บทที่ 8.2 ความลึกลับของวิชาเทพอมตะ (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้น โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป ในขณะที่ปราณสวรรค์ของกำลังหมุนเวียนผ่านชีพจร เขาก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบ้าคลั่งกระหายเลือด

เกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ได้เกิดจากพลังปราณสวรรค์ เพราะซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยตอนที่เธออธิบายสิ่งต่างๆ กับเขาก่อนหน้านี้

ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในหัวของโจวเหว่ยชิง เขาจำเสือดำขนาดใหญ่ในคืนนั้นได้ในความทรงจำของเขา นั่นคือความรู้สึกบ้าคลั่งกระหายเลือดที่เขารู้สึกได้จากตัวมัน แม้แต่ความรู้สึกเยือกเย็นในคืนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน โชคดีที่รังสีชั่วร้ายเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่คิดร้ายกับเขา ในความเป็นจริง เมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้นก็ดูเหมือนว่าพลังปราณสวรรค์ของเขาเริ่มเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นด้วยซ้ำ

ในที่สุด กระแสพลังปราณสวรรค์ทั้งสองสายก็มาถึงบริเวณจุดตายบนกระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้าง พวกมันจึงสัมผัสโดนจุดหลุมดำที่อยู่ที่นั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อปราณสวรรค์ปะทะเข้ากับหลุมดำ ทันใดนั้นพวกมันก็เร่งความเร็วขึ้นและไหลไปตามแขนของโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก วินาทีต่อมา ปราณสวรรค์ทั้งสองสายก็ไหลมาถึงจุดไท่หยวน จุดตายบนข้อมือของเขา

ความรู้สึกราวกับทั่วทั้งร่างกำลังเชื่อมประสานกันทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกเหมือนมณีสวรรค์ของเขากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เพียงวูบเดียว มณีของเขาก็ไหลกลับเข้าสู่ร่างผ่านจุดไท่หยวนบนข้อมือและนอนแน่นิ่งอยู่ในเส้นชีพจรของเขา โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าเขาสามารถสัมผัสได้รางๆ ถึงมณีภายในร่าง

นี่ข้าทำสำเร็จแล้วรึ? ดูเหมือนว่าจะไม่ยากอย่างที่คิดไว้นี่นา โจวเหว่ยชิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขาสามารถเรียกคืนมณีได้สำเร็จในการลองครั้งแรก เขาไม่ได้รู้เลยว่า เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เขาสามารถเรียกมณีคืนสำเร็จนั้นเป็นเพราะว่าเขาได้ทะลวงจุดไท่หยวนบนข้อมือของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นสามารถช่วยให้การเรียกคืนและปลดปล่อยมณีเป็นไปได้อย่างง่ายดาย มิเช่นนั้นแล้วผู้ฝึกหัดเช่นเขาจะประสบความสำเร็จภายในครั้งแรกได้อย่างไร! สิ่งนี้ย่อมเป็นสิ่งที่แม้แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เองก็ยังคาดไม่ถึง และมันก็เป็นเพียงผลพลอยได้เล็กๆ น้อยๆ ที่วิชาเทพอมตะมอบให้เขาเท่านั้น

เขาพลันเพ่งความคิดไปควบคุมจุดเชื่อมโยงระหว่างปราณสวรรค์ และจุดไท่หยวนที่ข้อมือ ทันใดนั้นมณีสวรรค์ทั้งสองดวงของเขาก็พุ่งออกมาจากข้อมือ และเพียงแค่ใช้ความคิดอีกครั้ง พวกมันก็กลับเข้ามาอยู่ในร่างกายเขา กระบวนการทั้งหมดนั้นดูง่ายดายเป็นอย่างมาก

หากซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้เกี่ยวกับกระบวนการฝึกของเขา เธอจะต้องตกใจอย่างแน่นอน แม้แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะแห่งอาณาจักรก็ยังใช้เวลาถึงครึ่งเดือนกว่าจะสามารถเรียกคืน และปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเธอได้คล่องแคล่ว ทว่าโจวเว่ยชิงกลับทำสำเร็จภายในครั้งเดียว

โจวเว่ยชิงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมณีสวรรค์ของเขามาก และเนื่องจากเป้าหมายการฝึกของเขาในวันนี้ได้สำเร็จไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะศึกษามณีสวรรค์ และพลังของมันให้ถ่องแท้ ไม่ต้องพูดถึงเด็กอายุ 13 ปีเช่นเขาเลย แม้แต่คนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวก็คงตื่นเต้นจนอยากจะรีบสำรวจมณีสวรรค์ของพวกเขาทันทีที่ปลุกมันขึ้นมาได้เช่นกัน

เขาเลือกที่จะสำรวจมณียุทธ์หยกน้ำแข็งของเขาก่อน เพราะว่าไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขานั้นได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับมัน

ก่อนหน้านี้ขณะที่เขาพยายาม “ปลดปล่อย” และ “เรียกคืน” มณีของตนนั้น โจวเหว่ยชิงได้ใช้พลังปราณสวรรค์ของตนห่อหุ้มมณีพวกนั้นไว้ ทำให้พวกมันสามารถผสานเข้ากับพลังของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนย้ายมณีพวกนั้นได้อย่างง่ายดายผ่านจุดไท่หยวน เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาจึงใช้ปราณสวรรค์ของเขาแทรกซึมเข้าสู่มณียุทธ์อย่างระมัดระวัง

ขณะที่ปราณสวรรค์กำลังกลืนกินมณียุทธ์ ร่างของเขาก็สั่นสะท้าน ราวกับขุมพลังบริสุทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งอัดแน่นอยู่ในนั้นแพร่กระจายออกมาจากมือขวาของเขาก่อนจะลามไปทั่วร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นชีพจร สิ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแต่ถูกเติมเต็มด้วยพลังอันเข้มข้นนั้นเช่นเดียวกัน  เขารู้สึกราวกับว่าตนเองมีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นจนสามารถยกวัวตัวใหญ่ขึ้นได้อย่างง่ายดายหากว่ามันยืนอยู่ตรงหน้าเขา

หลังจากมณีสวรรค์ของเขาถูกปลุกขึ้นมา แม้ว่าโจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าร่างกายของเขาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลง และมีพัฒนาการมากมาย แต่มันก็ยังห่างไกลจากความรู้สึกที่เขามีอยู่ในตอนนี้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้มีเพียงความแข็งแกร่งและความคล่องตัวที่พัฒนาขึ้นเล็กน้อย รวมทั้งร่างกายของเขาที่รู้สึกเบาลง อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่แท้จริงซึ่งกำลังไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเขา เขารู้สึกราวกับได้ระเบิดพลังภายในร่างกายออกมา

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงยังพบว่า ขณะที่ความแข็งแกร่งนี้กำลังกระจายไปทั่วตัวของเขา พลังปราณสวรรค์ภายในร่างก็ถูกกลืนหายไปอย่างช้าๆ เช่นกัน แม้ว่าอัตราการกลืนกินจะไม่เร็วนัก แต่ปราณสวรรค์ก็ไหลทะลักออกไปจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ถึงตอนนี้เขาได้ทะลวงจุดตายไปแล้ว 4 จุดคือ จุดกระดูกไหปลาร้า จุดไท่หยวน จุดซูซานหลี่ และจุดซานหยินเจียว และตอนนี้เขาก็พบว่าหลุมดำบนจุดตายพวกนั้นจะเพิ่มอัตราการดูดกลืนเมื่อปราณสวรรค์แทรกซึมเข้าสู่มณียุทธ์ของเขา ยิ่งไปกว่านั้น อัตราการดูดกลืนยังสูงกว่าตอนที่เขาพยายามเพิ่งสมาธิไปยังหลุมดำเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวซะอีก!

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการดูดกลืนของหลุมดำพวกนั้นจะเร็ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยปราณสวรรค์ที่เสียไปได้ พวกมันทำได้เพียงชะลอการลดลงของปราณสวรรค์ในร่างกายเท่านั้น

โจวเว่ยชิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก และคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามหากซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้เรื่องนี้เข้า เธอจะต้องอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงแน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นจ้าวมณียุทธ์ จ้าวมณีธาตุ หรือจ้าวมณีสวรรค์ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาจะใช้มณี พวกเขาจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบก่อนเสมอเพราะปราณสวรรค์นั้นจะสะสมได้ผ่านการฝึกฝนเท่านั้น แม้ว่าการฝึกขั้นสูงบางอย่างจะสามารถกู้คืนพลังปราณสวรรค์ได้อย่างช้าๆ ขณะที่ไม่ได้ฝึกฝน แต่ก็ยังแตกต่างจากโจวเว่ยชิงที่สามารถดูดซับปราณสวรรค์ได้แม้ในขณะที่เขากำลังใช้มณี!

นี่เป็นความลับอีกอย่างหนึ่งของวิชาเทพอมตะ

การเสี่ยงชีวิตของคนๆ หนึ่งเพื่อทะลวงผ่านจุดตาย หากผ่านอันตรายมาได้มากมายขนาดนี้แล้ว จะไม่มีข้อได้เปรียบได้อย่างไร? ผู้คิดค้นวิชาเทพอมตะได้ทะลวงจุดตายจุดหนึ่งเข้าโดยบังเอิญและค้นพบข้อได้เปรียบมากมายเหล่านี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามพัฒนาวิชานี้อย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถจะหยุดฝึกมันต่อไปได้แม้ว่าจะเสี่ยงชีวิตแค่ไหนก็ตาม

ใครๆ ก็ต่างจินตนาการได้ทั้งนั้นว่า ยิ่งทะลวงจุดตายเพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งของวิชาเทพอมตะก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากการดูดซับปราณสวรรค์ตลอดเวลาของหลุมดำนั่นเอง แน่นอนว่าความพิเศษของมันยังทำให้สามารถเรียกใช้มณีสวรรค์ได้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถเรียกใช้พลังปราณสวรรค์ของเขาได้เรื่อยๆ ตลอดการต่อสู้ แน่นอน นั่นย่อมขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถรอดชีวิตจากการทะลวงจุดตายครั้งต่อๆ ไปได้หรือไม่ด้วย

เมื่อถอนปราณสวรรค์ออกจากมณียุทธ์ ความแข็งแกร่งภายในร่างกายก็ราวกับจะอันตรธานไปด้วย และการสูญเสียความแข็งแกร่งอย่างฉับพลันนี้ทำให้โจวเหว่ยชิงเผลอเลียริมฝีปากของเขาโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกของการมีพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ช่างน่าติดใจเสียจริง แต่ว่ามันก็ใช้พลังปรานสวรรค์ไปเยอะเหมือนกันแฮะ

หลังจากการทดลองผสานกับมณียุทธ์ของเขาสำเร็จ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกมั่นอกมั่นใจมากขึ้น เขาตั้งสมาธิเพ่งจิตไปยังปราณสวรรค์ของเขาเพื่อชักจูงมันไปล้อมมณีธาตุอย่างไพฑูรย์ตาแมวสองสีไว้ด้วยความระมัดระวัง

ในครั้งนี้โจวเหว่ยชิงพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง เขาชักจูงปราณสวรรค์ของเขาไปที่ไพฑูรย์ตาแมวสองสีอย่างช้าๆ ในขณะที่ปราณสวรรค์ของเขากำลังแทรกซึมเข้าในมณีนั้นเอง ทันใดนั้นก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น!

……………………………………………………………