เฉินฝานซิงหมดคำจะพูด 

 

 

ทำไมถึงเจาะจงที่จะเลือกเธอ 

 

 

เขาบอกว่ามีเธอเพียงคนเดียวที่คู่ควรกับเขา! 

 

 

เธออยากจะปฏิเสธการเปิดเรื่องมาก็เดินหน้าจีบเลยแบบนี้ 

 

 

เขาบอกว่าจะปฏิเสธคำปฏิเสธของเธอ 

 

 

แผนการทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของเขา เห็นชัดๆ ว่าเธอโดนรุกหนักขนาดไหน 

 

 

ความโอหังที่ฝังอยู่ในกระดูกทำให้เธอขัดขืนอย่างอัตโนมัติ 

 

 

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับป๋อจิ่งชวน เธอก็มักจะสิ้นแรงขัดขืน 

 

 

เธอรวบผมขึ้นพลางสูดอากาศเข้าปอดแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ 

 

 

“ถอนหายใจทำไม มีอะไรให้กลุ้มใจ” 

 

 

เฉินฝานซิงมองเขา 

 

 

เขาก็ได้แต่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ เธอ เสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพงรับกับโครงหน้าหล่อเหลาเพอร์เฟกต์ ร่างกายสูงใหญ่ 

 

 

เธอรับรู้ได้ว่าอีกคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังเก็บอาการอย่างสุดความสามารถ 

 

 

เรียวคิ้วสีหมึกคู่นั้น ขมวดเข้าหากันอย่างดุดันก่อนจะถูกเหลาจนคมกริบ 

 

 

ถ้าเกิดเธอเดาไม่ผิด ละก็ในกระดูกของผู้ชายคนนี้คงเย็นเยียบจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง 

 

 

“กำลังคิดอะไรอยู่” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยขึ้นอีก เฉินฝานซิงมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว นัยน์ตาสีนิลค่อยฉายแววความว้าวุ่น 

 

 

เฉินฝานซิงตื่นขึ้นจากห้วงความคิด เสตามองไปทางอื่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดเยือกเย็นเล็กน้อย 

 

 

“เปล่าค่ะ ก็แค่คิดว่าคุณตัดสินใจโดยพลการเกินไป อีกอย่างฉันก็เป็นฝ่ายที่ไม่ยินยอมให้คุณเข้ามา ยามต้องเผชิญหน้ากับคุณฉันรู้สึกหมดแรงเหมือนถูกกำปั้นฮุกเข้าที่ท้อง” 

 

 

เขาเลิกดึงคิ้วเรียบ เอ่ยขึ้นเบาๆ 

 

 

“คุณกำลังทำให้ตัวเองกลายเป็นเม่นที่คอยปกป้องตัวจากทุกคน คุณไม่ยอมเดินออกมาเองแต่กลับใช้หนามแหลมทั้งตัวของคุณปฏิเสธทุกคนที่คอยเข้าหา” 

 

 

เธอตะลึงจนต้องหันกลับมามองเขาอีกครั้ง 

 

 

ใครๆ ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอเดินออกมา 

 

 

ดวงตาสีหมึกจ้องมองเธออยู่เนิ่นนาน น้ำเสียงเรียบเฉยก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คุณอยากจะเป็นตัวเม่นต่อไปก็เป็นไปเถอะ เพราะถึงยังไงผมก็ไม่กลัวที่จะเจ็บเพราะหนามของคุณ” 

 

 

เป็นเวลาเนิ่นนาน เฉินฝานซิงเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นจนต้องรีบดึงตัวเองกลับมา มือกำผ้าห่มไว้แน่นด้วยความตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก 

 

 

“ฉัน…ฉันจะไปดูว่าคุณย่าท่านตื่นแล้วหรือยัง” 

 

 

ว่าพลางก็เปิดผ้าห่มออก แต่กลับนึกถึงเสื้อคลุมอาบน้ำตัวหลวมที่สวมอยู่ 

 

 

เธอแหงนหน้ามองเขา สื่อความหมายอย่างชัดเจน 

 

 

ป๋อจิ่งชวนผินกายไปอีกทางอย่างอัตโนมัติ 

 

 

– 

 

 

ที่ชั้นล่าง เมื่อได้ยินข่าวดีที่บ่าวรับใช้คาบมาฝาก นายหญิงสกุลป๋อก็ยิ้มจนแก้มปริ 

 

 

ดีอกดีใจจนส่งแอปเปิลที่ไหลหรงยื่นมาให้ยัดเข้าปากไปคำโต 

 

 

“มีหวังได้เหลนชายแหงๆ ไอ้โหย ลูกของฝานซิงกับจิ่งชวนจะต้องเป็นเด็กที่ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดในโลก” 

 

 

ไหลหรงส่งแอปเปิลให้หญิงชราอีกชิ้น ใบหน้ายิ้มรับอย่างคล้อยตาม “ไม่แน่อาจจะเป็นเด็กผู้หญิงก็ได้นะคะนายหญิง” 

 

 

“งั้นเด็กผู้หญิงก็เข้าทีเหมือนกัน! เหลนสาวฉันจะต้องสวยที่สุด” 

 

 

“ใช่ๆ ใช่ เหลนของนายหญิงของพวกเราจะเป็นชายหรือหญิงก็ประเสริฐที่สุดในสามโลก!” 

 

 

หญิงชรายิ้มจนหน้าบานยิ่งกว่าเก่า 

 

 

ป๋อจิ่งชวนที่กำลังลงบันไดมาก็ได้ยินเขากับหญิงชราที่กำลังจินตนาการถึงอนาคตที่ยังอีกยาวไกลของเขาเข้าพอดี 

 

 

เขายังไม่รู้เลยว่าจะลงมือจีบยังไงดี แต่หญิงชราท่านนี้ก็คิดไปไกลถึงเรื่องเหลนแล้ว 

 

 

เขาคิดว่าตัวเองยังไม่ถือว่าเด็ดขาดพอ และไม่ได้ดึงรั้งไว้ตั้งแต่แรก ทำไมถึงตามความคิดของหญิงชราคนนี้ไม่ทันกันนะ 

 

 

“คุณชาย” 

 

 

ไหลหรงมองไปยังบันได ก่อนจะเห็นเข้ากับเงาของร่างสูงที่ยืนตระหง่านอยู่ 

 

 

นายหญิงสกุลป๋อหันขวับกลับไปมองรอยยิ้มเมื่อครู่ค่อยๆ หดเล็กลง 

 

 

“ทำไมเร็วจัง!” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนชะงักเท้า ความหล่อเหล่าบนใบหน้าแสดงออกอย่างแข็งทื่อ