ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถึงหูเบื้องบน!
แย่แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรีบแก้ไขสถานการณ์!
เฝิงอานหวาหันขวับไปมองหลินเยียน “คุณหลิน เมื่อครู่นี้คุณทำได้ดีมาก ทำให้ผมกับผู้กำกับเจียงประทับใจอย่างมาก เพราะฉะนั้นยินดีด้วย บทนี้เป็นของคุณ!”
เจียงอีหมิงเองก็รีบพูด “คุณหลิน คุณกลับไปเตรียมตัว รอประกาศเริ่มถ่ายทำจากกองถ่ายเถอะ!”
ตอนนี้เจียงอีหมิงรู้สึกสับสนไม่น้อย
แต่ก็โชคดีแล้ว มิเช่นนั้น เขาก็จะไม่สามารถใช้งานหลินเยียนคนนี้ต่อได้
หลินเยียนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของนางรองหมายเลขสี่สำหรับเขา ถ้าพลาดไป เขาก็คงจะเสียดายจริงๆ
“พวกคุณทำบ้าอะไรกันเนี่ย!”
หวังเฉี่ยวฮุ่ยพูดเสียงแหลม “เธอมีสิทธิ์อะไรถูกเลือก พวกคุณไม่มีสมองคิดหรือไง?!”
เฮ่อซานซานที่อยู่ข้างๆ ขมวดปมคิ้วแน่น เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ท่านประธานโจวคนนั้นคงเป็นคนที่พี่ซูหย่าส่งมา แต่ในช่วงวินาทีสำคัญ ดูเหมือนจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับท่านประธานโจว
เฝิงอานหวาชี้หน้าหวังเฉี่ยวฮุ่ยต่อว่าเสียงเย็น “ทั้งสองท่านก็หยุดโวยวายได้แล้ว ผลการคัดเลือกออกมาแล้ว เชิญพวกคุณออกไป!”
ได้ยินเช่นนี้หวังเฉี่ยวฮุ่ยอึ้งไปเล็กน้อย โปรดิวเซอร์ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเคารพและให้เกียรติพวกเธอ ทำไมจู่ๆ ถึงกล้าพูดกับพวกเธอแบบนี้?
ไม่มีเส้นสายของโจวเฟิง แน่นอนว่าเฝิงอานหวาไม่มีทางสนใจนักแสดงตัวเล็กๆ อย่างเฮ่อซานซาน
สุดท้ายเฝิงอานหวาให้ทีมงานพาตัวสองแม่ลูกออกไปเสีย
“คุณหลิน ขอโทษที่ความผิดพลาดบางอย่างของเรา ทำให้คุณต้องเดือดร้อนโดยใช่เหตุ หากคุณมีคำถามอะไร ก็ถามมาได้เลย” ท่าทีของเฝิงอานหวาเปลี่ยนไปทันที
“ฉันต้องการเบิกค่าจ้างล่วงหน้า” หลินเยียนพูด
เฝิงอานหวาพูดทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวผมให้คนไปจัดการให้”
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา
……
หลังจากออกจากห้องโถงคัดเลือกนักแสดง หญิงสาวก็ค่อยๆ เดินไปยังทางเดินที่ไม่มีคน
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในขณะนี้ดวงตาที่ดุร้ายของหญิงสาวค่อยๆ ผ่อนคลายลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ ทว่าสายตาเช่นนี้ปรากฏเพียงชั่ววูบเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม ราวกับมีคนสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน
นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ครั้งนี้หลินเยียนไม่ได้ความจำเสื่อม!
เธอตื่นมากลางคัน แล้วเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือเธอ
แม้ว่าเธอจะรู้สึกตัวดี แต่ร่างกายกลับสูญเสียการควบคุม
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนร่างกายของเธอถูกคนอื่นขับเคลื่อนอยู่!
รวมทั้งตอนนี้ เธอก็ยังไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนได้
โธ่เฮ่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตอนนี้มีความคิดที่น่ากลัวหนึ่งผุดขึ้นในหัวหลินเยียน หรือเธอจะถูกอะไรบางอย่างเข้าสิงจริงๆ?
หรือที่เธอได้รับบาดเจ็บคราวก่อน ไม่เพียงแค่ขาหัก แต่สมองก็ได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย?
“ไม่ต้องกังวลโดยใช่เหตุ”
หลินเยียน “…!!!”
เธอได้ยินร่างกายของตัวเองพูด
ที่นี่ไม่มีใครเลย หรือกำลังคุยกับเธอ?
อีกฝ่ายยังรู้จักปลอบใจเธองั้นเหรอ? ท่าทางเหมือนจะไม่ได้คิดร้ายอะไร…
หลินเยียนกำลังคิดเช่นนี้ จากนั้นพลันได้ยินร่างกายของตัวเองพูดอย่างไม่แยแสว่า “บางทีเธออาจจะไม่มีของแบบนี้ก็ได้”
เยาะเย้ยว่าเธอไม่มีสมองงั้นเหรอ?
ถ้าตอนนี้หลินเยียนควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ใบหน้าคงยิ่งมืดมนเหมือนก้นหม้อ
“เธอ…เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมาควบคุมร่างกายของฉันได้? ดื่มน้ำบ่อ อย่าลืมคนขุดบ่อ! เธอใช้ร่างกายของฉัน กลับยังมาด่าว่าฉันไม่มีสมอง!?”
“เหอะ…”
หลินเยียนรออยู่นาน แต่กลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเยาะจากปากของตัวเอง
จากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่สนใจเธออีกเลย
หลินเยียนได้แต่มองร่างกายของตัวเองเดินออกจากตึกโดยไม่สามารถทำอะไรได้ จากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งไป
ความรู้สึกที่เห็นร่างกายของตัวเองเสียการควบคุมในขณะที่ยังมีสติดีอยู่แบบนี้ ทำเอาเธอตกใจแทบสติแตก
“เดี๋ยวๆ เฮ้ย นั่นเธอจะไปไหน?”
“เธอจะใช้ร่างกายของฉันทำอะไรอีก?”
“เธอเป็นตัวอะไรกันแน่?”
……