ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อารมณ์ดี

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ใจลอย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใจลอยขณะที่กำลังศึกษาบางสิ่งอยู่

จนกระทั่งนางเงยหน้าขึ้นมา มองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ? ข้าพูดถูกหรือไม่?”

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สติขึ้นมา เมื่อกี้นางกล่าวว่าอย่างไรกันนะ?

ถึงอย่างไรความสามารถของกู่ที่นางคาดเดาก่อนหน้านี้ ก็กล่าวได้เป็นระเบียบแบบแผน ข้อมูลส่วนใหญ่น่าเชื่อถือและถูกต้องยิ่งนัก

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากให้นางมองออกว่าเมื่อครู่ตนใจลอย ดังนั้นเขาจึงผงกศีรษะนิดๆ “มิผิด”

ดวงตากู้ซีจิ่วทอประกาย “ท่านก็เห็นด้วยหรือว่าคนลึกลับผู้นั้นมิใช่เขา ข้าว่าแล้วเชียว ถึงแม้วิชากู่ของเขาจะเยี่ยมยอดยิ่ง แต่ก็มาที่นี่ไม่ได้หรอก”

ปรมาจารย์กู่มีเคราผู้นั้นก็นับว่าอาจารย์ของกู้ซีจิ่วกึ่งหนึ่ง แถมยังปฏิบัติต่อเธอไม่เลว เธอเลยไม่อยากให้ผู้อื่นสงสัยเขา

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปิดปากเงียบ เก็บภาพที่เธอวาดหลายแผ่นนั้นไปหมด

กู้ซีจิ่วเริ่มศึกษาภาพเหมือนคนลึกลับที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์วาด ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์วาดได้สมจริงมาก แต่วิชาพรางกายของคนผู้นี้ช่างเยี่ยมยอดโดยแท้ กู้ซีจิ่วเพ่งอยู่นานสองนานก็วิเคราะห์อะไรออกมาไม่ได้เช่นกัน

เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “หากมีเครื่องแสกนภาพสามมิติก็คงดี สิ่งนั้นสามารถแสกนโครงสร้างภายในร่างกายของมนุษย์ได้โดยตรง ต่อให้วิชาพรางกายของเขาสูงส่งเพียงใด ก็เปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกไม่ได้…คนผู้นี้ซ่อนสายลับมากมายถึงเพียงนี้ไว้ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ คิดจะทำอะไรกันแน่?”

คดีนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่ามิอาจคลี่คลายได้ในตอนนี้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ได้ตอบเธอเช่นกัน ปล่อยให้เธอคาดเดาอยู่ตรงนั้น

ช่วงเวลาเช่นนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ทำให้เขาค่อนข้างอาวรณ์อยู่บ้าง

ไม่ทันรู้ตัวด้านนอกก็สว่างแล้ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะเบาๆ หลายครั้งดังขึ้นนอกประตู เสียงทูตส่างซั่นแว่วเข้ามา “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ กู่ฉานโม่นำคนมาขอพบขอรับ”

คิ้วท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขมวดมุ่นอย่างที่พบเห็นได้น้อยนัก ถูกคนขัดจังหวะช่วงเวลาหวานชื่นที่หาได้ยากเช่นนี้ เขาค่อนข้างไม่พอใจอยู่บ้าง

กู้ซีจิ่วก็ได้สติกลับคืนมาจากการวิเคราะห์สารพัด มองด้านนอกแวบหนึ่ง ถึงได้พบว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว

เธอพูดคุยกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในห้องมาเกือบครึ่งคืนแล้ว! แถมยังคุยกันออกรสถึงเพียงนี้ ตัวกู้ซีจิ่วเองก็รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้างเช่นกัน

กู่ฉานโม่ขอเข้าพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีเรื่องมารายงานแน่นอน เช่นนั้นเธอต้องตามไปฟังด้วยไหมนะ?

เธอว้าวุ่นเล็กน้อย ทว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ากลับไปก่อน อย่าลืมซ่อมม่านเตียงของเปิ่นจุนด้วย”

เมื่อกู้ซีจิ่วนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เหงื่อตกทันที

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลากเธอมาพูดคุยไม่หลับไม่นอนทั้งคืน หรือว่าเป็นเพราะไม่มีม่านเตียงเขาก็เลยนอนไม่หลับ?

เธอส่งเสียงตอบรับ ขณะที่กำลังจะจากไป ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ยังมีบทลงโทษวิ่งรอบสนามด้วย…” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างคาดหวัง เธอรู้สึกว่าคืนนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อารมณ์ดีมาก ไม่แน่เห็นเธอไขคดีได้มีความชอบอาจละเว้นบทลงโทษนั้นให้ก็ได้

แต่เขากลับพูดต่อว่า “ห้ามขาดไปแม้แต่รอบเดียว”

เวรเอ้ย!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อารมณ์ดีเป็นแค่เมฆาล่องลอยชัดๆ!

….

เธอตอบรับแล้วเปิดประตูออกไป

ยามที่ก้าวออกไปก็เดินสวนกับทูตส่างซั่นพอดี มองเห็นนางเดินออกมาจากเรือนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในยามเช้าตรู่ ทูตส่างซั่นต้องข่มกลั้นความอยากซุบซิบนินทาของตนเอาไว้สุดกำลังแล้วทักทายนางอย่างสงบ

ยามที่กู้ซีจิ่วหันหลังจากไป สายตาของทูตส่างซั่นจับจ้องเงาหลังของนางอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่

ยังเดินเหินชดช้อยอยู่เช่นเดิน ขาทั้งสองก็ไม่มีจุดใดผิดปกติ น่าจะไม่ได้ปรนนิบัติกระมัง?

“นางเป็นยังไงบ้าง?”

“ยอดเยี่ยม เติบโตงดงาม รูปร่างก็ดี แถมยังมีความสามารถ…” ทูตส่างซั่นตอบกลับตามสัญชาตญาณ แต่ตอบไปได้ครึ่งเดียวก็ได้สติกลับมาทันที มองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างกาย ร่างเขาสั่นเทา รีบค้อมกายทำความเคารพ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”

“ชอบนางหรือ?” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถามออกมาเหมือนหลุดปาก