ตอนที่ 27 เพราะเธอไม่ได้มีสมองอยู่แล้ว

ลืมรักเลือนใจ

ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถึงหูเบื้องบน! 

 

 

แย่แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรีบแก้ไขสถานการณ์! 

 

 

เฝิงอานหวาหันขวับไปมองหลินเยียน “คุณหลิน เมื่อครู่นี้คุณทำได้ดีมาก ทำให้ผมกับผู้กำกับเจียงประทับใจอย่างมาก เพราะฉะนั้นยินดีด้วย บทนี้เป็นของคุณ!” 

 

 

เจียงอีหมิงเองก็รีบพูด “คุณหลิน คุณกลับไปเตรียมตัว รอประกาศเริ่มถ่ายทำจากกองถ่ายเถอะ!” 

 

 

ตอนนี้เจียงอีหมิงรู้สึกสับสนไม่น้อย 

 

 

แต่ก็โชคดีแล้ว มิเช่นนั้น เขาก็จะไม่สามารถใช้งานหลินเยียนคนนี้ต่อได้ 

 

 

หลินเยียนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของนางรองหมายเลขสี่สำหรับเขา ถ้าพลาดไป เขาก็คงจะเสียดายจริงๆ 

 

 

“พวกคุณทำบ้าอะไรกันเนี่ย!” 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยพูดเสียงแหลม “เธอมีสิทธิ์อะไรถูกเลือก พวกคุณไม่มีสมองคิดหรือไง?!” 

 

 

เฮ่อซานซานที่อยู่ข้างๆ ขมวดปมคิ้วแน่น เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ท่านประธานโจวคนนั้นคงเป็นคนที่พี่ซูหย่าส่งมา แต่ในช่วงวินาทีสำคัญ ดูเหมือนจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับท่านประธานโจว 

 

 

เฝิงอานหวาชี้หน้าหวังเฉี่ยวฮุ่ยต่อว่าเสียงเย็น “ทั้งสองท่านก็หยุดโวยวายได้แล้ว ผลการคัดเลือกออกมาแล้ว เชิญพวกคุณออกไป!” 

 

 

ได้ยินเช่นนี้หวังเฉี่ยวฮุ่ยอึ้งไปเล็กน้อย โปรดิวเซอร์ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเคารพและให้เกียรติพวกเธอ ทำไมจู่ๆ ถึงกล้าพูดกับพวกเธอแบบนี้? 

 

 

ไม่มีเส้นสายของโจวเฟิง แน่นอนว่าเฝิงอานหวาไม่มีทางสนใจนักแสดงตัวเล็กๆ อย่างเฮ่อซานซาน 

 

 

สุดท้ายเฝิงอานหวาให้ทีมงานพาตัวสองแม่ลูกออกไปเสีย 

 

 

“คุณหลิน ขอโทษที่ความผิดพลาดบางอย่างของเรา ทำให้คุณต้องเดือดร้อนโดยใช่เหตุ หากคุณมีคำถามอะไร ก็ถามมาได้เลย” ท่าทีของเฝิงอานหวาเปลี่ยนไปทันที 

 

 

“ฉันต้องการเบิกค่าจ้างล่วงหน้า” หลินเยียนพูด 

 

 

เฝิงอานหวาพูดทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวผมให้คนไปจัดการให้” 

 

 

หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา 

 

 

…… 

 

 

หลังจากออกจากห้องโถงคัดเลือกนักแสดง หญิงสาวก็ค่อยๆ เดินไปยังทางเดินที่ไม่มีคน 

 

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในขณะนี้ดวงตาที่ดุร้ายของหญิงสาวค่อยๆ ผ่อนคลายลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ ทว่าสายตาเช่นนี้ปรากฏเพียงชั่ววูบเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม ราวกับมีคนสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน 

 

 

นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! 

 

 

ครั้งนี้หลินเยียนไม่ได้ความจำเสื่อม! 

 

 

เธอตื่นมากลางคัน แล้วเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือเธอ 

 

 

แม้ว่าเธอจะรู้สึกตัวดี แต่ร่างกายกลับสูญเสียการควบคุม 

 

 

ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนร่างกายของเธอถูกคนอื่นขับเคลื่อนอยู่! 

 

 

รวมทั้งตอนนี้ เธอก็ยังไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนได้ 

 

 

โธ่เฮ่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? 

 

 

ตอนนี้มีความคิดที่น่ากลัวหนึ่งผุดขึ้นในหัวหลินเยียน หรือเธอจะถูกอะไรบางอย่างเข้าสิงจริงๆ? 

 

 

หรือที่เธอได้รับบาดเจ็บคราวก่อน ไม่เพียงแค่ขาหัก แต่สมองก็ได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย? 

 

 

“ไม่ต้องกังวลโดยใช่เหตุ” 

 

 

หลินเยียน “…!!!” 

 

 

เธอได้ยินร่างกายของตัวเองพูด 

 

 

ที่นี่ไม่มีใครเลย หรือกำลังคุยกับเธอ? 

 

 

อีกฝ่ายยังรู้จักปลอบใจเธองั้นเหรอ? ท่าทางเหมือนจะไม่ได้คิดร้ายอะไร… 

 

 

หลินเยียนกำลังคิดเช่นนี้ จากนั้นพลันได้ยินร่างกายของตัวเองพูดอย่างไม่แยแสว่า “บางทีเธออาจจะไม่มีของแบบนี้ก็ได้” 

 

 

เยาะเย้ยว่าเธอไม่มีสมองงั้นเหรอ? 

 

 

ถ้าตอนนี้หลินเยียนควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ใบหน้าคงยิ่งมืดมนเหมือนก้นหม้อ 

 

 

“เธอ…เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมาควบคุมร่างกายของฉันได้? ดื่มน้ำบ่อ อย่าลืมคนขุดบ่อ! เธอใช้ร่างกายของฉัน กลับยังมาด่าว่าฉันไม่มีสมอง!?” 

 

 

“เหอะ…” 

 

 

หลินเยียนรออยู่นาน แต่กลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเยาะจากปากของตัวเอง 

 

 

จากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่สนใจเธออีกเลย 

 

 

หลินเยียนได้แต่มองร่างกายของตัวเองเดินออกจากตึกโดยไม่สามารถทำอะไรได้ จากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งไป 

 

 

ความรู้สึกที่เห็นร่างกายของตัวเองเสียการควบคุมในขณะที่ยังมีสติดีอยู่แบบนี้ ทำเอาเธอตกใจแทบสติแตก 

 

 

“เดี๋ยวๆ เฮ้ย นั่นเธอจะไปไหน?” 

 

 

“เธอจะใช้ร่างกายของฉันทำอะไรอีก?” 

 

 

“เธอเป็นตัวอะไรกันแน่?” 

 

 

……