยังสามารถมองเห็นได้อย่างรำไรว่าเจียงป่าวชิงถืองานเย็บปักถักร้อยไว้ในมือและเหมือนกำลังเย็บเศษผ้าอยู่  เมื่อเห็นดังนั้น หลีโผจื่อก็ก่นด่าขึ้นมาทันที “เจ้าเท้าเล็ก! เจ้ามันตัวทำลายชื่อเสียงของตระกูล มีทองแดงไว้ในมือยังไม่คิดจะแสดงความกตัญญูต่อคนในบ้านอีก เอาแต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย  ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่าเจ้ามันเป็นหมาป่าตาขาว  ของบ้าบออะไร! ซื้อเศษผ้ามาทำไมกัน ?! เอามาเย็บเพื่อรองรับฉี่ของตัวเองรึ ?!”

หลีโผจื่อก่นด่าอย่างไม่ใยดี

อันที่จริงคือหลีโผจื่อเห็นแก่หน้าเจียงหยุนชาน ไม่อย่างนั้นนางลงไม้ลงมือไปตั้งนานแล้ว

เจียงหยุนชานเคยได้ยินเจียงป่าวชิงพูดถึงเรื่องที่มาที่ไปของทองแดงเหล่านั้นแล้ว จึงรู้ว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนที่คนอื่นให้นางไว้เมื่อครั้งที่นางอยู่ในป่าลึก และได้ช่วยคุณหนูของตระกูลร่ำรวยคนหนึ่ง  นอกจากนี้ เขาก็เข้าใจวิธีที่น้องสาวซ่อนเงินเพื่อไม่ให้คนนอกรู้เช่นกัน

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ดูปฏิกิริยาของหลีโผจื่อในวันนี้ก็รู้แล้ว

เจียงหยุนชานหน้าแดง เพราะรู้สึกโกรธต่อคำพูดหยาบคายที่ท่านย่าสองหลีโผจื่อพูดเมื่อสักครู่ เขาเรียกขึ้นด้วยความโกรธเคืองว่า “ท่านย่าสอง!”

หลีโผจื่อชำเลืองมองเจียงหยุนชานเล็กน้อย นางทำการสอนเจียงหยุนชาน “หยุนชาน ย่าสองไม่ได้ว่าเจ้า เจ้าดูสิว่าเจ้าโตขนาดไหนแล้ว และทั้งหมู่บ้านนี้ มีเด็กที่ไหนบ้างที่มีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือในอำเภอ ? มีแต่ตระกูลเจียงของเรานี่แหละที่ดึงเข็มขัดกางเกงให้แน่นเพื่อส่งเจ้าไปเรียนหนังสือในอำเภอ  ต่อไปย่าก็หวังว่าเจ้าจะเคารพและกตัญญูต่อคนในบ้าน   เจ้าดูสิ พอมีทองแดงเท่าไหร่เจ้าก็เอาไปให้น้องสาวเจ้าผลาญหมด เมื่อก่อนนางปัญญาอ่อน ข้าว่าตอนนี้สมองของนางก็น่าจะยังมีปัญหาอยู่นั่นแหละ”

เดิมทีเจียงหยุนชานก็ไม่ใช่คนที่ถนัดเรื่องถกเถียงอยู่แล้ว เมื่อหลีโผจื่อย้ำคำพูดเดิม ๆ เกี่ยวกับเรื่องเรียนหนังสือของเขา ใบหน้าของเขาก็ใกล้จะเป็นสีม่วงอยู่รอมร่อ แต่เขากลับทำเพียงแค่นเสียงออกมาหนึ่งประโยคเท่านั้น “ท่านย่าสอง ป่าวชิงไม่ได้ปัญญาอ่อนนะขอรับ!”

.