“นายหญิงอา…” 

 

 

ความหนักใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบ่าว ก่อนเธอจะค่อยๆ ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู 

 

 

หลังจากที่คิดกลับไปกลับมาสักพักความหนักใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเช่นกัน 

 

 

“ฉัน…ฉันหมายถึง แกไม่พักผ่อนเหรอถึงได้ลงมาเร็วขนาดนี้” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเม้มปากเข้าหากันก่อนจะสาวเท้าลงมาพลางพูดขึ้น: 

 

 

“ห้องผมโดนยึดไปแล้วจะให้พักผ่อนได้ยังไง” 

 

 

“เตียงออกตั้งกว้างขวาง ไม่ได้คับแคบซะหน่อย!” หญิงชราสวนกลับอย่างไม่ลังเล 

 

 

“…” 

 

 

ห้องรับแขกอันใหญ่โตเงียบสนิท 

 

 

เฉินฝานซิงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงมาได้ยินเข้ากับเสียงบ่นพึมพำของผู้อาวุโสสกุลป๋อเข้าพอดีใบหน้าสวยจึงฉายแววหนักใจ 

 

 

“คุณย่า…” 

 

 

มองไปยังอีกคนที่มาปรากฏตัวข้างหลังของคุณชาย ไหลหรงจึงได้มีท่าทีหนักใจ 

 

 

เมื่อไหร่ที่อยู่ต่อหน้าหลานทั้งสองจะต้องทำตัวเป็นเด็กๆ ทุกครั้งไป 

 

 

หญิงชรารู้สึกเสียดายในใจ เบนสายตาไปมองเฉินฝานซิงที่อยู่ที่บันไดปราดนึง 

 

 

รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ห่อเ**่ยวอีกครั้ง เธอกวักมือเรียกเฉินฝานซิง 

 

 

“ฝานซิงตื่นแล้วเหรอ หลับสบายดีไหม จิ่งชวนไปกวนให้ตื่นใช่หรือเปล่า” 

 

 

ใช้อ่างอาบน้ำของป๋อจิ่งชวน สวมเสื้อคลุมอาบน้ำของป๋อจิ่งชวน นอนบนเตียงของป๋อจิ่งชวน! 

 

 

เธอรู้หมดแล้วว่าเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่หญิงชราตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสีหน้าที่รักใคร่เอ็นดูแบบนี้ เธอเองก็ไม่สามารถที่จะแสดงความไม่พอใจได้! 

 

 

ความรักและทะนุถนอมที่หาได้ยากใจชีวิตจริง เธอจะไม่พอใจได้ยังไง 

 

 

ยิ้มจางๆ พร้อมพยักหน้ารับให้กับหญิงชรา 

 

 

“หลับสบายมากค่ะคุณย่า” 

 

 

“งั้นก็ดีเลย” 

 

 

ลากเฉินฝานซิงมานั่งตรงโซฟา 

 

 

โดยมีป๋อจิ่งชวนอยู่ข้างกาย 

 

 

ตรงคอเสื้อของเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเปิดเอาไว้ แต่ยังคงความเป็นระเบียบเอาไม่โดยไร้รอยยับยู่ยี่ 

 

 

เขาพิงเข้ากับโซฟาหนังแท้ โน้มหน้าลงต่ำเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ปากบางคลี่ยิ้มบางเฉียบแทบจะมองไม่ออก มองท่าทีอวดดีที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์นั้นด้วยท่าทีอ่อนลง 

 

 

ท่าทีราบเรียบ ท่าทางสุขุมอย่างคุณชายผู้มีอิทธิพล 

 

 

เขานั่งอย่างเงียบสงบ ราวกับว่ากำลังฟังบทสนทนาของเธอและหญิงชราอยู่ 

 

 

ไม่พูดไม่ได้ว่า ว่าเซนส์ของเขาแรงอย่างไม่น่าเชื่อจน เฉินฝานซิงเองไม่สามารถประมาทมันได้ 

 

 

ระหว่างนั้น เขานั่งตัวตรง แขนยาวยืดออกไปมือกว้างผิวขาวสวยยื่นไปเลือกผลไม้บนโต๊ะน้ำชา 

 

 

ก่อนจะหยิบแอปเปิลสีแดงลูกใหญ่มาลูกหนึ่ง 

 

 

ฝ่ามือกว้างถือแอปเปิลด้วยมือเดียวแถมยังเกี่ยวเอามีดปอกผลไม้ติดมือมาด้วย 

 

 

เฉินฝานซิงอดใจที่จะหันไปมองเขาไม่ได้ แต่ได้เห็นเขานั่งหลังตรง สองมือวางไว้บนเข่าทั้งสองข้าง สายตาจ้องมองเขม็งไปยังสองมืออย่างจดจ่อ เปลือกแอปเปิลสีแดงสดขอบสีขาวค่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ จนห้อยลงมาได้ครึ่งหนึ่ง 

 

 

เฉินฝานซิงมีท่าทีแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าชายคนนี้จะลงมือปอกผลไม้ได้ด้วยตัวเอง 

 

 

นายหญิงสกุลป๋อเองก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองหลานชายตัวเอง น้อยครั้งที่เธอจะเห็นเขาในบริบทแบบนี้ 

 

 

แต่ตอนนี้เธอไม่อยากจะสนเขา ประเคนผู้หญิงให้ถึงเตียงแล้วไม่รู้จักจะคว้าไว้ 

 

 

หงุดหงิดนัก! 

 

 

เธอบุ้ยปากมองหลานชาย ก่อนจะหันไปถามเฉินฝานซิงต่อ 

 

 

“ฝานซิงอา ตอนนี้หนูทำงานอะไรอยู่” 

 

 

เธอนิ่งไปนิด “…พัฒนาสูตรน้ำหอมค่ะ แล้วก็ยังดูแลบริษัทพีอาร์เล็กๆ ที่คุณแม่ทิ้งไว้ให้” 

 

 

ทิ้งไว้ให้?  

 

 

สามคำนี้ทำให้นายหญิงสกุลป๋อตะลึงงัน กุมมือเฉินฝานซิงเอาไว้แน่น 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีนิลทอประกายหม่นหมอง 

 

 

“ยุ่งขนาดนั้นเชียว ดูแลบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ” ผู้อาวุโสสกุลป๋อถาม 

 

 

“ค่ะ เมื่อก่อนเป็นบริษัทของบ้านสกุลซู…” 

 

 

นึกถึงซูเหิง คำพูดของเธอก็หยุดลงกลางคัน 

 

 

เธอตึงคิ้วเล็กน้อยแล้วผู้ต่อ 

 

 

“กำลังจะลาออกแล้วค่ะ แต่เพื่อนดันขาดลูกมืออยู่พอดี หนูก็เลยตั้งใจว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปช่วยทางนั้น” 

 

 

“บริษัทอะไร” 

 

 

ในที่สุดป๋อจิ่งชวนก็เอ่ยปากขึ้น พร้อมทั้งยื่นเนื้อแอปเปิลสีขาวที่ถูกปอกเสร็จแล้วส่งให้เธอ