บทที่ 31 ไก่ แมลงวันและสุนัข
ลั่วอู๋ได้จัดตั้งพื้นที่พิเศษขึ้นในศาลาไป่หยู่ เพื่อให้เป็นที่ให้เขาฝึกซ้อม ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปเพราะตอนนี้ดูเหมือนเขาจะมีความลับมากเกินไปแล้ว
แน่นอนว่าเจ้าของร้านคนเก่าไม่ได้มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะทั้งสองได้ทำสัญญากันไว้แล้ว ซึ่งลั่วอู๋ก็พร้อมที่จะทำสัญญานั้นให้ลุล่วง และตอนนี้เขาก็ต้องทุ่มเทกายใจเพื่อทำงานให้หนักขึ้น
“คงมีแค่เรื่องหอคอยหวงชานี่แหละ ที่ข้ารู้สึกไม่แน่ใจ”
ลั่วอู๋ดำดิ่งเข้าสู่มิติของไหด้วยความมั่นใจ
ในมิติไหมีสมุนไพรและสัตว์วิญญาณมากมายกำลังรอให้เขาไปจัดการอยู่
อะไรกันนี่!
สิ่งมีชีวิตสีดำที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าพวกนั้นมันคืออะไรกัน
เขาจำนกที่เขาใส่มาในไหไม่ได้
เพราะพวกมันอยู่ไกลเกินไปจนลั่วอู๋ไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าผู้นำฝูงนกสีดำจะเป็นนกสีขาว
นกสีขาว
มันเป็นนกที่มีสีขาวนวล มองแล้วเย็นตา
ลั่วอู๋เหม่อลอยไปพักหนึ่ง เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นนกสีขาวตัวนี้ที่ไหนมาก่อน
ครู่ต่อมาสีหน้าของลั่วอู๋ก็เปลี่ยนไป
แร้งทรายที่กลายพันธุ์ตัวนั้นน่ะเหรอ !!
เจ้านกโง่ที่ภูมิใจในตัวมันเองมากกว่าหงส์อย่างนั้นเหรอ
แร้งทรายนั้นถูกเก็บไว้ในมิติไหเนื่องจากลั่วอู๋ได้ตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นนกที่สติปัญญาทึบ และไม่สามารถทำสัญญาให้เป็นโมฆะได้ สัญญานั้นจึงยังคงอยู่
แต่เนื่องจากลักษณะเฉพาะของมันเองที่เอาแต่ใจ จึงทำให้พลังของสัญญามีผลผูกพันเพียงเล็กน้อยมันจึงทำตามใจตัวเองได้อย่างไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น
ลั่วอู๋จึงสรุปได้อย่างมั่นใจว่า ต่อให้ผ่านการทำสัญญาวิญญาณมาแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้เจ้านกหน้าโง่ตัวนี้ยอมเชื่อฟังเขาอยู่ดี
ลั่วอู๋ขี้เกียจเกินกว่าที่จะไปจัดการกับมัน ในเมื่อมันไม่สามารถบินออกจากมิติไหได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ที่น่าสนใจคือกลุ่มที่บินอยู่เบื้องหลังมันมากกว่า
ลั่วอู๋ คิดว่าเจ้านกหน้าโง่ตัวนั้นจะมีทักษะของจ่าฝูงแร้งหรืออะไรแบบนั้น
ไม่สิ บางทีคงเป็นเพราะทักษะราชันผู้สง่างาม!
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังมันคือแร้งทรายเช่นเดียวกับมัน
สีหน้าของลั่วอู๋เปลี่ยนไป เขาวิ่งไปจนถึงจุดศูนย์กลางของมิติไหซึ่งอยู่ใกล้กับแผ่นศิลาที่แตก มันเป็นจุดที่ลั่วอู๋ใส่สัตว์วิญญาณไว้
สัตว์วิญญาณพวกนี้คือสัตว์วิญญาณที่ ลั่วอู๋ ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อมา
กรงนั้นว่างเปล่า
ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย
รั้วเหล็กหนาของกรงดูเหมือนจะถูกทำลายโดยบางสิ่งบางอย่าง เหลือทิ้งไว้เพียงกรงที่แตกเท่านั้น
“เจ้านกหน้าโง่!” ลั่วอู๋ คำรามด้วยความโกรธ
สัตว์วิญญาณมากกว่าสิบชนิดจำนวนมากกว่าร้อยตัวได้ถูกปลดปล่อยออกไป
แม้ว่าจะยังคงอยู่ในมิติไห แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลั่วอู๋ ยังไม่เพียงพอที่เขาจะใช้พลังวิญญาณตามหาตัวพวกมันทั้งหมดให้กลับมาได้
ขณะเดียวกันแร้งทรายที่ที่บินวนอยู่บนท้องฟ้า ดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องของลั่วอู๋ มันจึงเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงกรีดร้องหลายครั้งอย่างภาคภูมิใจ
แม้ว่ามิติในไหจะสวยงาม แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตและไม่ต่างอะไรไปจากทุ่งร้าง
แต่ตอนนี้มีสัตว์วิญญาณจำนวนมากเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ พวกมันเข้าไปในอยู่ภูเขาและป่าไม้ ปรากฏตัวให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราวและพวกมันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ลั่วอู๋โกรธมากจนเขาตะโกนใส่มิติในไห “สร้างบ้านเดี๋ยวนี้!”
ค่าใช้จ่าย 500 แต้มเซียน
กระท่อมมุงแบบง่าย ๆ ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน
มิติในไหสามารถสร้างอาคารได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นมากเกินไปและลั่วอู๋ก็ไม่อยากที่จะต้องสร้างมันขึ้นมา ทว่าตอนนี้ทางเลือกของเขามีแต่จะต้องสร้างมันขึ้นมา
“ปรับแต่งยกระดับ” ลั่วอู๋สั่งอีก
เขาใช้แต้มเซียนอีก 500 แต้ม
กระท่อมที่มุงอย่างง่าย ๆ ได้รับการยกระดับเป็นอาคารหลังเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกับศาลาไป่หยู่ในปัจจุบัน
ด้านในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นบ้านสำหรับสัตว์วิญญาณ ห้องเก็บของ ห้องอาวุธ สวน สวนสำหรับทำการเกษตร ฯลฯ สภาพแวดล้อมเองก็สวยงามเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย
แต่มันก็ยังเล็กไปหน่อย
ไม่มีทางอื่นที่จะป้องกันเจ้านกหน้าโง่ที่คอยสร้างปัญหาได้ดีไปกว่าการสร้างบ้านขึ้นที่นี่
การเข้าไปในตัวบ้านจะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าของไหปีศาจ ซึ่งมันจะช่วยป้องกันลั่วอู๋จากการถูกโจมตีโดยสัตว์วิญญาณในมิติไหได้อีกด้วย
หลังจากนั้นสัตว์วิญญาณและสมุนไพร ต่างก็ถูกนำเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้
เขาเสียแต้มเซียนไปกว่า 1,000 แต้ม จนเหลือแต้มเซียนน้อยกว่า 200 แล้วในตอนนี้ ช่างเป็นอะไรที่เจ็บปวดสำหรับลั่วอู๋ที่สะสมมันมาตั้งนาน
ไม่ ๆ เขาจะต้องได้รับมันกลับคืนมาครบจำนวนที่เสียไปแน่
บ้านแห่งนี้มีความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะมันสิ่งอำนวยความสะดวกทุกประเภท รวมถึงการทำน้ำดื่มและน้ำชา ช่วยให้ ลั่วอู๋ สงบจิตสงบใจได้มากขึ้นเล็กน้อย
“รวมองค์ประกอบ!”
ลั่วอู๋ทิ้งดอกพระจันทร์และดอกไม้กระดูกไว้ในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์
[ได้รับยารวบรวมพลังวิญญาณ (ระดับตำนาน) แต้มเซียน +3]
……
ตอนนี้ลั่วอู๋ได้ไปถึงระดับทองแดง มิติ 3 และพลังวิญญาณของเขาเองก็มีมากถึง 800 แล้ว เพราะดอกพระจันทร์และดอกไม้กระดูก เป็นหญ้าวิญญาณระดับต่ำ พวกมันกินพลังวิญญาณไปแค่ 8แต้ม
หรือก็คือลั่วอู๋สามารถสังเคราะห์ได้ถึง 100 ครั้งโดยแลกกับพลังวิญญาณทั้งหมดของเขา
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น
แต่เนื่องจากมันยังโอกาสที่จะล้มเหลวในการสังเคราะห์ เมื่อพลังวิญญาณของเขาหมดลงลั่วอู๋จึงสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณได้ราว ๆ 83 เม็ด
โดยหลังจากนั่งสมาธิพักเป็นเวลานาน ร่างกายของเขาก็จะฟื้นฟูพลังวิญญาณ จากนั้นเขาก็จะสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณที่ขาดไปให้ครบ
ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณ 100 เม็ดและเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกมาก ลั่วอู๋จึงตัดสินใจจะทำการสังเคราะห์ต่อไป
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ ทำไมถึงมีการเคาะประตูในมิติไหได้กัน ?” ลั่วอู๋ สงสัย
มีการเคาะประตูในมิติไห
ทันใดที่ลั่วอู๋ออกไปดู เขาก็พบว่าเจ้านกหน้าโง่กำลังทุบประตูด้วยปีกสีขาวของหิมะของมัน
“เหนือคาดมาก ที่เจ้านกโง่นี่มันสามารถเคาะประตูได้”
ลั่วอู๋เปิดประตู
เจ้านกโง่ชูคอสีขาวของมันขึ้นมา พร้อมกับยืดอกและยืนเต็มความสูง ท่าทีเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส มันไม่ได้สนใจดูลั่วอู๋ ทั้งยังทำตัวเหมือนกับหงส์ที่ภาคภูมิใจในตัวเอง
ลั่วอู๋โกรธจนหัวเราะออกมา “เจ้ากล้าดียังไง ถึงเข้ามาที่บ้านของข้า”
เขาเห็นนกหน้าโง่เดินไปมาในบ้านแล้วมองไปรอบ ๆ ราวกับมองไปที่บางสิ่งบางอย่าง จากนั้นมันก็พุ่งก็มาที่ใจกลางบ้านแล้วกรีดร้องเสียงดัง
เสียงของมันช่างแหบแห้งและดังลั่น เป็นอะไรที่ยากจะทนฟังได้จริงๆ
ทว่ามันก็ยังคงหยิ่งทะนงและไม่ละอายใจกับการร้องเพลง “ห่วย ๆ” อย่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“แกว๊ก แกว๊ก!”
มันยื่นอุ้งเท้าของมันออกมาแล้ว ก้มลงที่พื้นพร้อมทำท่าทีท้าทายบางอย่างให้ลั่วอู๋ดู
ราวกับจะบอกว่านี่คือสถานที่ของมัน เจ้าจงออกไปซะ
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง เขาเคยได้ยินมาว่านกบางตัวจะร้องเพลงและทำเครื่องหมายไว้บนที่ของมัน แต่เขาไม่เคยเห็นนกที่บินเข้าไปในบ้านของใครบางคน เพื่อทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของในลักษณะนี้
“ แกต้องการอะไรเจ้านกโง่” สีหน้าของลั่วอู๋ดูไม่พอใจนัก
เมื่อได้ยินคำว่า “นกโง่” แร้งทรายก็อารมณ์แปรปรวน ดูเหมือนมันจะโกรธมาก มันกระพือปีกสีขาวหิมะดังพึ่บพั่บและดูเหมือนว่ามันต้องการจะแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งและเอกลักษณ์อันสง่างามของมัน
ลั่วอู๋เหยียดยิ้ม “แกก็รู้ตัวดีใช่ไหมว่าแกเป็นอีแร้ง ไม่ใช่นกยูงอย่ามาทำเป็นรำแพนที่นี่”
นกแร้งทรายโกรธจัด
มันโกรธมากเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
มันกระพือปีกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่เนื่องจากพลังของพันธสัญญา มันจึงไม่สามารถทำร้าย ลั่วอู๋ ได้
แต่มันก็รู้สึกว่ามันจำเป็นต้องสอนบทเรียนนี้ให้กับชายคนนี้
“หึ! ต้าหวงกัดมันซะ”
ลั่วอู๋สั่ง
ต้าหวงนั้นอยู่กับลั่วอู๋เสมอ แม้ในเวลากลางคืนและมันเองก็จะเข้าสู่มิติแห่งไห ในเวลาที่ลั่วอู๋กำลังสังเคราะห์สิ่งต่าง ๆ และต้าหวงนั้นก็ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเช่นกัน
ทำให้ตอนนี้ต้าหวงเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองแดง มิติ4
แม้ว่าแร้งทรายจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองแดง มิติ 7 ผลจึงควรจะออกมาอย่างชัดเจนว่าสัตว์วิญญาณที่ระดับวิญญาณสูงกว่า จะต้องชนะในการต่อสู้ตัวต่อตัว
แต่ลั่วอู๋และต้าหวงกลับสามารถต่อสู้กับแร้งทรายระดับทองแดงมิติ 7 ได้สบาย ๆ
ซึ่งมันทำให้บ้านในขณะนั้นตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
“กรร โฮ่ง โฮ่งโฮ่ง !”
“แกว๊กก!”
“เจ้านกโง่ เจ้ากล้ากัดข้า ต้าหวง กัดปีกของมันแล้ว ยึดให้ข้าเตะมันจนตายสิ”
“กรร”
“แกว๊ก แกว๊กก”
“หน็อย แกยังกล้ากัดผมของข้าอีกงั้นเหรอ ข้าต้องได้กินแร้งทรายย่างเป็นอาหารแน่คืนนี้!”
เสียงระฆังดังขึ้น
ความวุ่นวายกระจายไปทั่วบ้าน
มนุษย์และสัตว์วิญญาณสองตัวกำลังต่อสู้กัน เป็นฉากที่หาดูได้ยากยิ่งจริงๆ