ในขณะเดียวกันที่ห้องถ่ายภาพยนตร์
ตอนที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด ชายวัยกลางคนในชุดสูทรองเท้าหนังพลันผลักประตูเดินเข้ามา
เห็นชายคนนี้ เฝิงอานหวาปั้นหน้ายิ้มเข้าไปรับทันที “โธ่ ท่านประธานโจว ท่านมาได้ยังไง!”
ท่านประธานโจวท่านนี้เป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนของตานเฟิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์
ท่านประธานโจวเดินมาอยู่ข้างๆ เจียงอีหมิง เหลือบมองหลินเยียนปราดหนึ่ง ก่อนจะหันมองเจียงอีหมิง แล้วออกคำสั่งทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “คนคนนี้ตกรอบไปแล้ว แม้แต่ตัวประกอบก็ไม่ต้องการเธอ”
“อะไรนะ?!” เจียงอีหมิงขมวดปมคิ้วแน่น
เหตุการณ์นี้ทำให้นักแสดงหญิงในห้องมองเฮ่อซานซานเปลี่ยนไปทันที เธอมีเบื้องหลังที่ใหญ่โตแค่ไหนกันเนี่ย?
เฮ่อซานซานบอกว่าไม่ แม้แต่บทตัวประกอบหลินเยียนก็ไม่สามารถแสดงได้!
“ท่านประธานโจว ท่านฟังผมนะ…”
เจียงอีหมิงอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่กลับถูกท่านประธานโจวโบกมือตัดบทไป “ฉันพูดชัดมากแล้ว”
ข้างๆ หวังเฉี่ยวฮุ่ยยิ้มเยาะอย่างเก็บไม่อยู่ ในขณะที่เฮ่อซานซานเอามือกอดอก เหลือบมองหลินเยียนอย่างเย้ยหยันเป็นที่สุด
สุดท้ายเจียงอีหมิงกัดฟันและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
ท่านประธานโจวหันมองหลินเยียนแล้วพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ยืนเซ่ออะไรอยู่ ออกไปสิ”
หลินเยียนยืนนิ่งอยู่กับที่ จรดสายตาอันเย็นชามองท่านประธานโจวอย่างพินิจ
“มองอะไร?!” ท่านประธานโจวตะเบ็งเสียงต่อว่าอย่างเย็นเยียบ
“คุณเป็นผู้รับผิดชอบด้านการลงทุนของตานเฟิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์…โจวเฟิง” หลินเยียนพูดอย่างเรียบเฉย ราวกับกำลังนึกถึงคนตำแหน่งเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญ
“ทำไม คิดว่าฉันปลอมตัวมาหรือไง?” ท่านประธานโจวยิ้มเยาะ
หลินเยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นดวงตาอันเย็นเยียบและเรียบเฉยค่อยๆ หยุดอยู่บนใบหน้าของชายคนนั้น พร้อมพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ใช้อำนาจในทางมิชอบ ทุจริตเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว…กลัวว่าท่านประธานโจวจะถูกตานเฟิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไล่ออกทันที กลับไปเก็บของตอนนี้ดีกว่านะ”
พอสิ้นเสียงของหลินเยียน ทุกคนในห้องก็อึ้งงัน ก่อนจะหัวเราะกันอย่างครื้นเครง
“คุณหลินอินเกินไปหรือเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นท่านประธานหญิงจอมเผด็จการจริงๆ เหรอ?”
“ตลกจริงๆ คนที่อินขนาดนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อน กระทบกระเทือนจิตใจจนเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า!”
นักแสดงหญิงหลายท่านพูดพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ
ท่านประธานโจวเองก็พยายามกลั้นหัวเราะ มองหลินเยียนเหมือนกำลังมองคนบ้าคนหนึ่งพร้อมพูดว่า “เธอเป็นไข้หรือเปล่า หรือสมองมีปัญหา จะไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลหน่อยมั้ย?”
หลินเยียนไม่ได้พูดอะไร เพียงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา นิ้วมือเลื่อนอย่างสบายๆ หลายที
“ฉันคุยกับเธออยู่นะ เธอหูหนวกหรือไง! หรือจะให้ฉันเชิญเธอออกไป!” ท่านประธานเห็นหลินเยียนยังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ จึงพูดอย่างเดือดดาลทันที
“รับโทรศัพท์” หลินเยียนเงยสายตาขึ้นมองท่านประธานโจว
“อะไรนะ?”
ท่านประธานยิ้มเยาะ กำลังจะอ้าปากพูด แต่โทรศัพท์มือถือของตนกลับดังขึ้นจริง
เมื่อเห็นแจ้งเตือนสายเรียกเข้า สีหน้าของท่านประธานโจวพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและรีบรับสาย “ท่านประธานเกา ท่านมีธุระอะไร! ท่านมีธุระอะไร!”
ก็ไม่รู้ว่าอีกฝั่งสายพูดอะไร ท่านประธานโจวหรี่ตา “อะไรนะ…ผมโดนไล่ออก…ให้ผมเก็บของออกจากบริษัทเดี๋ยวนี้? เพราะอะไร?! ท่านประธานเกา ท่านประธานเกา?!”
สายถูกตัดไป ท่านประธานโจวอึ้งค้างอยู่กับที่
ไม่เพียงแค่ท่านประธานโจว คนรอบข้างที่ได้ยินสายนี้ก็อึ้งงันไปตามๆ กัน
ท่านประธานโจว…โดนไล่ออกแล้วจริงๆ?
สีหน้าได้ใจของหวังเฉี่ยวฮุ่ยและเฮ่อซานซานก็แข็งทื่อไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางดูตลกไม่น้อย
“เธอ…เธอๆๆ …” ท่านประธานโจวโกรธจนหน้าแดง มองหลินเยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะบอกว่าเขาจะโดนไล่ออก วินาทีต่อมาเขาก็โดนไล่ออกจริงๆ ซะแล้ว!
แม่นจริงๆ เลย!
ไม่ได้ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ท่านประธานโจวกระหืดกระหอบ พลันปิดประตูกระแทกออกไปทันที
ตอนนี้ทั้งเจียงอีหมิงและเฝิงอานหวาเองก็อึ้งจนพูดไม่ออก
นี่มันอะไรกัน?
เป็นจริงอย่างที่หลินเยียนพูดจริงๆ ด้วย!
บังเอิญเกินไปแล้ว!