ตอนที่ 24 น้องสาวก็แค่อยากได้พ่อ
อันโหรวพลันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เมื่อหันกลับมาหยางหยางก็ได้เริ่มตั้งคำถามกับเธอ ลูกชายตัวน้อยถามคำถามที่สะกิดใจเธอมาก เธอไม่รู้ว่าที่ผ่านมานั้นเขาคิดอะไรของเขาอยู่
“แม่ครับ ผมเห็นแม่ไม่อยากให้ผมขึ้นไป เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ในรถผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา แล้วหน่วนหน่วนก็ตะโกนว่าคุณลุง หรือว่าคุณลุงคนนั้นกับผมจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน คุณแม่ถึงได้กังวลขนาดนี้ เลยไม่อยากให้ผมเจอเขา?”
อันโหรวตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ลูกชายของเธอคิดมาถึงระดับนี้จนได้…
“แม่ต้องบอกความจริงกับผมมานะ แม่กับเขาเป็นอะไรกัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ อันโหรวก็ขัดจังหวะขึ้น “หยางหยาง ลูกเชื่อแม่ใช่ไหม ใช่หรือเปล่า?”
อันหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
อันโหรวจับมือเล็ก ๆ ของลูกชาย ก่อนจะนวดมันเบา ๆ
“ที่หน่วนหน่วนพูดมานั้น เขาคือเจ้านายคนปัจจุบันของแม่ วันนี้บังเอิญที่แม่ไปโรงแรมของเขาพอดี แต่แม่กับเขาไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนะ”
อันหยางขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากได้ยินก็ผ่อนคลายลง คำพูดที่พูดมานั้นช่วยทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก
“แบบนั้นก็ดี!”‘
“แต่ว่าหน่วนหน่วนก็ดูชอบเขานะ” อันหยางเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่ น้องสาวแค่อยากได้พ่อ แต่ว่าถ้าหากไม่สนใจสิ่งที่น้องคิด ผมมองว่าพ่อของเราก็ควรจะดีกับแม่ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่พิจารณาหรอก”
เมื่ออันโหรวเห็นท่าทีแบบนั้นก็พลันรู้สึกคิดเหมือน ๆ กัน ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง หลินจือเซี๋ยวเดินเข้ามาพร้อมกับจานองุ่นในมือ ในปากก็มีเสียงเคี้ยวดังไปเรื่อย
“โหรวโหรว ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ นะ ถ้าหากฉันมีลูกที่น่ารักแบบนี้สักคู่ชายหญิงก็คงจะดี”
อันโหรวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเองก็อยากให้เธอมีสักคนเหมือนกัน”
หลินจือเซี๋ยวพลันสะบัดศีรษะไปมาและพูดอย่างไม่เคอะเขิน “ถ้าฉันคิดอยากจะมี ก็คงต้องหาผู้ชายสักคนก่อนสิ”
ทันทีที่เอ่ยออกไป เธอก็รีบเอามือขึ้นมาปิดปาก
ยังดีหน่อยที่ไม่ได้พูดเรื่องผู้ชายตรงหน้าของโหรวโหรว ถ้าหากเรื่องพ่อของหยางหยางกับหน่วนหน่วน โหรวโหรวเองก็ไม่เคยคิดจะปริปาก เธอเลยไม่ได้เอ่ยอะไรต่อหน้าหยางหยาง…
“น้าจือเซี๋ยว” อันหยางยิ้มอย่างรวดเร็วและเดินไปข้างหน้าเธอ
“น้าจือเซี๋ยว น้ากับแม่ของผมอยู่บริษัทเดียวกัน ผมก็มีเรื่องอยากจะให้น้าช่วยหน่อย”
แปลกมากที่หยางหยางแสดงแววตาที่ดูมีลับลมคมในแบบนั้น จู่ ๆ ก็คิดอยากจะให้เธอช่วย ช่วยอะไรกันนะ?
“คุณแม่ของเธอเป็นเพื่อนรักกับน้าอยู่แล้ว หนูเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดและมีความคิดที่ดีอยู่ตลอด น้าต้องช่วยอยู่แล้ว”
“น้าจือเซี๋ยว ผมได้ยินมาว่าน้ากับแม่ของผมทำงานบริษัทเดียวกัน คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการอะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้าหากเขาคนนั้นคิดรุ่มร่ามกับแม่ละก็ ต้องบอกผมนะ” เมื่อได้ยินหลินจือเซี๋ยวก็รู้สึกเหมือนปลือกตาของเธอนั้นกระตุกเบา ๆ ราวกับเห็นหยางหยางเป็นประธานจิ่งตัวน้อยเลย
ประธานจิ่งเวลาทำงานนั้นค่อนข้างเข้มงวด พิถีพิถัน มีระเบียบ และมีแบบแผนมาโดยตลอด การทำงานของเขานั้นเรียกได้ว่าพนักงานทุกคนควรเอาเป็นแบบอย่าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการเลยนะแบบนี้ ถ้าหากจัดการไปละก็ มีหวังชื่อเสียงคงไม่เฉิดฉาย
ขณะที่กำลังถอนหายใจอยู่นั้น มือของเธอก็ถูกหยางหยางจับเอาไว้
“น้าจือเซี๋ยว น้าช่วยผมดูแลคุณแม่หน่อยนะ ช่วยจับตาดูเจ้านายของแม่ที ถ้าหากเขาทำอะไรไม่ดีกับแม่ น้าจะต้องบอกผมนะ” ตอนนี้มือของเธอแทบจะไม่มีแรง เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กที่อายุเพียงห้าขวบ ในใจเธอนั้นคิดว่าลูกของโหรวโหรวคนนี้อายุห้าขวบจริง ๆ หรือเปล่า เขาทำให้เธอตกใจหลายครั้งมาก หนำซ้ำยังมีวิธีพูดที่ค่อนข้างประหลาดอีกด้วย
“โหรวโหรว ลูกชายของเธอนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ เขามีวิธีจัดการกับประธานจิ่งด้วยเหรอ?”
เมื่อเอ่ยจบเธอก็ได้ยินเสียงของหยางหยางเอ่ยขึ้นมา
“แน่นอนครับ ผมจะไม่ให้ใครมารังแกแม่ของผมได้เด็ดขาด!”
วันที่สอง บริษัทอุตสาหกรรมจิ่ง ที่โต๊ะทำงานของประธานจิ่ง
อันโหรวเคาะประตูห้อง ในมือถือแผนการไว้แน่น พลางยืนรออยู่ที่หน้าประตู
ในเมื่อไม่มีใครตอบกลับมา เธอก็เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้อง
ภายในห้องของประธานดูเหมือนจะใหญ่กว่าสำนักงานของพวก TE การตกแต่งภายในก็ดูค่อนข้างเรียบง่ายมาก
แต่ถึงแม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่ถ้าหากสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าการตกแต่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวัสดุนำเข้ามาเกือบทั้งหมด
ตัวอย่างละก็ คงต้องพูดถึงโต๊ะยาวลายดอกท้อที่มีลวดลายที่พิเศษ ถ้าหากเป็นประธานของฝ่าย TE อย่างเขาละก็ คงจะจัดโต๊ะและปูโต๊ะขอบทองยาวไปทั่วทั้งโต๊ะ ส่วนพื้นก็คงเป็นพื้นหินแกรนิตคุณภาพสูง ทุกอย่างต้องประดับไปด้วยขอบทองตามสไตล์จิ่งเป่ยเฉิน
ขอบทองแต่ละขอบล้วนเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ
การที่จะเอาขอบทองมาไว้ที่นี่ ต้องบอกเลยว่าสิ้นเปลืองมาก แม้ว่าจะเป็นขอบทอง แต่สไตล์แต่ละอย่างก็ไม่เหมือนกัน มองดูแล้วก็รู้ว่ามีราคาแพงมาก
เผลอ ๆ อาจจะแพงกว่าโต๊ะของแผนกอื่น ๆ ด้วยซ้ำ นี่ราวกับเป็นโต๊ะเพชรทองคำโดยเฉพาะของจิ่งเป่ยเฉินเลยก็ว่าได้