บทที่ 25 ป้อนยา Ink Stone_Romance

ในตอนกลางวัน บริเวณลานบ้านของท่านชายเฉิงสี่ไม่ได้มีคนมากนัก

ฮูหยินใหญ่เฉิงร้องไห้เหมือนใจจะขาดพร้อมดื่มยาไปด้วย ก่อนจะก็ถูกนายใหญ่บังคับให้ออกไป

หมอที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็เชิญมาหมดแล้ว หมอที่อยู่ห่างไกลออกไปก็กำลังเดินทางมา วิธีไหนที่ว่าดีก็ลองมาหมดแล้ว ที่เหลือคงต้องแล้วแต่ฟ้าจะลิขิต

สาวใช้ที่อยู่ตรงหัวมุมด้านนอกรับถุงกระดาษมาจากหญิงที่มีอายุนางหนึ่ง

“ชุนหลาน เจ้าจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ” หญิงแก่ดึงมือของชุนหลานไว้พร้อมกับกระซิบ สีหน้าของนางดูเป็นกังวล

ชุนหลานพยักหน้า

“ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น…” หญิงแก่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “หากพวกนางรับผิด เจ้าก็หนีไม่พ้นข้อหาถูกล่อลวงให้ทำร้ายนายไปได้หรอก”

“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลไป สาวใช้นางนั้นจะมาหาตอนที่ข้าป้อนยา หากเกิดเหตุผิดพลาด คนอื่นก็เป็นพยานได้ เพียงบอกไปว่านางเป็นผู้วางยาตอนที่พวกเราไม่ทันระวัง ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา” ชุนหลานกระซิบ “เจ้าเผาใบสั่งยาไปแล้วหรือยัง”

“เผาไปแล้ว” หญิงแก่พยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าถามคนในร้านขายยา ยานี้เป็นยาที่ใช้ปกติทั่วไป ไม่มีอะไรผิดแปลกไป”

“ท่านพูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแล” ชุนหลานกล่าว

หญิงแก่ท่าทางลังเล

“เหตุใดนางถึงช่วยเจ้า” หญิงแก่กระซิบถาม “ไม่เห็นนางจะได้ประโยชน์อันใดเลย”

ชุนหลานเม้มปาก

“ไม่มีประโยชน์อย่างไรกัน นางก็แค่ต้องการชีวิตที่ดีกว่า” ชุนหลานกระซิบ “ดูแลคนบ้าจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร ครั้งนี้นางช่วยข้า หากสำเร็จ ข้าจะซาบซึ้งในน้ำใจนางไปชั่วชีวิต หวังว่าท่านพ่อ ท่านแม่ จะช่วยดูแลนางด้วย ข้าเข้าใจในสิ่งที่นางคิดดี”

หญิงแก่พยักหน้ารับ

“ท่านแม่ ข้าขอตัวก่อน” ชุนหลานกล่าว

“แล้วตัวนำยานี่ล่ะ …” หญิงแก่กระซิบพร้อมกับหยิบหน้ากากออกจากแขนเสื้อกว้าง

“ข้าเลือกอันที่อัปลักษณ์ที่สุดที่อยู่ในร้านบนถนนเส้นนี้” หญิงแก่กล่าว

ชุนหลานเอื้อมมือออกไปรับ

หญิงแก่จับมือลูกสาวแน่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยอย่างไม่เต็มใจ นางเฝ้ามองลูกสาวเดินเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ชุนหลานนั่งอยู่ในบ้านหลังเล็กพร้อมกับมองไปที่หม้อต้มยาที่กำลังเดือดปุดๆ เสียงจากลานบ้านด้านนอกฟังดูสนุกครึกครื้น หัวใจของนางเต้นแรงตึกตัก ชุนหลานลุกขึ้นยืนแล้วจึงพบสาวใช้นางหนึ่งงกำลังชะเง้อมองเข้ามาในเรือน

“เจ้ามาจากไหน” สาวใช้นางหนึ่งเห็นเข้าจึงถามขึ้น

“นายหญิงของข้า ให้ข้ามาเยี่ยมท่านชายสี่” ปั้นฉินกล่าว

นับตั้งแต่ท่านชายสี่ล้มป่วย คนก็มาเยี่ยมไม่ขาดสาย เหล่าบรรดาพี่น้องถึงไม่ได้มาด้วยตัวเองทุกวัน ก็จะส่งสาวใช้มาถามไถ่อาการอยู่เสมอ

นายหญิงของเจ้าคือใครกัน

“เหตุใดถึงไม่เคยพบเจอเจ้ามาก่อน” สาวใช้ถาม

ปั้นฉินไม่ได้ตอบ ชุนหลานออกมาจากบ้านพร้อมกับยา

“ซยาจวี๋ ดูเตาให้ข้าหน่อย” ชุนหลานเอ่ย

สาวใช้อีกนางตอบรับและทิ้งปั้นฉินไว้โดยไม่ได้ถามต่อ

“ข้าช่วยพี่สาวผูกม่านแล้วกัน” ปั้นฉินยิ้มพร้อมสาวเท้าอย่างฉับไว

ชุนหลานรับคำ สองเดินตามกันเข้าบ้าน

“เออ ใช่สิ เจ้าช่วยข้าดูหน่อย ข้าจะไปเอาตัวนำยา” ชุนหลานที่เพิ่งเดินเข้าไปกล่าวอีกครั้ง นางหันตัวกลับและเดินวนรอบห้องครัวหนึ่งรอบ พร้อมกับพูดกับสาวใช้ที่เฝ้าเตาอีกสองสามคำ

เมื่อเห็นความกังวลใจของชุนหลาน ปั้นฉินที่อยู่ในเรือนถึงกับเบ้ปาก

จะกังวลไปทำไม ใบสั่งยาของนายหญิงข้า คนตายยังฟื้นได้เลย นับประสาอะไรกับคนเป็นไข้ใจเล่า

ปั้นฉินมองไปรอบๆ เรือนอย่างสบายใจ

ตระกูลเฉิงไม่ได้ไม่มีเงินเสียหน่อย เรือนหลังนี้ไม่โทรมเลย เมื่อสายตาของนางหันไปเห็นบนเตียงก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

เสียงกรีดร้องของนางทำเอาชุนหลานกับสาวใช้สองคนที่เดินเข้ามาในเรือนตกใจ

“เบาๆ หน่อย” เหล่าสาวใช้ตวาด

ปั้นฉินยกมือปิดปากพร้อมกับมองไปยังคนที่อยู่บนเตียง

นั่นคือท่านชายหรอกหรือ!

ในใจเบิกบานขึ้นมา

นายหญิงพูดถูก เขาคือลูกชายของเรือนใหญ่ตระกูลเฉิง

บรรยากาศภายในเรือนอึมครึม แต่ปั้นฉินกลับยิ้มมีความสุข สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าสาวใช้อย่างมาก

“เจ้ากลับไปเถิด หมอบอกว่านายน้อยของพวกข้าต้องพักผ่อน” เหล่าสาวใช้กล่าว

ปั้นฉินตอบรับแล้วเดินจากไป

“สาวใช้ของนายหญิงท่านใดกัน เหตุใดถึงไม่มีมารยาทเช่นนี้” เหล่าสาวใช้กระซิบด้วยความไม่พอใจ

คราวนี้พวกนางคงจำสาวใช้นางนี้ได้ขึ้นใจ

ชุนหลานมองว่าปั้นฉินตั้งใจทำกิริยาเมื่อครู่ และความจริงใจนี้ ทำให้ชุนหลานมั่นใจในยานี้มากขึ้น

“ประคองนายน้อยขึ้นมากินยาเถิด” ชุนหลานกล่าว

ท่านชายเฉิงสี่ถูกประคองขึ้นมา เขาไม่แม้แต่จะลืมตาและแทบจะไม่สามารถกินยาต้มได้

ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด ท่านชายเฉิงสี่นอนอยู่บนเตียงราวกับคนตาย

ตั้งแต่มีข่าวลือเรื่องผี ตอนกลางคืนสาวใช้ในบ้านต่างรู้สึกผวาดมาก หากหลบออกไปได้ก็เลือกที่จะหลบไปข้างนอก ยิ่งดึก ก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ชุนหลานยืนอยู่ข้างเตียง ฝ่ามือของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างทั้งร่างสั่นเทา

ป้อนยาไปแล้ว หากไม่ได้ผลก็คงต้องพึ่งตัวนำยาเพื่อกระตุ้นคืนนี้แล้ว

ชีวิตคนเรา ล้วนต้องเจอกับอุปสรรค และข้ามผ่านมันให้ได้

“ท่านชาย ท่านชาย” ชุนหลานกระซิบเรียก “ท่านชาย ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”

ท่านชายเฉิงสี่รู้สึกร่างกายเหนื่อยล้ามาโดยตลอด เหนื่อยจนอยากจะถอนหายใจยาวแต่ก็ทำไม่ได้ ทว่าไม่นานมานี้ ท่านชายถูกป้อนยาต้มไปถ้วยหนึ่ง ความเหนื่อยล้านั้นคลายลงไปมาก แต่กลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงราวกับตัวจะลอยแทน

เสียงเรียกข้างหูเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ

“ท่านชาย ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว”

มาเยี่ยมข้าหรือ ใครมาเยี่ยมข้ากัน

ท่านชายเฉิงสี่พยายามออกแรงลืมตา เหมือนที่เคยอยากทำในอดีต แต่ครั้งนี้เขากลับลืมตาได้จริงๆ

แสงไฟสลัวยามค่ำคืน ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดนัก

“ท่านชาย!”

จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้น ท่านชายเฉิงสี่จึงหรี่ตาเพ่งมองภาพเบื้องหน้า แต่กลับเห็นเป็นใบหน้าปีศาจที่เต็มไปด้วยรอยสักลอยเข้ามาใกล้

ท่านชายเฉิงสี่ตะโกนด้วยความตกใจ ตาเหลือกขาวโพลนจนสลบไป

เมื่อทราบข่าวอาการของท่านชายเฉิงสี่ที่ไม่สู้ดีนัก ฮูหยินรองเฉิงอยากรีบไป แม่นางเฉิงเจ็ดกอดแขนฮูหยินรองไว้ รั้งเพื่อไม่ให้ไป

“ท่านแม่ มีผี มีผี ท่านอย่าไปเลย” แม่นางเฉิงเจ็ดตะโกนร้องไห้

ฮูหยินรองเฉิงทั้งโกรธ ทั้งจนปัญญา ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะปลอบลูกสาว จึงต้องปล่อยให้เหล่าสาวใช้ในบ้านทุกคนมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวแทน

เมื่อฮูหยินรองเฉิงมาถึงลานด้านนอกอย่างเร่งรีบก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่อยู่ด้านใน

“ไม่ไหวแล้วหรือ” ฮูหยินรองเฉิงกล่าว หัวใจกระตุกวูบหนึ่ง

ทุกวันนี้เลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ลูกชายโตได้ขนาดนี้ หากตายไป หัวใจของคนในครอบครัวก็เหมือนถูกกรีดเนื้อออกไปชิ้นหนึ่ง

ฮูหยินรองเฉิงเดินเข้าบ้านไป ขณะนั้นชุนหลานกำลังคุกเข่าและร้องไห้ตัวสั่น

“เจ้าว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ของนี้มากจากไหนกัน! เจ้ากำลังจะทำอะไร!” นายใหญ่เฉิงตะโกน พร้อมกับโยนของบางอย่างที่อยู่ในมือลงกับพื้นอย่างรุนแรง

หน้ากากที่ตกลงพื้นแตกกระจายไปทั่ว จนกระเด็นใส่หน้าของชุนหลาน

ชุนหลานร้องไห้ คุกเข่าหมอบกราบ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองเฉิงงวยงงเล็กน้อย เสียงร้องจากด้านนอกของฮูหยินใหญ่เฉิงดังเข้ามาถึงด้านใน

“เหตุใดถึงทำให้ฮูหยินตกใจอีก” นายใหญ่เฉิงเอ่ยอย่างโมโห

หากลูกชายทางนี้มีอันเป็นไป ภรรยาคงรับไม่ไหวอีกเป็นแน่ แล้วครอบครัวจะยังคงเป็นครอบครัวได้อย่างไร!

“ต้องรอให้ลูกชายข้าตาย แล้วข้าไม่ได้พบหน้าลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย ท่านถึงจะพอใจหรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงตะโกนอย่างไร้เรี่ยวแรง นางร้องไห้จนสาวใช้ต้องพยุงร่างเข้ามา

ฮูหยินรองเฉิงรีบเข้าไปปลอบ ฮูหยินใหญ่เฉิงร้องไห้ขณะที่ถูกประคองไปข้างเตียงของท่านชายเฉิงสี่

“ไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าอย่าคิดมากไปเลย” นายใหญ่กล่าว

ฮูหยินใหญ่เฉิงมองลูกชายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

“ลูกเอ๋ย ข้าตกใจแทบ…” ฮูหยินใหญ่โถมกายลงบนร่างของท่านชายเฉิงสี่ ทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน

ยังไม่ทันจะพูดจบ ท่านชายเฉิงสี่ก็ร้องโอ๊ยออกมา

“ตกใจหมดเลย!” เขาร้องเสียงดัง ท่านชายเฉิงสี่ที่ถูกฮูหยินใหญ่ทับอยู่เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง

ฮูหยินรองเฉิงและสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต่างพากันกรีดร้อง พร้อมกับเดินถอยหลัง

ทุกคนตกตะลึง

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันครั้งนี้ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับอึ้ง

ฮูหยินใหญ่เฉิงจ้องมองลูกชายที่กำลังนั่งอยู่

“ลูก เจ้า…เจ้า…” ฮูหยินใหญ่เสียงสั่นจนพูดไม่ออก

แม้ว่าใบหน้าของท่านชายเฉิงสี่จะขาวซีด แต่แววตากลับสดใส เพียงแต่รับน้ำหนักของมารดาไว้ไม่ไหว จึงอุทานและล้มลงไป

ชุนหลานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

พระเจ้าช่วย! พระเจ้าช่วย!

หายดีแล้วจริงๆ ! ตื่นแล้วจริงๆ !

ยานี้ได้ผลจริงๆ

ชุนหลานรับโชคใหญ่แล้ว

“ท่านชาย ท่านชาย” ชุนหลานรีบคุกเข่า พร้อมกับร้องไห้เสียงดัง “ท่านฟื้นแล้วจริงๆ! หากข้าตาย ข้าก็ไม่เสียดาย!”

 ………………………………………………………………